สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่ทำการตลาดด้วย Search Engine Optimize (SEO) หนึ่งในเหตุการณ์ที่ต้องสนใจคือ การอัปเดต Algorithm ของ Google เพราะเป็นอีเวนต์ที่ Google จะปรับปรุงวิธีจัดอันดับของผลการค้นหา ซึ่งอาจส่งผลต่อ Ranking ของบทความอย่างมีนัยยะสำคัญ
โดยหนึ่งในปัญหาที่เจ้าของเว็บมักเจอคือ หลังจากอัปเดต Algorithm ของ Google ปริมาณผู้เข้าชมเว็บแบบ Organic Traffic ลดลงอย่างฮวบฮาบ
บทความนี้ ผมจะมาเจาะลึกว่า “Google Algorithm Update” คืออะไร ทำไมจึงทำให้ Organic Traffic ลดลง และวิธีป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ของคุณได้ผลกระทบ
เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันดีกว่าครับ!
Google Algorithm คืออะไร
Google Algorithm คือ ระบบของ Google ซึ่งทำหน้าที่กำหนดว่า คอนเทนต์ไหนจะปรากฏในลำดับ 1, 2, 3 และลำดับอื่นๆ บนผลการค้นหา
โดยรูปแบบการทำงานของ Google Algorithm นั้น มีลักษณะเหมือนรายการประกวดร้องเพลง โดยจะมีกรรมการหลายคน กรรมการแต่ละคนจะคอมเมนต์และให้คะแนนในส่วนที่ได้รับหมอบหมาย เช่น กรรมการ A ให้คะแนนส่วนร้องเพลง กรรมการ B ให้คะแนนส่วนท่าเต้น จากนั้นนำคะแนนแต่ละคนมารวมกัน เพื่อคัดเลือกอันดับ 1, 2, 3 ตามลำดับ
การจัดอันดับผลการค้นหาบนเว็บไซต์ ก็คล้ายกับการประกวดร้องเพลงครับ ซึ่ง Google Algorithm มีลักษณะแบบ Multi-type โดยแต่ละชนิดก็จะพิจารณาในประเด็นที่แตกต่างกัน
เมื่อผู้ใช้ Google ทำการพิมพ์คีย์เวิร์ดในช่องค้นหา Google Algorithm แต่ละชนิด ก็จะพิจารณาคะแนนในส่วนของตัวเองว่า คอนเทนต์ไหนได้รับคะแนนสูงสุด แล้วจึงนำคะแนนมารวมกัน เพื่อจัดอันดับคอนเทนต์ที่ปรากฏบนผลการค้นหาต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมว่า Google Algoritm มีกี่ชนิด แต่ละชนิดทำหน้าที่อะไร พร้อมสรุปวิธีปฏิบัติให้สอดคล้องกับ Google Algorithm ได้ที่
Google Algorithm Update ส่งผลอย่างไร
Google Search Central ซึ่งเป็นเว็บไซต์ทางการของ Google อธิบายว่า การอัปเดต Google Algorithm หรือที่เรียกว่า “Core Update” จะส่งผลตามข้อความข้างล่าง ดังนี้ (ผมขอสรุปเป็นภาษาไทยนะครับ)
“Core Update เปรียบเหมือนการอัปเดตตารางหนังฮิต สมมุติว่า ปี 2015 มีการจัดอันดับ Top 100 Movie เมื่อเวลาผ่านไปถึงปี 2019 ก็จะมีหนังใหม่ซึ่งมีคุณภาพยอดเยี่ยมออกฉาย หนังใหม่บางเรื่องที่ไม่เคยอยู่ใน Top 100 Movie มาก่อน ย่อมสมควรที่จะปรากฏในตารางอันดับหนังของปี 2019”
“การทำ Core Update เช่นกัน บางคอนเทนต์ซึ่งมีอันดับตกลงหลังจากเกิด Core Update นั้น ไม่ได้หมายความว่า คอนเทนต์นั้นไม่มีคุณภาพ แต่เป็นเพราะว่า อาจมีคอนเทนต์อื่นซึ่งในอดีต ไม่เคยปรากฏใน 100 อันดับแรกของผลการค้นหา แต่ด้วยบริบทปัจจุบัน อาจเป็นคอนเทนต์ที่มีข้อมูลตรงกับสิ่งที่ค้นต้องการทราบ จึงได้เข้ามาอยู่ใน 100 อันดับแรก และส่งผลให้อันดับการค้นหาเกิดการเปลี่ยนแปลง“
