ถ้าคุณมีโอกาสได้เคยสร้างชิ้นงานโฆษณาออนไลน์ด้วยตัวเองมาก่อน คุณคงเห็นด้วยว่านี่เป็นงานที่ ‘ถึก’ และคิดเยอะไม่ใช่น้อยงานนึงเลยเหมือนกัน  …คงจะดีถ้าหากมีตัวช่วยสร้างโฆษณาที่ช่วยให้เราทำงานได้สะดวกและประหยัดเวลามากขึ้น

สำหรับบทความนี้เรามีข่าวดีสำหรับคนที่ลงโฆษณาบน Google มาฝากค่ะ ปัจจุบัน Google Ads นั้น มีฟีเจอร์ที่ช่วยทำงานบางอย่างให้เราแบบอัตโนมัติ (Automation) ทั้งในส่วนของ Bidding (การลงเงิน) และในส่วนของการสร้างคอนเทนต์โฆษณา (Ad Content) สำหรับบทความนี้จะขอโฟกัสการทำ Automation ในส่วนของ Ad Content โดยเฉพาะค่ะ

Shifu แนะนำ

สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่า Google Ads น่าสนใจยังไง ลองอ่านบทความ Google Ads 101 ของพวกเรา หรือลองดูวิดีโอนี้ได้ค่ะ

บทความนี้จะพูดถึงความสามารถในเชิงฟีเจอร์ ประโยชน์ที่ได้รับจากแต่ละฟีเจอร์ และ How-To ในการลงขั้นคอนเซปต์พื้นฐาน หากคุณสนใจใช้งานฟีเจอร์ไหนต่ออย่างจริงจัง ลองศึกษาต่อเพิ่มเติมหรือทักมาพูดคุยกับเราเพื่อให้ลงดีเทลที่เฉพาะเจาะจงเพิ่มเติมนะคะ

มาเริ่มกันเลย

รู้จักกับฟีเจอร์ การสร้างโฆษณาบน Google แบบอัตโนมัติ (Automation)

3 ฟีเจอร์การสร้างโฆษณาแบบอัตโนมัติ ที่จะขอพูดถึงในบทความนี้ ได้แก่

  • Responsive Search Ads
  • Dynamic Search Ads
  • Ad Customizers

Responsive Search Ads

“ยิ่งหลากหลาย ยิ่งดี”

เราไม่รู้ว่าข้อความแบบไหนจะโดนใจผู้ค้นหาให้เขาอยากคลิก ในโลกของ Digital Marketing วิธีที่ดีที่สุดที่จะรู้ได้ว่าคอนเทนต์ไหนเวิร์กหรือไม่เวิร์ก คือการทดลองทำจริง (A/B Testing) แล้วดูผลลัพธ์

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเขียนคอนเทนต์และสร้างโฆษณาในปริมาณมากๆ ก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างเหนื่อย ถ้าต้องมานั่งทำทีละอัน Google จึงได้ออกฟีเจอร์ Responsive Search Ads ช่วยให้คุณสร้าง Ads ได้มากถึง 40 รูปแบบโดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลาป้อนทีละอัน

ข้อดีของ Responsive Search Ads

  • สะดวก ประหยัดเวลา
    Responsive Search Ads คือการที่เราสามารถสร้าง Ad text ได้ถึง 10 Headline และ 4 Description (แตกต่างจาก Search Ad ธรรมดาที่สร้างได้เพียง 3 Heading) และนำแต่ละอันมา Combine กัน จนได้ Ads ที่แตกต่างกันถึง 40 ตัว (10 x 4)
  • Performance
    ช่วยให้คุณเห็น Combination ที่ดีที่สุดของ Ad แต่ละแบบ

วิธีลง Responsive Search Ads ทำอย่างไร

ลองดูวิดีโอสอนการใช้งานได้ที่นี่เลยค่ะ (แนะนำโดยคุณเชอร์รี่ วิทยากรคอร์สเรียน Google Ads ที่ Content Shifu)

