นอกจากการเขียน การทำไวรัลคอนเทนต์ และการปรับปรุงบทความแล้ว อีกหนึ่งในวิธีการดึงดูดให้คนดู Content มากขึ้นคือ เสริมสวยมันด้วย รูปฟรี ไม่มีลิขสิทธิ์
รูปสวยดีต่อใจ กระตุ้นให้อ่านและแชร์ ยิ่ง Content ไหน มีรูปสวยงามซึ่งสอดคล้องกับเนื้อหามากเท่าไหร่ โอกาสที่มันจะแพร่กระจายเหมือนไฟลามทุ่งบนอินเตอร์เน็ต ยิ่งมากเท่านั้น
ในบทความนี้ ผมจะแชร์แหล่งดาวน์โหลดรูปสวยงาม ฟรี ใช้เพื่อการค้าได้ และวิธีใช้รูปอย่างถูกต้อง เพื่อลดโอกาสถูกฟ้องในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์
ซึ่งทำให้คุณมีรูปสวยๆ มาใช้สร้างสรรค์ Content ได้อย่างสบายใจ
ทำไมรูปภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ
1. รูปภาพ ช่วยเพิ่มยอด Engagement
จากสถิติ We Are Social เผยข้อมูลเฉลี่ยยอด Engagement ต่อยอด Reach ที่คนเห็นโพสต์ทั้งหมด ได้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจคือ คนมี Engage อันดับ 1 คือ วิดีโอโพสต์ 6.09% กับอันดับ 2 คือ รูปภาพโพสต์ 4.42%
ทั้ง 2 รูปแบบ มีรูปภาพเป็นส่วนประกอบการนำเสนอที่สำคัญทั้งสิ้น จึงสามารถบอกได้ว่า รูปภาพ เป็นองค์ประกอบอันดับ 1 ที่ทำให้คน Engage มากที่สุด ทิ้งห่างข้อความหรือลิงก์แบบไม่เห็นฝุ่น
ทำไมคนจึงชอบรูปสวยๆ มีนักจิตวิทยาตั้งสมมุติฐานว่า นิสัยมนุษย์ชอบให้สิ่งของงดงามแก่คนอื่น เพราะผู้รับก็รู้สึกดี ผู้ให้ยังเกิดความภูมิใจในตัวเองด้วย
2. ดึงดูดสายตา และช่วยให้ลูกค้าเข้าใจง่าย
สมมติคุณอยากจ้างบริษัทตกแต่งภายใน คุณหาผู้รับจ้างจาก Google แล้วพบเว็บไชต์ของ 2 บริษัทดังรูปข้างล่าง คำถามคือ คุณอยากซื้อของจากบริษัทไหน?
รูปฟรีสวยๆ ดึงดูดความสนใจ ดูมืออาชีพ สื่อประโยชน์ของสินค้าอย่างรวดเร็ว คนจึงชอบดู Content ที่มีภาพสวยๆ มากกว่ามีแต่ข้อความเต็มพรืด สะท้อนจากผลสำรวจว่า Content ซึ่งมีภาพประกอบ ถูกเปิดดูมากกว่า Content ที่มีแต่ข้อความ ถึง 94%
พูดง่ายๆ คือ ยิ่งมีภาพสวยๆ เข้าไปมากเท่าไหร่ Content ยิ่งมีโอกาสถูกรับชมมากเท่านั้น
3. ส่งผลดีต่ออันดับ SEO
เว็บไชต์ searchmetrics แสดงข้อมูลว่า เว็บไซต์ที่อยู่ใน 10 อันดับแรกของ Google มีจำนวนรูปภาพโดยเฉลี่ย 27.9 รูป
ที่มาจากเว็บไซต์ searchmetrics
ทำไมรูปจึงมีผลต่อการทำ SEO คำตอบคือ เพราะรูปสวยๆ สร้าง “Good User Experience” ซึ่งเป็นปัจจัยที่ Google ให้ความสำคัญและส่งผลต่อการจัดอันดับ ยิ่ง Content สร้างประสบการณ์ที่ดีมากเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสติดในหน้า 1 ของ Google มากเท่านั้น
รูปฟรี ไม่มีลิขสิทธิ์ มีลักษณะอย่างไร
คุณอาจรู้อยู่แล้วว่า รูปสวยดีต่อใจ ปัญหาคือ มันแพงหูฉี่ คุณก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง แล้วจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