จากข้อมูลข้างต้นพบว่า แต่ละครั้งที่เกิด Core Update Google จะนำประเด็นเรื่อง “ปัจจุบันกาล” มาเป็นหนึ่งในปัจจัยในการจัดอันดับ โดยคอนเทนต์ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์และเนื่อหาสอดคล้องกับภาวะปัจจุบัน จะมีโอกาสปรากฏในอันดับต้นๆ มากกว่าคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาตกยุคครับ
หลัง Core Update ทำไมอันดับผลการค้นหาจึงตก
1. เว็บเพจบนผลการค้นหาเกิดการเปลี่ยนแปลง
จากหัวข้อที่แล้ว เราทราบแล้วว่า เมื่อเกิด Core Update ขึ้น จะมีการเปลี่ยนแปลงคอนเทนต์ในผลการค้นหา เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะปัจจุบัน
จึงเป็นไปได้ว่า หลัง Core Update คอนเทนต์เว็บไซต์ที่ปรากฏบนผลการค้นหาของคีย์เวิร์ดหนึ่ง อาจเปลี่ยนแปลงจากคอนเทนต์ A ไปเป็นคอนเทนต์ B ซึ่งหากคอนเทนต์ B ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ผู้คนหาต้องการ อาจทำให้ผู้ชมออกจากคอนเทนต์ B อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจส่งผลให้อันดับบนผลการค้นหาลดลงอย่างมาก
โดยหากคีย์เวิร์ดข้างต้น มีปริมาณค้นหาหามาก การที่อันดับลดลงอย่างมาก ย่อมจะส่งผลต่อปริมาณการคลิกเข้าชมเว็บไชต์อย่างมีนัยยะสำคัญ
2. คอนเทนต์ Out 0f Date
คอนเทนต์ที่ Out Of Date หมายถึง คอนเทนต์ซึ่งมีเนื้อหาเก่า ตกยุค ไม่ตรงกับภาวะปัจจุบัน
โดยสินค้าบางชนิด เช่น สินค้าเทคโนโลยี เกม หรือ แฟชั่น มักมีการออกสินค้ารุ่นใหม่ หรือ อัปเกรดสเปคอยู่ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น โทรศัพท์มือถือ ซึ่งแต่ละปี เจ้าของสินค้าจะมีการออกสินค้ารุ่นใหม่ หรือการอัปเดตฟีเจอร์อยู่ตลอด ด้วยลักษณะอุตสาหรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง ผู้คนหาข้อมูลก็ย่อมต้องการข้อมูลหรือรีวิวสินค้ารุ่นใหม่ตลอดเวลา คอนเทนต์ของสินค้าข้างต้นจึงมีโอกาส Out Of Date ได้ง่าย
คอนเทนต์อีกชนิดที่ตกยุคเร็ว คือ คอนเทนต์เกี่ยวกับอุตสาหรรกรรมบันเทิง เช่น ดารา ภาพยนตร์ ดนตรี เพราะดารามักมีกิจกรรมด้านบันเทิงใหม่ๆ ตลอดเวลา ปีนี้ดาราบางคนอาจแสดงเป็นพระเอกนางเอกหนัง ปีหน้าอาจเน้นไปที่การร้องเพลงหรือออกเอ็มวี ส่วนภาพยนตร์และดนตรีมักมีเรื่องราว เพลงใหม่ๆ มานำเสนอแบบไม่หยุดหย่อน ดังนั้นคอนเทนต์ยอดนิยมในปีก่อน อาจไม่น่าสนใจแล้วสำหรับปีนี้ ก็เป็นได้
หากเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมที่สินค้าเปลี่ยนแปลงตลอด หรือ มีกิจกรรมใหม่อยู่เรื่อยๆ จึงมีโอกาสที่หลังจาก Core Update คอนเทนต์ที่มีลักษณะ Out Of Date จะมีอันดับลดลงอย่างมาก (อันนำมาซึ่งปริมาณ Organic Traffic ลดลงด้วย) เนื่องจากเป็นข้อมูลที่เก่าและไม่สอดคล้องกับความต้องการของผู้คนหานั้นเอง
