โปรโมตเว็บไซต์ คือ หนึ่งในวิธีทำการตลาดออนไลน์ที่ช่วยสร้าง Traffic เว็บไซต์ให้เพิ่มมากขึ้น เมื่อ Traffic เว็บไซต์ดีขึ้น ก็มีส่วนช่วยให้อันดับเว็บไซต์บนหน้า Search Engines ไต่ขึ้นมาอันดับต้นๆ ได้ 

นอกจากนี้ การโปรโมตเว็บยังถือเป็นกลยุทธ์ทำธุรกิจที่ดีและยั่งยืน เพราะผู้คนจะได้ทำความรู้จักแบรนด์มากขึ้น นอกเหนือจากแง่มุมที่ว่าเราขายอะไร แต่กลุ่มเป้าหมายยังได้รู้ว่าแบรนด์เรามอบคุณค่าอะไรที่สำคัญและมีประโยชน์ต่อพวกเขาได้บ้าง จุดยืนหรือแนวคิดของแบรนด์เป็นแบบไหน ซึ่งช่วยเสริมความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์แบรนด์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น 

หากกล่าวถึงในแง่การทำธุรกิจ การโปรโมตเว็บไซต์ที่ดีก็มีส่วนทำให้เราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ต้องการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขาย เพราะหากเราทำคอนเทนต์ดีและรู้วิธีโปรโมตด้วยนั้น ก็ทำให้ลูกค้ามีโอกาสเสิร์ชเจอเราได้มากขึ้นใน Search Engines ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาธุรกิจได้อีกทางหนึ่ง 

บทความนี้ได้รวบรวมเทคนิคโปรโมตเว็บด้วยวิธีต่างๆ จากหลากหลายช่องทาง ซึ่งเน้นวิธีที่ไม่เสียเงิน และมีวิธีที่เสียเงินบ้าง มาดูกันว่าวิธีไหนเหมาะกับการโปรโมตเว็บของเรา

วิธีโปรโมตเว็บไซต์ ทำอย่างไร มีอะไรบ้าง

การโปรโมตเว็บไซต์ให้ติดอันดับการค้นหาที่สูงขึ้นนั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งวิธีที่ใช้มีหลากหลาย ทั้งเสียเงินและไม่เสียเงิน ทำได้ทันทีและต้องใช้เวลาในการไต่อันดับ นักการตลาดและเจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องประยุกต์เทคนิคแต่ละอย่างมาปรับใช้ในแผนการตลาดของตนเองให้เหมาะสม เพื่อให้การโปรโมตเว็บไซต์เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้และได้ผลอย่างยั่งยืน

วิธีโปรโมตเว็บไซต์ทำได้หลายวิธี แตกต่างกันไปตามกรณี ดังนี้

1. โปรโมตเว็บไซต์ ด้วยการทำ SEO

Search Engine Optimization หรือ SEO คือ กระบวนการสร้างและหล่อเลี้ยงปริมาณและคุณภาพของ Traffic เว็บไซต์ โดยการทำ SEO ที่ดีจะช่วยเพิ่มการแสดงผลเว็บไซต์บนหน้า Search Engines นับเป็นหนึ่งในหัวใจหลักที่ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหรือฐานลูกค้าใหม่ๆ ที่ได้ผลดีที่สุด เพราะหากเราทำ SEO ได้อย่างครบถ้วน ตรงตามหลักการแล้วนั้น ก็จะดึงดูดว่าที่ลูกค้าหรือ Leads มาได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องลงทุนโฆษณาให้มากมาย 

สิ่งสำคัญของการทำ SEO ก็คือ Keyword หากคุณวางแผนและเลือกใช้ Keyword ที่ชัดเจนและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่นำเสนอ ก็จะเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของเราไปแสดงผลอันดับต้นๆ ได้เมื่อมีผู้ใช้งานเสิร์ชหาด้วยคำนั้นๆ นอกจากนี้ วิธีทำ SEO เพื่อเพิ่ม Traffic ก็ทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ URL เว็บไซต์ที่ตอบสนองกับอัลกอริธึมของ Search Engines วางแผนกลยุทธ์และนำเสนอคอนเทนต์ที่สดใหม่ เน้นสร้างคอนเทนต์น้ำดีที่มีคุณค่าต่อกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง รวมทั้งไม่ลืมวางแผน Keywords ประยุกต์เข้ากับคอนเทนต์เหล่านั้นด้วย

New call-to-action

2. สร้าง Online Directories

Online Directories หมายถึง ลิสต์เว็บไซต์หรือช่องทางออนไลน์ของแบรนด์ต่างๆ ซึ่งให้รายละเอียดข้อมูลสินค้าหรือบริการ รวมทั้งช่องทางการติดต่อแก่ผู้ที่เสิร์ชหาบนหน้า Search Engines การเพิ่มเว็บไซต์หรือช่องทางออนไลน์ของแบรนด์เข้า Directories ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญที่ทำได้ง่ายที่สุด หากเราเป็นเจ้าของธุรกิจหรือกำลังประกอบธุรกิจที่เน้นขายลูกค้าทั่วไป (B2C) แนะนำว่าวิธีนี้เป็นช่องทางหนึ่งที่ไม่ควรพลาด โดยเข้าไปดูรายละเอียดและเพิ่มเว็บไซต์หรือช่องทางออนไลน์ของแบรนด์ตนเองไว้ใน Directories ได้ที่นี่ 