คำตอบคือ หารูปฟรี ไม่มีลิขสิทธิ์ จากอินเตอร์เน็ต
โดยรูปฟรีที่เหมาะนำมาทำ Content ต้องมีลักษณะ 2 อย่างดังนี้
1. มีลิขสิทธ์แบบ Creative Commons
Creative Commons (CC) คือ ข้อตกลงที่ผู้สร้างภาพอนุญาตให้นำรูปภาพไปใช้งานฟรี แต่มีเงื่อนไข โดยบางภาพสามารถแก้ไข เพิ่มข้อความ และนำไปใช้เพื่อการค้าได้ ซึ่ง CC มีรายละเอียดตามรูปข้างล่าง
ที่มารูปภาพ: pixabay
ซึ่งรายละเอียดของสัญลักษณ์ มีดังนี้
- BY : ผู้ใช้รูปต้องให้เครดิตซึ่งอาจเป็นลิงก์หรืออักษร แก่ผู้สร้างภาพ
- ND : ห้ามแก้ไข ต้องใช้ภาพ original เท่านั้น
- NC : ห้ามใช้เพื่อการค้า
- SA : หากตัดต่อหรือแก้ไขรูปเดิม รูปใหม่ต้องใช้เงื่อนไขเดิมกับรูปเก่า
โดยวิธีอ่านสัญลักษณ์คือ หาก “มี” หมายถึง ต้องปฏิบัติ แต่ถ้า “ไม่มี” หมายถึง ไม่ห้าม ตัวอย่างเช่น รูปมีสัญลักษณ์ “BY ND” หมายถึง ต้องให้เครดิต และ ใช้ภาพดั้งเดิม แต่ไม่ห้ามใช้เพื่อการค้า เป็นต้น
2 รูปฟรี ไม่มีลิขสิทธิ์ จะมีสัญลักษณ์ชัดเจน
ผมรู้จักนักธุรกิจอสังหาฯ ท่านหนึ่ง ในอดีต เขาทำสัญญาขายฝากบ้านซึ่งมีเงื่อนไขว่า อีกฝ่ายต้องคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยให้เขาทุก 3 เดือน แต่คู่กรณีกลับเบี้ยว การฟ้องร้องจึงเกิดขึ้น
แต่ผลลัพธ์ไม่เป็นดังหวัง เขาแพ้คดี สาเหตุเพราะ “คำหาย”
ศาลตัดสินว่า สัญญาขายฝากหากต้องชำระเงินเพิ่มขึ้นจากเงินต้น ต้องใช้คำว่า “ค่าตอบแทน” แต่เอกสารที่เขาทำ ใช้คำว่า “ดอกเบี้ย” จึงถือเป็นสัญญา “จำนอง” เลยไม่สามารถฟ้องว่า คู่กรณีผิดสัญญา “ขายฝาก” ได้ เนื่องจากไม่มีสัญญาขายฝากแต่ต้น
บทเรียนนี้สอนเขาและผมด้วยว่า แค่คำบางคำหาย อาจส่งผลร้ายอย่างคาดไม่ถึง
การใช้รูป CC ก็เหมือนกับการทำสัญญาครับ ก่อนใช้ทุกครั้ง ควรตรวจว่า สัญลักษณ์ CC “หาย” จากรูปหรือไม่
โดยผมสังเกตุว่า เว็บรูปฟรีบางเว็บ (สมมติชื่อเว็บ A) ซึ่งมีข้อความที่ homepage บอกว่าทุกรูปสามารถแก้ไขและใช้เพื่อการค้าได้ แต่เมื่อคลิกดูที่รูป กลับไม่มีสัญลักษณ์ CC ติดอยู่เลย ดังรูปข้างล่าง
ที่มารูปภาพ: Unsplash
เมื่อเทียบกับเว็บรูป ฟรี ไม่มีลิขสิทธิ์ อีกเว็บหนึ่ง ซึ่งแต่ละรูป มีสัญลักษณ์ CC ปรากฏอย่างชัดเจน ดังรูปข้างล่าง
ที่มารูปภาพ: Pixabay
คำถามคือ หากคุณใช้รูปจากเว็บ A แล้วเกิดกรณีพิพาทเรื่องลิขสิทธิ์ คุณจะตอบอย่างไรเมื่อถูกถามว่า รูปนี้มีข้อความหรือสัญลักษณ์ใดที่อนุญาตให้ใช้รูปแบบฟรีๆ?? แน่ละ มันเป็นคำถามที่ตอบยาก เพราะสัญลักษณ์ CC “หาย” ไปจริงๆ
ก่อนโหลดรูปมาใช้ ควรตรวจสอบว่า มีสัญลักษณ์ CC หรือข้อความอนุญาตให้ใช้รูปฟรี ปรากฏบนหน้าจอหรือไม่?
