“ประเทศไทย” หนึ่งในประเทศลูกรักของ Google ที่ทาง Google ได้ขนบริการใหม่ ๆ ในเวอร์ชันภาษาไทยให้พวกเราได้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง อย่าง “Google Assistant” บริการผู้ช่วยบนมือถือที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้ในเวอร์ชันภาษาไทย แล้วเมื่อสองวันที่ผ่านมา ใน “Google for Thailand” งานแสดงวิสัยทัศน์ และบริการใหม่ ๆ ของ Google ประเทศไทย แล้วมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย..
ยาวไปอยากเลือกอ่าน
- “Google Station” บริการ Free WiFi แบบมีเงื่อนไข
- “Academy Bangkok – A Google Space” ศูนย์ฝึกอบรมทักษะและความรู้ด้านดิจิทัล
- “YouTube ประเทศไทย” มาพร้อมบริการใหม่ ที่ตอบโจทย์ทั้งคนดู ทั้งครีเอเตอร์
- “YouTube Pop-Up Space” พื้นที่ที่เปิดให้เหล่าครีเอเตอร์ได้มาพอปะแลกเปลี่ยนไอเดียต่าง ๆ
- “YouTube Next Up” โครงการที่ให้เหล่าครีเอเตอร์เข้าร่วมเวิร์กช็อปเกี่ยวกับการทำคอนเทนต์
- “YouTube Creator for Change” เปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์สร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมในทางบวก
- “YouTube Go : Video Data Pack” ดูคลิปไม่อั้นตลอดเดือน ผ่านแอป YouTube Go ในราคาเท่ากับก๋วยเตี๋ยวสองชาม
- “Google Maps Motorbike Mode” แนะนำเส้นทางการเดินทาง สำหรับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์โดยเฉพาะ
- “Google My Business” สิ่งที่ทำให้ SME เข้าถึงโลกดิจิทัลได้ง่ายยิ่งขึ้น
“Google Station” บริการ Free WiFi แบบมีเงื่อนไข
บริการ Free WiFi จาก Google ซึ่งประเทศไทยของเรา นับเป็นประเทศที่ 3 ของเอเชีย และที่ 4 ของโลก (ก่อนหน้านี้เปิดที่อินเดีย อินโดนีเซีย และเม็กซิโก) โดยร่วมมือกับ CAT ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของไทย ที่ให้ใครก็ได้ ใช้อินเทอร์เน็ตได้ฟรี แบบไม่กั๊กสปีด ไม่ลิมิตเวลา แตกต่างจากโครงการ Free WiFi ก่อน ๆ ของภาครัฐ และหน่วยงานท้องถิ่นที่ผ่านมา ที่มีกำหนดความเร็วและเวลา
โดยการลงชื่อเข้าใช้ Google Station นั้น ผู้ใช้งานก็ต้องผ่านด่านโฆษณานิดหน่อย ก่อนที่จะเข้าใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้มาลงโฆษณาแล้ว นั่นก็คือ Unilever ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ทั้งของกินและของใช้นั่นเอง โดยตอนนี้ก็ได้เปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามศูนย์การค้า และสถานที่สำคัญ ๆ ต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ และย่านชุมชนน่ารัก ๆ อย่าง ชุมชนทางรถไฟวังกรด จ.พิจิตร และถนนคนเดินเชียงคาน จ.เลย ถ้าเจอ @FreeGoogleStation-CAT แล้ว ก็ Connect ใช้งานฟรี ๆ กันได้เลย
และสำหรับร้านค้าไหน พื้นที่ใด ที่สนใจให้บริการ Free WiFi ตัวนี้ ก็สามารถติดต่อกับทางโครงการฯ ได้ โดยเจ้าของพื้นที่ก็จะได้รายได้จากการให้บริการ Free Wi-Fi ด้วย ใครสนใจ ก็ติดต่อกันได้เลย
จริง ๆ แล้ว Free WiFi ในลักษณะแบบนี้ EGG Digital เคยเปิดให้บริการมาก่อนหน้านี้แล้ว ในชื่อว่า “WiFi Play” ที่ให้ใช้อินเทอร์เน็ตฟรี 30 นาที ต่อการชมโฆษณา 15 วินาที เชื่อมต่อผ่าน Hotspot ของ TrueMove H ซึ่งผู้ลงโฆษณาตอนนั้น ก็คือ Unilever เช่นกัน