3. Backlink เกิดการเปลี่ยนแปลง
ปัจจุบัน Network SEO หรือที่เรียกว่า PBN (Private Blog Network) เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่นัก SEO ใช้ เพราะหากสร้าง PBN อย่างปราณีตบรรจง ฟูมฟักอย่างถูกวิธี จะสามารถนำมาใช้เพื่อดันอันดับเว็บไซต์ได้
โดยรูปแบบของ Networkd SEO ที่นิยมใช้ คือ Tiered link Strategy ซึ่งจะประกอบด้วย Tier 1, 2, 3 อันมีลักษณะดังนี้
- Tier 1 : เว็บไซต์หรือเว็บเพจที่มีค่าความน่าเชื่อถือสูง (High Authority) และมีเนื้อหาเหมือนกับเว็บที่ต้องการเนื้อหาเหมือนกับเว็บที่ต้องการดันอันดับ [Money Site] ตัวอย่างเช่น Money Site เป็นเว็บเกี่ยวกับขายคอนโด เว็บที่เป็น Tier 1 ก็ควรเป็นเว็บเฉพาะทางในเรื่องคอนโด เช่นกัน
- Tier 2 : เว็บไซต์หรือเว็บเพจที่เนื้อหาเกี่ยวข้องกับ Tier 1 โดยเว็บที่เป็น Tier 2 ต้องมีบทความซึ่งมีลักษณะขยายความ Tier 1 ตัวอย่างเช่น หาก Tiered 1 เป็นเรื่องเกี่ยวกับคอนโด Tiered 2 ต้องเป็นบทความที่เกี่ยวกับ คอนโดแบรนด์ต่างๆ (Sansiri ,SC Asset ,KP) เป็นต้น
- Tier 3 : เว็บเพจที่เนื้อหาขยาย Tier 2 โดยหาก Tier 2 เป็นบทความเกี่ยวกับ คอนโดแบรนด์ต่างๆ Tier 3 ต้องเป็นบทความที่กล่าวถึงคอนโดแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งอย่างละเอียด เช่น
- 10 อันดับคอนโดพฤกษาเปิดใหม่ปี 2022
- รายละเอียดคอนโดพฤกษาในย่านพระราม 9
- ราคาคอนโดพฤกษาในกรุงเทพ
ในเรื่องการเชื่อมโยง Tier 3 มีการสร้างลิงก์ไปยัง Tier 2 Tier 2 สร้างลิงก์ไปยัง Tier 1 Tier สร้างลิงก์ไปยัง Money Site รายละเอียดตามรูป
โดยประโยชน์ของ Tier 2, Tier 3 คือ เพิ่มค่า Authority ให้กับ Tier ที่อยู่ลำดับสูงกว่า
อธิบายเพิ่มเติมคือ โดยปกติ ทุกเว็บเพจใน Tier 3 จะมีค่า Authority อยู่จำนวนหนึ่ง
เมื่อสร้างลิงค์จาก Tier 3 สู่ Tier 2 จะส่งผลให้ค่า Authority ของ Tier 2 เพิ่มขึ้น และเมื่อสร้างลิงค์จาก Tier 2 สู่ Tier 1 จาก Tier 1 สู่ Money Site ผลลัพธ์คือ ค่า Authority ของ Money Site มีจำนวนมากขึ้น
ซึ่ง Authority คือ ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่ออันดับการค้นหา เมื่อ Money Site มีค่า Authority มากขึ้น โอกาสที่อันดับในผลการค้นหาจะพุ่งขึ้นไปอยู่บนหน้าหนึ่ง หรือติด 3 อันดับแรก จะมีมากตามด้วย
โดยหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อค่า Authority ของแต่ละเว็บเพจ (ไม่ว่าจะเป็น Tire ใดก็ตาม) คือ อันดับในผลการค้นหา ยิ่งเว็บเพจไหนมีอันดับในผลการค้นหาใกล้เคียงหน้าหนึ่ง โอกาสที่ค่า Authority ของเว็บเพจนั้นจะสูงกว่าเว็บเพจที่ห่างไกลจากหน้า 1 ยิ่งมีมากตาม
ทำไม Core Update จึงส่งผลต่อ Network SEO?