หากไม่ ส่วนตัวไม่แนะนำให้ใช้รูปจากเว็บแบบนี้ เพราะหากเกิดปัญหา จะชี้แจงยาก
เหตุผลอีกข้อคือ รูปสวยๆ ซึ่งปรากฏ CC อย่างชัดเจน มีอยู่เหลือเฟือบนอินเตอร์เน็ต มีให้ใช้เยอะอยู่แล้ว แล้วเราจะ “เสี่ยง” ไปทำไม จริงไหมครับ
หลักการใช้รูปฟรี ไม่มีลิขสิทธิ์ อย่างถูกวิธี
คำถามต่อมาคือ ในเมื่อรูป CC บางรูป อนุญาตให้ดัดแปลงและใช้เพื่อจุดประสงค์อะไรก็ได้ นั่นหมายถึง ใช้งานมันได้แบบไร้ขีดจำกัด ใช่หรือไม่?
คำตอบคือ ไม่ใช่ครับ
ลิขสิทธิ์ CC มีข้อจำกัดบางอย่างซึ่งหากคุณฝ่าฝืน มีสิทธิโดนฟ้อง แต่คนไม่ค่อยทราบ เลยทึกทักเอาเองว่าใช้รูปฟรีได้แบบ Freestyle
และนี่คือ 4 วิธีใช้รูปที่โหลดมาฟรีอย่างถูกต้อง อันจะช่วยลดโอกาสถูกฟ้องเรื่องลิขสิทธิ์ได้มาก
1. เงื่อนไขยังเหมือนเดิมหรือไม่
เมื่อรูปถูกสร้างขึ้น มันตกเป็นลิขสิทธิ์ของผู้ถ่ายรูปโดยทันที ผู้ถ่ายมีสิทธิ์กำหนดเงื่อนไขและให้ลิขสิทธิ์ CC แก่ผู้นำรูปไปใช้
ประเด็นคือ เจ้าของรูปมีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงหรือยกเลิก CC เมื่อไหร่ก็ได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ
หากคุณโหลดรูปฟรีที่เป็น CC มาสต๊อกไว้ หรือเป็นรูปที่ใช้บ่อยๆ ควรตรวจสอบก่อนใช้ทุกครั้งว่า เงื่อนไขการใช้รูปฟรียังเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะมันอาจเปลี่ยนไปแล้วก็ได้
2. รูปฟรีที่คุณใช้ สร้างความเสียหายแก่คนอื่นหรือไม่
เมื่อคุณดัดแปลง ตัดบางส่วนไปใช้ หรือเพิ่มข้อความในรูปฟรี ให้วิเคราะห์ว่า ทำแล้วก่อความเสียหายกับผู้อื่น หรือ เป็นการแอบอ้าง หรือเปล่า
ตัวอย่างเช่น คุณนำรูปฟรีที่มีสัญลักษณ์ CC ซึ่งมีดาราปรากฏอยู่ในรูปมาตัดต่อเหลือแค่ตัวคน แล้วใส่ข้อความว่า ใช้ครีมของคุณแล้วจะสวยแบบนี้ โดยดาราคนนั้นไม่รู้เรื่อง อย่างนี้ถือว่าใช้รูป CC ผิดเต็มๆ
ทำไมถึงผิด คำตอบคือ เพราะลิขสิทธิ์ CC ไม่คุ้มครองคุณจากกฎหมายอื่น (ทั้งกฎหมายในประเทศและสากล) เช่น พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ (แชร์ข้อความไม่จริง) หรือ กฎหมายหมิ่นประมาท (หากคนใช้ครีมแล้วแพ้ ดาราอาจเสื่อมเสียชื่อเสียง) การอ้างว่า ลิขสิทธิ์ CC อนุญาตให้คุณใช้รูปฟรีเพื่อจุดประสงค์ใดก็ได้ ก็เลยใส่ข้อความในรูปดาราแบบนั้น เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น
3. บอกที่มาของภาพหรือเปล่า
รูป CC บางรูปไม่จำเป็นต้องอ้างที่มา แต่ผมเสนอว่า คุณควรใส่ที่มาของรูปฟรีทุกครั้ง ทำไมต้องทำแบบนั้น
คำตอบคือ ป้องกันการลืมแหล่งที่มาของรูป เมื่ออยากอ้างอิงก็ไปได้ทันที