** EGG Digital ขณะนั้นอยู่ภายใต้กลุ่มทรู ตอนนี้ย้ายไปอยู่ภายใต้กลุ่มแอสเซนด์แทน ซึ่งทรูกับแอสเซนด์ ก็เป็นบริษัทลูกของกลุ่มซีพีเช่นกัน
“Academy Bangkok – A Google Space” ศูนย์ฝึกอบรมทักษะและความรู้ด้านดิจิทัล
ต่อจากลอนดอน ก็คือกรุงเทพฯ ของเรานี่เอง สำหรับ Google Space ศูนย์ฝึกอบรมทักษและความรู้ในด้านดิจิทัล ที่ช่วยในการผลักดันบุคลากรที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ตลาดในประเทศไทย Google เชื่อว่าที่นี่ จะสามารถช่วยให้ธุรกิจได้บุคลากรที่มีความเป็นเลิศด้านดิจิทัล และช่วยบ่มเพาะทักษะเฉพาะทางสอดคล้องกับการศึกษาในระดับอุดมศึกษา
สำหรับ Google Space ในประเทศไทย มีชื่อว่า “Academy Bangkok – A Google Space” รองรับนักศึกษาได้ประมาณ 150 – 200 คน ต่อครั้ง ตั้งอยู่ที่ “True Digital Park” ซิลิคอนวัลเลย์สำหรับเหล่า Startup ในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Whizdom 101” ที่ยังมีคอนโด และคอมมูนิตี้มอลล์อีกด้วย ตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิท ใกล้ BTS สถานีปุณณวิถี โดยมีแผนที่จะเปิดปลายปีนี้
“YouTube ประเทศไทย” มาพร้อมบริการใหม่ ที่ตอบโจทย์ทั้งคนดู ทั้งครีเอเตอร์
“ประเทศไทย” ประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องครีเอทีฟ ที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก (อย่างโฆษณาไทย ก็ได้เข้าชิงรางวัลใน Cannes Lions เป็นประจำทุกปี) อย่าง YouTube ประเทศไทย ก็ให้ความสำคัญกับผู้ผลิตวีดิโอทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการทีวีที่นำรายการมาปล่อยรีรันใน YouTube และเหล่า YouTuber ต่าง ๆ ที่สร้างคาแรกเตอร์ให้ตัวเองจนโด่งดังบนโลกออนไลน์กันมามากมาย
“YouTube ประเทศไทย” มีสถิติที่เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาในหลาย ๆ เรื่อง..
- ประเทศไทยมีประชากร 66 ล้านคน (สิ้นปี 2560) มีผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพียง 42 ล้านคน ซึ่งดูน้อย เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ แต่ในทางกลับกัน Watchtime (เวลารวมในการดูจากทุกคนทั่วประเทศ) ติด 10 อันดับแรกของโลก
- ในปี 2560 ที่ผ่านมา มีการอัปโหลดคอนเทนต์สู่ YouTube ประเทศไทย รวมกันมากกว่า 2 ล้านชั่วโมง เติบโตเป็นสองเท่าของชั่วโมงการอัปโหลดรวมในปี 2559
- มีช่องที่ได้ Silver Play Button (ช่องที่มีผู้ติดตามเกิน 1 แสนคน) มีมากกว่า 1,200 ช่อง มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน
- มีช่องที่ได้ Gold Play Button (ช่องที่มีผู้ติดตามเกิน 1 ล้านคน) มีมากกว่า 100 ช่อง มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน และเป็นอันดับ 2 ของเอเชียแปซิฟิก
- มีช่องที่ได้ Diamond Play Button (ช่องที่มีผู้ติดตามเกิน 10 ล้านคน) 3 ช่อง ได้แก่ WorkpointOfficial, GMM GRAMMY OFFICIAL และ RsiamMusic ซึ่งประเทศไทยของเรา เป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีช่องที่ได้รางวัลนี้ไป
จากสถิติที่ไม่ธรรมดาเหล่านี้ ทำให้ Google ตัดสินใจนำ “YouTube Pop-Up Space” มาสู่ประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง..