คำตอบคือ เว็บเพจจำนวนมากใน Tier 3 & Tier 2 อาจมีอันดับในผลการค้นหาลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ หรือหายไปจาก 100 อันดับแรกของผลการค้นหาเลย สาเหตุมักเกิดจากเนื้อหาคอนเทนต์ที่ Out of Date จน Google มองว่า ไม่มีประโยชน์ต่อผู้อ่านอีกต่อไป
ตัวอย่างเช่น เว็บเพจ Tier 3 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ “คอนโดน่าสนใจย่านถนนพระราม 9” โดยเนื้อหาเป็นคอนโดที่ขายหมดเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
ก่อน Core Update เว็บเพจข้างต้นอาจปรากฏในอันดับที่ 10 หรือ หน้า 2 -3 พอเกิด Core Update ขึ้น Google อาจมองว่าเนื้อหาไม่สอดคล้องกับภาวะปัจจุบัน จนอันดับในผลการค้นหาลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
ซึ่งหากเกิดกรณีข้างต้นกับเว็บเพจใน Tier 3 & Tier 2 จำนวนมาก ผลคือ ค่า Authority ของ Tier3 & Tier 2 ลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ทำให้ ค่า Authority ของ Tier 1 & Money Site น้อยลงตาม
ยิ่งหากเว็บไซต์ใด เน้นการทำ Off-page Optimization โดยใช้ Network SEO จำนวนมาก พอเกิด Core Update ขึ้น อาจทำให้ ค่า Authority ของ เว็บที่เป็น Tier 1 & Money Site น้อยลงอย่างฮวบฮาบ ซึ่งอาจส่งผลให้คอนเทนต์ของเว็บ Money Site มีอันดับผลการค้นหาลดลงอย่างหนัก จนส่งผลกระทบต่อปริมาณคนเข้าชมเว็บอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดย 3 ประเด็นข้างต้น คือเหตุผลที่ทำให้เว็บไซต์มี Organic Traffic ลดลง ต่อไป เรามาดูวิธีป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ได้รับผลกระทบจาก Core Update กันครับ
วิธีป้องกันไม่ให้เว็บไชต์ได้รับผลกระทบจาก Core Update
อัปเดตคอนเทนต์สม่ำเสมอ
สิ่งแรกที่ควรทำ อัปเดตคอนเทนต์ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับปัจจุบันอยู่เสมอ
ในระยะสั้น ขั้นแรกให้ตรวจสอบเลยว่า เนื้อหาของเว็บเพจที่อันดับลดลงมากนั้น มีลักษณะ Out Of Date หรือไม่
ถ้าใช่ ให้เร่งค้นคว้าข้อมูลว่า รายละเอียดต่างๆ ของเนื้อหา ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างไร ตัวอย่างเช่น หากเนื้อหาเกี่ยวกับ “คอนโดน่าอยู่แถวพระราม 9” ก็ต้องอัปเดตข้อมูลว่า ณ ปัจจุบัน ในสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook Pantip ผู้คนชื่นชมคอนโดแบรนด์ไหน รีวิวคอนโดใหม่มีอะไรบ้าง คอนโดไหนที่อดีตเคยมีชื่อเสียงที่ดี แต่ปัจจุบันมีข้อร้องเรียนและแจ้งปัญหาในโลกออนไลน์เยอะมาก
เมื่อรวบรวมข้อมูลครบถ้วน ก็ให้อัปเดตเนื้อหาให้สอดคล้องกับภาวะปัจจุบัน จากนั้นจึงนำคอนเทนต์เวอร์ชั่นใหม่ไปโปรโมทตามช่องทางต่างๆ
ในระยะยาว เราควรมีวางแผนล่วงหน้าว่า ภายในหนึ่งปี ต้องมีการตรวจสอบและอัปเดตเนื้อหาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้คอนเทนต์บนเว็บไซต์เรามีข้อมูลที่สอดคล้องกับภาวะปัจจุบัน เพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบเชิงลบเวลาที่เกิด Core Update นั่นเองครับ
บริหารเรื่อง Indexing ให้ดี
Indexing คือ กระบวนการที่ Search Engine นำเว็บเพจที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหา มาแสดงบนหน้าผลการค้นหา