คุณควรทราบว่า เว็บไซต์ขายรูปทั่วโลกมีพนักงานเป็นพันๆ คน วันๆ เปิดดูเว็บไชต์อย่างเดียว เพื่อดูว่าเว็บนั้นใช้รูปฟรีอย่างถูกต้องหรือไม่ อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อบางบริษัทมั่วนิ่มบอกว่าคุณใช้รูปอย่างผิดลิขสิทธิ์ แต่คุณหาข้อมูลมาแย้งไม่ได้ เพราะลืมว่าโหลดจากเว็บไหน ซึ่งแบบนี้ไม่เป็นผลดีกับคุณแน่
เทคนิคป้องกันการลืมว่าโหลดรูปมาจากที่ไหน ที่ผมใช้มี 2 วิธี คือ
- ตั้งชื่อไฟล์รูปเป็น “ลิงก์” ที่โหลดภาพมา วิธีนี้มีข้อดีคือ ก่อนใช้รูป ยังลิงก์ไปดูได้ว่า ยังคงเงื่อนไขเดิมหรือไม่
- อ้างอิงที่มา ซึ่งทำให้ที่มาของรูปอยู่กับเว็บไชต์เลย และเป็นการให้เกียรติกับผู้สร้างภาพด้วย
4. สื่อความหมายของภาพถูกต้องหรือไม่
ส่วนตัวคิดว่า วิธีใช้ภาพ CC ที่ถูกต้องและปลอดภัยมีอยู่ 2 วิธีคือ
- สอดคล้องกับความหมายของภาพ ตัวอย่างเช่น หากเขียนเรื่อง วิธีการทำการตลาดบน Facebook ก็ใช้รูปสัญลักษณ์ของ Social Media มาประกอบ เป็นต้น
- สื่อประเด็นด้วยภาพ ผมขอยกตัวอย่างด้วยรูปข้างล่าง เป็นภาพประกอบบทความของเว็บไซต์ webbastard เขียนในประเด็นว่า “เมื่อเปลี่ยน keyword แล้ว ผลลัพธ์ทางธุรกิจดีขึ้นอย่างไร
ที่มารูปภาพ: Webbastard
เห็นปุ๊บ เข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนต้องการสื่อปั๊บ แถมดึงดูดให้อยากอ่านบทความมากขึ้นอีก
เห็นปุ๊บ เข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนต้องการสื่อปั๊บ แถมดึงดูดให้อยากอ่านบทความมากขึ้นอีก
10 เว็บโหลดรูปฟรี ไม่มีลิขสิทธิ์ ที่แนะนำ
1. pixabay
เว็บรูปฟรี ไม่มีลิขสิทธิ์ ขวัญใจนักสร้าง Content เพราะรูปสวย ความละเอียดสูง อยากได้รูปแนวไหนก็มักหาเจอ และเห็นสัญลักษณ์ CC ชัดเจน
ไปที่เว็บไซต์: Pixabay
2. kaboompics
หากอยากได้ภาพประกอบเกี่ยวกับธุรกิจ หรือ Entrepreneur รับรองว่าคุณต้องหลงรักเว็บนี้แน่นอน เพราะเต็มไปด้วยภาพเกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าวเต็มไปหมด ส่วนรูปเรื่องอื่นๆก็มีไม่น้อย
ไปที่เว็บไซต์: Kaboompics
3. flickr
โซเซียลมีเดียที่อัดแน่นด้วยรูปสวยๆ มีข้อดีคือ มีระบบกรองชนิดของภาพ จึงหารูปฟรี ไม่มีลิขสิทธิ์ได้ง่าย
ไปที่เว็บไซต์: Flickr
4. streetwill
เป็นอีกหนึ่งเว็บภาพฟรีคมชัดระดับ HD มีให้รูปให้เลือกเยอะ โดดเด่นภาพเมือง วัตถุสิ่งของ และวิถีชีวิต ให้บรรยากาศของความคลาสสิก
ไปที่เว็บไซต์: streetwill
5. publicdomainvectors
เว็บโหลด Vector ฟรี สวรรค์ของคนที่อยากได้ไอคอน หรือ สัญลักษณ์ แบบฟรีๆ เพื่อนำไปสร้างรูปประกอบ Post หรือ Visual Content