“YouTube Pop-Up Space” พื้นที่ที่เปิดให้เหล่าครีเอเตอร์ได้มาพอปะแลกเปลี่ยนไอเดียต่าง ๆ
“YouTube Pop-Up Space” เป็นอีกหนึ่งโครงการของ Google ที่มาทำในประเทศไทย เป็นที่แรกของเอเชีย ซึ่งเคยจัดมาแล้วถึง 3 ครั้ง ในปี 2559 ซึ่งที่ผ่านมา มีเหล่าครีเอเตอร์มาร่วมผลิตคอนเทนต์ที่นี่ รวมกันมากกว่า 100 คลิปแล้ว สำหรับ YouTube Pop-Up Space ที่จะจัดอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่ให้เหล่าครีเอเตอร์ได้มาใช้งานกัน ทั้งสตูดิโอ ระบบแสง สี เสียง รวมไปทั้งเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้อง 360 องศา และ VR
ซึ่ง “YouTube Pop-Up Space” ในครั้งนี้จะพิเศษกว่าครั้งก่อน ๆ เพราะได้นำอีก 2 กิจกรรม มาอยู่ร่วมกับ YouTube Pop-up Space อีกด้วย ได้แก่..
“YouTube Next Up” โครงการที่ให้เหล่าครีเอเตอร์เข้าร่วมเวิร์กช็อปเกี่ยวกับการทำคอนเทนต์
โครงการที่ทีมงาน YouTube จัดขึ้น เพื่อสนับสนุนเหล่าครีเอเตอร์ขนาดกลาง ที่มีศักยภาพและมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ โดยจะมีเวิร์กช็อปในการสร้างสรรค์ผลงานคอนเทนต์ดี ๆ ออกสู่ผู้รับชม ตั้งแต่ก่อนการผลิต ไปจนถึงหลังการผลิต โดยมีวิทยาการผู้เชี่ยวชาญจากวงการนี้ มาทำการสอน และการสนับสนุนจากทีมงานของ YouTube เอง ทั้งหมดนี้ จะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
“YouTube Creator for Change” เปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์สร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมในทางบวก
โครงการระดับโลกของ YouTube ที่เปิดโอกาสให้เหล่าครีเอเตอร์ได้ใช้พื้นที่ของ YouTube ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทางที่ดียิ่งขึ้น โดยทาง YouTube จะสนับสนุนให้เหล่าครีเอเตอร์ได้เข้าร่วม Section ต่าง ๆ ที่จะเชิญองค์กรที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนั้น ๆ มาร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนปัญหา แนวทางการแก้ไข รวมไปถึงการระดมทุน ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม
โดยหัวข้อที่ทาง YouTube ได้นำมาสู่ประเทศไทย จะมุ่งเน้นไปที่ปัญหาของความอคติโดยไม่รู้ตัว (Unconscious Bias) ความเกลียดชังในสังคม (Social Hatred) และการเช็กก่อนแชร์
“YouTube Go : Video Data Pack” ดูคลิปไม่อั้นตลอดเดือน ผ่านแอป YouTube Go ในราคาเท่ากับก๋วยเตี๋ยวสองชาม
ไม่ได้มีเพียงเหล่าครีเอเตอร์เท่านั้นที่ทาง YouTube ได้ขนโครงการต่าง ๆ มาให้ สำหรับผู้ใช้เอง ก็มีเช่นกัน อย่างแอปที่มีชื่อว่า “YouTube Go” เป็นแอปหนึ่งในซีรีส์ของ “Android Go” ที่ออกแบบมาให้ตัวแอปเอง กินทรัพยากรของเครื่องให้น้อยที่สุด ซึ่งเหมาะสมกับโทรศัพท์มือถือที่สเปกไม่ได้แรงมากนัก
สำหรับ “YouTube Go” เอง ได้ให้คนไทยได้ดาวน์โหลดมาใช้กันตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่ที่จะเพิ่มเติมเข้ามาตอนนี้ จะเป็น “YouTube Go: Video Data Pack” ที่ให้ผู้ใช้บริการของ AIS ได้ดูคลิปต่าง ๆ จาก YouTube ผ่านแอป “YouTube Go” ได้ไม่อั้น ไม่หักดาต้าจากแพ็กเกจปกติ โดยมีค่าบริการเพียง 59 บาท/เดือน