Dynamic Search Ads

การเลือกและหา Keyword ที่ดี ที่น่าใช้ เป็นงานที่ไม่ง่าย แม้แต่มืออาชีพที่ทำมานานยังมักพลาด Keyword ดีๆ ไป (เช่น บริษัทมีสินค้าออกใหม่ และต้องรีบทำแคมเปญ โดยไม่มีเวลาทำ Keyword Research อย่างละเอียดมากพอ) ฟีเจอร์ Dynamic Search Ads นี้จึงเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องนี้

Dynamic Search Ads คืออะไร

Dynamic Search Ads คือการให้ Google ช่วยแสดงผล Ad ไปยัง Landing Page ที่คุณต้องการ โดย Ad จะปรากฏให้กับคนที่กำลังค้นหาในเรื่องที่ใกล้เคียงกับคอนเทนต์ใน Landing Page ของคุณ และ Google มองว่าน่าจะมี Potential ที่จะสนใจ Landing Page ของคุณ

ประโยชน์ของ Dynamic Search Ads

Google จะช่วยแสดง Ad ให้กับกลุ่มลูกค้าที่มี Potential โดยอัตโนมัติ ช่วยคุณประหยัดเวลา และมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น กว่าการกำหนดกลุ่ม Keyword แบบเจาะจง นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะมีค่าใช้จ่ายต่อคลิกถูกลงอีกด้วย

ทั้งนี้ Dynamic Search Ads เหมาะกับเว็บไซต์ที่ทำคอนเทนต์และ On-page SEO ในหน้า Landing Page ที่คุณต้องการมาเป็นอย่างดีแล้วในระดับนึง

**เว็บที่ทำ SEO ดีๆ จะได้เปรียบ เพราะ Google เชื่อมั่นใน Quality score ของหน้านั้นๆ อยู่แล้ว

วิธีทำ Dynamic Search Ads

ลองดูวิดีโอสอนการใช้งานได้ที่นี่เลยค่ะ (แนะนำโดยคุณเชอร์รี่ วิทยากรคอร์สเรียน Google Ads ที่ Content Shifu)

ทั้งสองตัวที่พูดถึงนี้ คุณสามารถหาเจอได้ในเมนู Ads & extensions แล้วเลือก + กดสร้าง Ad ค่ะ

สร้างโฆษณา Google

 

สองตัวที่ได้กล่าวไปแล้วนั้นเป็นฟีเจอร์ที่มาใหม่ในปี 2019 นอกจากนี้ Google Ads ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่าง Ad Customizers ที่ถึงแม้จะมีมาซักระยะแล้ว แต่ก็มีความสามารถที่น่าสนใจเยอะมากและนักการตลาดอาจจะยังไม่ได้ใช้งานอย่างเต็มที่ จึงขอหยิบมาพูดถึงคร่าวๆ ด้วยค่ะ

Ad Customizers

Ad Customizers เป็นการสร้าง Ad โดยอาศัยค่าตัวแปรต่างๆ และให้ Google Ads ช่วยแทนค่าตัวแปรนั้นๆ จนได้เป็นผลลัพธ์ที่ต้องการ

Ad Customizers นั้นมีหลายประเภทให้เลือกใช้งาน โดยในส่วนของการใส่ค่าตัวแปรนั้นเราจะเรียกกันว่า Parameter Customizer

ขออนุญาตยกตัวอย่างให้เห็นภาพ โดยอ้างอิงจากตัวอย่างการใช้ Ad Customizers ที่ทาง Google มีให้ แต่ปรับตัวอย่างใหม่ และแปลงเป็นเวอร์ชันภาษาไทย อ่านง่ายๆ ค่ะ