ไปที่เว็บไซต์: Publicdomainvector
6. pngtree
เว็บโหลด Vector ฟรี เน้นภาพที่ไม่มีพื้นหลัง (PNG Image) คุณสามารถนำไปใช้ได้ทันที โดยเว็บนี้จะเน้นไปที่งานเวกเตอร์ลายเส้นการ์ตูน ให้ความรู้สึกของงานคราฟต์ทำเอง
แต่มีข้อเสียคือ เว็บนี้สามารถโหลดได้ 2 ภาพต่อวันเท่านั้น หากอยากโหลดมากกว่านั้น จำเป็นต้องเสียเงิน
ไปที่เว็บไซต์: pngtree
7. picography
เว็บ Free Stock Photo โหลดรูปฟรี 100% อีกเว็บไซต์หนึ่งที่น่าสนใจ ภาพคมชัดเหมือนต้องเสียตังค์ แต่ทุกรูปในเว็บนี้สามารถโหลดได้ฟรี
ไปที่เว็บไซต์: picography
8. stocksnap
เว็บแจกรูปฟรีอีกเจ้าที่โดดเด่นในด้านคุณภาพ โหลดไปแล้วแน่ใจได้ว่าไม่ติดลิขสิทธิ์แน่นอน
ไปที่เว็บไซต์: stocksnap
9. pexels
เว็บฟรีที่สามารถค้นหาเป็นภาษาไทยได้ และแน่นอนว่าก็โหลดได้ฟรี ไม่ติดลิขสิทธิ์
ไปที่เว็บไซต์: pexels
10. unsplash
เว็บรูปฟรีอีกเว็บที่เต็มไปด้วยรูปคมชัดระดับ HD คุณภาพระดับเสียเงิน เว็บนี้จะโดดเด่นที่รูปถ่าย Inspiration บันดาลใจ ออกแนวฟุ้งๆ ชวนฝัน
ไปที่เว็บไซต์: Unsplash
10 เว็บซื้อรูป โหลดรูปเสียเงิน สำหรับผู้ต้องการภาพระดับมืออาชีพ
1. depositphotos.com
จุดเด่นของเว็บนี้คือ ราคาไม่แพง แค่ 0.99$/รูป เดือนหนึ่งโหลดได้ 10 รูป จ่ายเดือนต่อเดือนได้ แม้ราคาต่ำ แต่คุณภาพรูปสูงมาก คุ้มสุดๆ
ไปที่เว็บไซต์: Depositphotos
2. istockphoto.com
เว็บนี้ราคาต่อรูปสูงหน่อย (3$/รูป) แต่รูปสวยบาดใจมาก สวยแบบวัวตายควายล้มเลย รับรองคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์
ไปที่เว็บไซต์: iStockphoto
3. Shutterstock
เว็บไซต์ Stock Photo ที่มีผู้ใช้มากเป็นอันดับต้นๆ มีภาพในเลือกซื้อหลายแบบ ทั้งภาพถ่ายและภาพกราฟิก ภาพสวยๆ ทั้งนั้น ราคา 4.9$ ต่อภาพ
ไปที่เว็บไซต์: Shutterstock

4. Adobestock
เป็นเว็บสต็อกหน้าใหม่ไฟแรง ชื่อเก่าคือ Fotolia ภาพของที่นี่มีคุณภาพสูง ราคา 3.5$ ต่อรูป
ไปที่เว็บไซต์: Adobestock

5. Stockphoto
มีรูปให้ค้นหาเยอะ และมีคุณภาพระดับ HD ราคา 3 บาทต่อรูป ถือว่าถูกมากๆ
ไปที่เว็บไซต์: Stockphoto
6. Bigstock
เว็บขายภาพราคาถูก คุณภาพคัพแก้ว ราคา 0.5$ ต่อรูป
ไปที่เว็บไซต์: Bigstock
7. Dreamstime
ที่นี่เน้นภาพชวนฝัน ราคา 4$ ต่อภาพ
ไปที่เว็บไซต์: Dreamstime
8. stockfresh
ภาพถ่ายมีชีวิตชีวิต เหมาะสมหรับคนที่ต้องการความ Fresh ความสมจริง ดูกระตุ้น ราคา 3$ ต่อภาพ
ไปที่เว็บไซต์: stockfresh
9. stocksy
ภาพที่นี่เน้นความเก่าแก่ สไตล์อินเดียยุคเก่า
ไปที่เว็บไซต์: stocksy
10. pixtastock