“Google Maps Motorbike Mode” แนะนำเส้นทางการเดินทาง สำหรับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์โดยเฉพาะ
บนท้องถนนบ้านเรา สิ่งหนึ่ง ที่คนไทยทุกคนเห็นกับตาก็คือ “มอเตอร์ไซค์นี่เยอะจริงเชียวนะคุณผู้โชมมม” หนึ่งในเหตุผลที่รถจักรยานยนต์เยอะขนาดที่มีผู้เดินทางด้วยวิธีนี้กว่า “20 ล้านคน” ก็คงจะเป็นเพราะความสะดวกสบายในการขับขี่ ซอกแซกได้ในทางที่แคบ ๆ ทั้งซอยต่าง ๆ และช่องว่างระหว่างรถในขณะที่รถแสนจะติด
จากเหตุผลนี้ ประกอบกับการที่ใช้ Google Maps แบบ Car Mode มาแนะนำเส้นทางให้กับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ น่าจะไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่นัก เพราะบางเส้นทางที่รถจักรยานยนต์ใช้ไม่ได้ แต่ระบบดันแนะนำ แต่บางเส้นทางที่รถจักรยานยนต์เข้าได้ โดยที่รถยนต์ทั่วไปเข้าไม่ได้ ระบบกลับไม่แนะนำ Google ประเทศไทย จึงได้นำ “Motorbike Mode” มาให้ใช้บริการ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เปิดให้ใช้บริการที่ประเทศอินเดียมาแล้ว และเปิดให้บริการที่ประเทศเวียดนาม ในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกับประเทศไทย
จากการที่รถจักรยานยนต์สามารถซอกแซกเส้นทางได้ดีกว่ารถยนต์ การพัฒนาฟีเจอร์นี้จะมาจากการนำข้อมูลของผู้ขับขี่นับหมื่นคน มาผนวกกับ Machine Learning ของ Google และสร้างแบบจำลองที่ทำให้การคาดคะเนเวลาที่จะถึงจุดหมายปลายทางได้แม่นยำยิ่งขึ้น จากเดิมที่เรากดให้นำทางจากบ้านของเราไปที่ทำงาน แอปอาจจะแสดงผลมาว่า “1 ชั่วโมงถึง” ใน Car Mode แต่ถ้าเป็น Motorbike Mode ก็อาจจะได้เวลาที่เร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งฟีเจอร์นี้ จะปรับเส้นทางให้เหมาะสมกับจักรยานยนต์ โดยเพิ่มช่วงถนนมากกว่า 3,000 จุด เพิ่มถนนใหม่ ๆ กว่า 4,500 กิโลเมตร และระบุช่วงถนนที่รถจักรยานยนต์ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้กว่า 7,500 จุด ซึ่งตอนนี้ Motorbike Mode ก็ได้เปิดให้ใช้บริการบน Google Maps เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนไหนที่ขี่รถจักรยานยนต์ สามารถลองใช้กันได้เลย
ตัวผู้เขียนเองสังเกตว่า แอปเรียกรถชื่อดังอย่าง Grab ที่มีบริการ GrabBike การคำนวณค่าบริการ จะคำนวณจากเส้นทางที่ใกล้ที่สุด ซึ่งจะปรากฎราคาให้เห็นก่อนที่จะขึ้นรถจักรยานยนต์เลย ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า การที่ Google Maps มีฟีเจอร์นี้ขึ้นมา อาจจะทำให้ GrabBike คำนวณค่าบริการจากเส้นทางที่สั้นลงกว่าเดิม และมีค่าบริการที่ถูกลง
“Google My Business” สิ่งที่ทำให้ SME เข้าถึงโลกดิจิทัลได้ง่ายยิ่งขึ้น