Shifu แนะนำ

กรณีศึกษา: สมมติว่าบริษัทของคุณเป็นร้านขายอุปกรณ์เครื่องครัวจากหลากหลายยี่ห้อ แถมแต่ละยี่ห้อก็มีหลายรุ่น แทนที่คุณจะต้องมานั่งเขียน Ad ให้แต่ละนี่ห้อและแต่ละรุ่น คุณสามารถทำเทมเพลตเอาไว้ แล้วใส่ตัวแปรลงไป

เช่น

{สินค้า} คุณภาพ จาก {ยี่ห้อ}

จุได้มากถึง {ความจุ} ลิตร รับประกัน {ปีรับประกัน} ปี

เพียง {ราคา} บาท – ราคาพิเศษเฉพาะ {วันสิ้นสุดโปรโมชัน} เท่านั้น

จากนั้นคุณสามารถอัปโหลดข้อมูลที่คุณมี (ในลักษณะ Speadsheet ลงไป) เช่น

สร้างโฆษณา Google Ad Customizer

ผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็น…

Ad 1

กระทะไฟฟ้าอเนกประสงค์ คุณภาพ จาก BananaChicchic
จุมากถึง 3 ลิตร รับประกัน 3 ปี เพียง 1,790 บาท …

และ

Ad2

กระทะปิ้งย่าง คุณภาพ จาก BlueberryCheesecheese
จุมากถึง 4.5 ลิตร รับประกัน 3 ปี เพียง 1,290 บาท…

 

ดังนั้นหากคุณมี Row ข้อมูลมากเป็นสิบ ร้อย หรือพัน ก็สามารถสร้าง Ad ได้ภายในรวดเดียว โดยอาศัยเทมเพลตและการนำตัวแปรไปวางไว้ใน Ad ของคุณ

จากตัวอย่างเมื่อซักครู่ คุณจะเห็นตัวอย่างของการใส่ค่าตัวแปร (Parameter) ลงไปแล้ว

นอกจากการใส่ตัวแปร Parameter แล้ว ยังมีอีกลูกเล่นที่คุณสามารถเล่นกับ “เวลา” ได้ (เราเรียกฟีเจอร์นี้ว่า Countdown Customizer)และแทนที่จะแสดงผลเป็น “ราคาพิเศษถึง 15 พ.ย. 2019 เท่านั้น” ซึ่งมีความยุ่งยากในการอ่าน คุณสามารถให้ Google Ads ช่วยคำนวณจำนวนวันให้กับคุณได้ เช่น หาก Ad นี้แสดงผลในวันที่ 12 พ.ย. ให้แสดงผลเป็น “ราคาพิเศษเฉพาะ 3 วันนี้เท่านั้น” (15-13 = 2) หรือหากแสดงผลในวันที่ 13 พ.ย. ให้แสดงผลเป็น “ราคาพิเศษเฉพาะ 2 วันนี้เท่านั้น” เป็นต้น โดยไม่ต้องมาแก้ข้อความในทุกๆ วัน

นอกจากสองตัวที่น่าสนใจนี้แล้ว อีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจคือ Customizer แบบ IF ซึ่งคุณสามารถตั้งเงื่อนไขได้ เช่น หากพบว่า User ใช้งานบน Mobile ให้แสดงข้อความแบบนึง แต่หากเป็น Desktop ให้แสดงอีกแบบนึง เป็นต้น

สรุป

บทความนี้ต้องการช่วยให้ Advertiser และ Copywriter ทำงานสร้างโฆษณาบน Google ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยแนะนำ 3 ฟีเจอร์ที่ทาง Google Ads (โฟกัสที่ Search Ads) มีให้ใช้งานได้ ได้แก่ Responsive Search Ads, Dynamic Search Ads และ Ad Customizers

ตาคุณแล้ว

หากคุณต้องการเรียนรู้ฟีเจอร์และความสามารถของ Google Ads ในระดับวางแผน และลงมือในขั้นสูงมากยิ่งขึ้น Content Shifu มีคอร์สออนไลน์ Google Ads Certification ที่รวบรวมเทคนิคที่ใช้งานได้จริง

New call-to-action