เน้นภาพที่ดูฟุ้ง ดูสวย ภาพถ่ายในชีวิตประจำวัน แต่ราคาค่อนข้างราคาแพง เริ่มต้นที่ 15$ ต่อภาพ
ไปที่เว็บไซต์: pixtastock

คำเตือน
แม้วิธีการข้างต้น เป็นสิ่งที่ผมใช้อยู่และคิดว่าชัวร์ที่สุดแล้วในการหารูปฟรีจากอินเตอร์เน็ต แต่เนื่องด้วยกฏหมายลิขสิทธิ์มีความซับซ้อน ก่อนใช้รูปทุกครั้ง คุณควรอ่านเงื่อนไขให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และผู้เขียนไม่อาจรับประกันว่า วิธีข้างต้นจะทำให้คุณไม่ถูกฟ้องร้องแบบ 100%
ผมมี Resource ดีๆ มาแนะนำครับ
โปรแกรมสร้างวิดีโอ Animation รีวิวเครื่องมือใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่หัดลองทำ Animation ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ
โปรแกรมตัดต่อวิดีโอขั้นเทพ รวบรวมโปรแกรมตัดต่อวิดีโอครบวงจร มีทั้ง Smartphone และ Desktop
โปรแกรมทำ Infographic เจ๋งๆ ใช้ได้ทันทีบนเว็บเบราเซอร์ ทุกโปรแกรมมี Template ให้เลือกใช้ได้ง่ายๆ เพียง Drag&Drop
สรุป
รูปสวยๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา คือสิ่งสำคัญที่ทำให้คอนเทนต์น่าสนใจและง่ายที่จะถูกแชร์ โดย รูปฟรี ไม่มีลิขสิทธิ์ หรือรูป Vector ฟรี ต้องมีลักษณะ 2 อย่างคือ
- ลิขสิทธิ์ CC
- ปรากฏเครื่องหมาย CC ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม แม้ลิขสิทธิ์ CC จะเปิดกว้าง แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่าง ซึ่งวิธีการ 4 ข้อ จะช่วยลดโอกาสที่คุณจะถูกฟ้องร้องละเมิดลิขสิทธิ์ได้มากครับ
ตาคุณแล้ว
แล้วเพื่อนๆ ล่ะครับ มีแหล่งโหลดรูปฟรี หรือเทคนิคการใช้รูปจากอินเตอร์เน็ตอย่างไรบ้าง มาแชร์กันได้นะครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ สรุปเนืื้อหาได้เข้าใจง่ายดีครับ แต่น่าจะเขียนนานแล้วน่ะ ( ผมลงทุนซื้อรูป ShutterStock ไปแล้ว -*- )
ขอบคุณครับ คุณวินคุง
สอบถามเพิ่มอีกนิดนะครับ
กรณีขึ้นแบบนี้
CC0 Creative Commons
สำหรับใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ฟรี
ไม่มีลักษณะที่ต้องการ
ภาพที่ขึ้นแบบนี้สามารถนำมาดัดแปลง อย่างเช่น นำมารีทัช เพื่อนำมาประกอบกับหนังสือ ในเชิงพาณิชย์ จะทำได้ไหมครับ
ขอบคุณมากครับ
เรียนคุณ Got
ลองดูรายละเอียดตามลิงค์ครับ https://en.wikipedia.org/wiki/Creative_Commons_license
ขอบคุณมากครับ
สอบถามค่ะ
ถ้านำภาพข่าวอากาศ อวกาศของนาซ่ามาดัดแปลงใช้เป็นลายพิมพ์เสื้อขาย ผิดลิขสิทธิ์ไหมคะ
ต้องตรวจสอบว่า ภาพดังกล่าว มีลิขสิทธิ์ประเภทไหนครับ หากไม่ชัวร์ว่าใช้เพื่อการค้าได้ เสนอให้ซื้อดีกว่าครับ