เมื่อมี Core Update บางครั้งอาจเกิดปัญหา Wrong Indexing นั่นคือ เว็บเพจที่แสดงบนผลการค้นหาของ Google ไม่ใช่อย่างที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น เจ้าของเว็บไซต์เขียนบทความ A ซึ่งเนื้อหาเกี่ยวกับคีย์เวิร์ด “คอนโดพระราม 9” แล้วคาดหวังให้บทความ A อยู่ในผลการค้นหา แต่หลังจาก Core Update พอค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดดังกล่าว Google กลับแสดงบทความอื่นซึ่งไม่ใช่บทความ A และมีเนื้อหาไม่เกี่ยวกับคอนโดพระราม 9 ขึ้นมา
ปัญหา Wrong Indexing จะส่งผลเสียต่อ SEO เพราะ หากคนเข้าชมบทความแล้วพบว่า เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ด พวกเขาจะออกบทความอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ Google มองว่าเป็นบทความที่ไม่มีคุณภาพ จึงยากที่ติดอันดับต้นๆ ของผลการค้นหา
วิธีแก้ป้องกันและแก้ปัญหา Wrong Indexing ให้ดำเนินการ 2 เรื่องดังนี้
- 1. ออกแบบโครงสร้างเว็บให้ถูกหลัก SEO เพื่อระบุให้ Google เข้าใจอย่างชัดเจนว่า เว็บเพจไหนเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดอะไร เพื่อหลังจาก Core Update จะได้ไม่แสดงผลการค้นหาผิดบทความอีก
- 2. ใส่ Canonical tag เพื่อแจ้ง Google ให้ทราบว่า เว็บเพจใดที่เจ้าของเว็บอยากให้ปรากฏในผลการค้นหา
โดยสามารถดูรายละเอียดทั้ง 2 เรื่องข้างบน ตามลิงค์ข้างล่าง
สร้าง Quality Backlink
Quality Backlink คือ ลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ มีการสร้างคอนเทนต์คุณภาพอย่างต่อเนื่อง และมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ Money Site ตัวอย่างเช่น หาก Money Site เป็นเว็บไซต์รีวิวและขายคอนโดมือสอง Quality Backlink ก็คือลิงก์ที่มาจากเว็บมีเนื้อหาเกี่ยวกับคอนโด ซึ่งเป็นเว็บที่มีคนเข้าชมเว็บเป็นจำนวนมากต่อเดือน
ข้อดีของ Quality Backlink คือ เมื่อเกิด Core Update ลิงก์แบบนี้แทบจะไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบเลย เนื่องจาก เป็นลิงก์จากเว็บที่มีการสร้างคอนเทนต์คุณภาพอย่างต่อเนื่อง ในระยะยาว ค่า Authority ของ Quality Backlink มีแต่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อ Money Site ด้วย
ดังนั้น หากเว็บไซต์ใดสร้างลิงค์โดยเน้นที่ Quality Backlink เป็นหลัก โอกาสที่หลังจาก Core Update แล้วอันดับตก จึงมีน้อยตาม
สรุป
การอัพเดท Google Algorithm หรือที่เรียกว่า Core Update นั้น อาจส่งผลให้อันดับผลการค้นหาเปลี่ยนแปลง โดยคอนเทนต์ซึ่งมีประโยชน์และเนื้อหาสอดคล้องกับภาวะปัจจุบัน มีโอกาสปรากฏในอันดับต้นๆ มากกว่าคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาเก่าและไม่อัพเดท
ส่วนสาเหตุที่หลังจาก Core Update แล้ว ปริมาณ Organic Traffic ของเว็บไซต์ลดลงอย่างหนัก มักเกิดจาก 3 สาเหตุคือ เว็บเพจบนผลการค้นหาเปลี่ยนแปลง, คอนเทนต์ Out Of Date และ Backlink เกิดการเปลี่ยนแปลง
ซึ่งวิธีการแก้ไขและป้องกันผลกระทบจาก Core Update มีดังนี้
- จัดการเรื่อง Index ให้ดี โดยการใส่ Canonical tag และออกแบบโครงสร้างเว็บให้ถูกหลัก SEO
- อัพเดทคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ
- ทำ Quality Backlink ซึ่งเป็นลิงค์คุณภาพสูง ไม่เน้นสร้าง Link Spam
ตาคุณแล้ว
หวังว่าบทความนี้จะช่วยทำให้ผู้อ่านทราบว่า เมื่อ Core Update เกิดขึ้น จะส่งผลต่ออันดับผลการค้นหาและปริมาณ Organic Traffic อย่างไร มีวิธีป้องกันผลกระทบจาก Core Update อย่างยังไงบ้าง หากคุณอ่านแล้วมีข้อคิดเห็นหรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับ Core Update อย่างไร ก็มาแชร์กันได้นะครับ ขอบคุณครับ