ถ้าช่วงนี้ใครได้เข้าไปดูคลิปต่าง ๆ ใน YouTube นอกจากโฆษณา Netflix ที่เราเห็นกันบ่อยมาก อีกเจ้านึงที่เราเห็นไม่น้อยไปกว่ากัน ก็คงเป็น “Google My Business” (ตัวผู้เขียนเอง ดูจนจะจำคำพูดในโฆษณาได้หมดแล้ว !) จากปี 2560 ธุรกิจในไทยทั้งหมด กว่า 99.7% เป็น SME การจ้างงานทั้งหมด กว่า 78% ก็อยู่ที่ SME 42% ของ GDP ประเทศไทย มาจาก SME และการเติบโตของ SME ยังรวดเร็วกว่าการเติบโตของธุรกิจขนาดใหญ่ กว่า 1.7 เท่า
จากการโปรโมตของ Google ทั้งบนสื่อออนไลน์ และสื่อทีวี ที่พยายามชักชวนให้คนไทยค้นหาร้านค้าต่าง ๆ ใกล้ ๆ ตัว ผ่าน Google ให้มากยิ่งขึ้น โดยการค้นหาด้วยคำว่า “…ประเภทของร้าน… ใกล้ฉัน” เช่น ร้านปะยางใกล้ฉัน ร้านขายยาใกล้ฉัน ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้การค้นหาคำว่า “ร้าน” มากขึ้น 2 เท่า ในช่วงปี 2559 – 2561 และคำว่า “ใกล้ฉัน” มากขึ้น 3 เท่า ในช่วงปี 2560 – 2561
“Google My Business” บริการจาก Google ซึ่งเปิดให้ร้านค้าในไทยได้ใช้กันตั้งแต่ปี 2557 เป็นเครื่องมือที่ช่วยทำให้ร้านค้าบนโลกออฟไลน์ มีตัวตนในโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้น ทั้งการค้นหาข้อมูลของร้านบน Google Search และการนำทางบน Google Maps ซึ่งมากไปกว่านั้น ร้านค้ายังสามารถ..
- สร้างเว็บไซต์ ควบคุม ปรับเปลี่ยนข้อมูล ได้ฟรี
- เข้าถึงลูกค้าโดยตรงผ่านการโทร รีวิว และตอบคำถาม บนหน้าเว็บไซต์ Google
- และสามารถเข้าถึงข้อมูลและพฤติกรรมการใช้บริการของลูกค้า เพื่อนำมาปรับใช้กับบริการของตนเองได้อีกด้วย
เมื่อมีผู้คนมาตั้งคำถามหรือคอมเมนต์ร้านของเราบน Google เจ้าของร้านก็สามารถตอบคอมเมนต์นั้นได้เลย – Google
จากเดิม ที่การยืนยันตัวตนว่าร้านค้านี้มีอยู่จริง Google จะส่งไปรษณีย์ไปที่ที่อยู่ของร้านค้านั้น ประหนึ่งคล้าย ๆ กับ One Time Password ที่ใช้ในการยืนยันตัวตน แต่จากนี้เป็นต้นไป ขั้นตอนนี้จะทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้น ด้วยการจับมือกับ “ธนาคารไทยพาณิชย์” ผู้ให้บริการสินเชื่อ SME แก่ผู้ประกอบการ ร้านค้าต่าง ๆ
ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้การยืนยันตัวตนของร้านเป็นเรื่องที่สะดวกยิ่งขึ้น แทนที่จะต้องรอไปรษณีย์ แต่จะเป็นการที่พนักงานจากธนาคารฯ จะเดินทางไปถึงหน้าร้านด้วยตัวเองเลย การร่วมมือนี้ จะทำให้ผู้ประกอบการ ร้านค้าต่าง ๆ ได้เข้าถึงโลกออนไลน์ ได้ง่าย และสะดวกมากยิ่งขึ้น
จากบริการที่ Google ประเทศไทยได้เปิดตัวในครั้งนี้ ในแง่มุมของคนทำคอนเทนต์ ก็น่าจะได้รับประโยชน์ไปอย่างไม่น้อยเช่นกัน ทั้งการที่มีอินเทอร์เน็ตให้บริการในที่ต่าง ๆ ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ของเราได้มากยิ่งขึ้น หรือจะเป็นคนทำคอนเทนต์ในฝั่ง YouTuber ที่มีเวิร์กช็อปดี ๆ มาให้ร่วมเรียนรู้ และสตูดิโอ อุปกรณ์ เครื่องมือมากมาย ที่ช่วยให้เหล่าครีเอเตอร์สร้างสรรค์ผลงานให้โดนใจผู้ชมมากยิ่งขึ้น
Google ประเทศไทย ไม่หยุดปล่อยบริการใหม่ ๆ เพียงแค่นี้แน่นอน แล้วเมื่อมีบริการใหม่ ๆ ทาง Content Shifu จะนำข่าวคราวดี ๆ มาบอกต่อกันให้ ในโอกาสต่อ ๆ ไปอีกนะครับ 😀