นอกจากนี้ เราอาจทำการบ้านเพิ่มเติม โดยค้นหาและรวบรวมรายชื่อคู่แข่งของแบรนด์ เพื่อดูว่า Keyword ใด ทำให้เสิร์ชเจอรายชื่อเว็บไซต์หรือช่องทางออนไลน์ของคู่แข่งเหล่านั้น วิธีนี้ทำได้ด้วยเครื่องมือค้นหา Keyword เช่น Ubersuggest 

3. จุดกระแสสนทนา 

หากลองสังเกตพฤติกรรมการใช้งาน Search Engines แล้ว ผู้คนมักเสิร์ชหาข้อมูลมาพิจารณาตัดสินใจก่อน โอกาสน้อยมากที่จะเสิร์ชแล้วคลิกซื้อทันที “คอนเทนต์” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้คนรู้จัก เข้าใจ และคล้อยตาม จนนำไปสู่ commitment ในที่สุด แน่นอนว่าการทำรีวิว ตั้งกระทู้ถามในเว็บบอร์ดทั่วไปนั้น ก็ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อได้ไม่น้อย โดยรีวิวสินค้าหรือบริการส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อผู้คนมากถึงร้อยละ 93 

แม้ว่าจะวางแผนทำการตลาดตามช่องทางออนไลน์ต่างๆ ไว้เป็นอย่างดี ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสร้าง conversion หรือฐานลูกค้าได้เสมอไปหากเกิดกรณีรีวิวหรือกระทู้เกี่ยวกับแบรนด์ในเชิงลบ นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำ SEO เองก็เห็นด้วยว่ารีวิวที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการไต่อันดับเว็บไซต์บนหน้า Search Engines มากถึงร้อยละ 10

วิธีที่ง่ายที่สุดในการจุดกระแสสนทนาเกี่ยวกับตัวแบรนด์ให้ได้ผลนั้น ก็ต้องเริ่มศึกษาก่อนว่าคนทั่วไปพูดถึงแบรนด์เราไปในทิศทางไหน โดยอาจเสิร์ชหาชื่อแบรนด์ เว้นวรรคตามด้วย “รีวิว” เพื่อดูว่าลูกค้าหรือผู้ที่เคยซื้อสินค้าและบริการของเรามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง พอใจ หรือไม่พอใจตรงจุดไหน เพื่อนำไปวางแผนปรับกลยุทธ์การสื่อสารอย่างเหมาะสม จากนั้นก็ต้อง verify ธุรกิจของคุณเองก่อน ถึงจะสามารถเพิ่มรีวิวลงไปได้ 

ส่วนวิธีสร้างรีวิวดีๆ นั้น ก็ทำได้ โดยเลือกขอลูกค้าหรือผู้ใช้บริการของแบรนด์ที่ชื่นชอบหรือพึงพอใจสินค้าและบริการนั้น ให้ช่วยรีวิวให้ เพราะนอกจากจะให้ข้อมูลตรงตามความเป็นจริงแล้ว ยังช่วยชักจูงผู้ที่เข้ามาอ่านรีวิวนั้นอยากลองซื้อสินค้าหรือมาใช้บริการอีกด้วย ที่สำคัญ ควรเป็นการส่งคำขอให้รีวิวที่ค่อนข้างส่วนตัวและกึ่งทางการสักเล็กน้อย เช่น ส่งคำขอให้รีวิวทางอีเมล เป็นต้น

4. สร้างคอมมูนิตี้

ใครที่มีกลุ่มเป้าหมายในเฟซบุ๊กเยอะอยู่แล้ว รวมทั้งอยากโปรโมตเว็บให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น วิธีนี้ค่อนข้างเวิร์กเลยทีเดียว เพราะนับเป็นอีกช่องทางที่ช่วยดึง Traffic จากสื่อโซเชียลให้ไปยังเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจต้องพลิกแพลงวิธีการสื่อสารบ้าง นอกเหนือจากคอนเทนต์ที่ใช้สื่อสารในหน้าแฟนเพจอย่างสม่ำเสมอแล้ว การทำกรุ๊ปเฟซบุ๊กก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ควรทำ โดยวิธีนี้จะช่วยเพิ่ม Brand Awareness ทำให้เราได้เข้าถึงและเกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง 

นักการตลาดอาจวางแผนโพสต์คอนเทนต์ที่สามารถลิงก์ต่อไปยังเว็บไซต์เป็นประจำ หรือจัดกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดการพูดคุยและมีส่วนร่วม เพื่อทำให้เกิดบรรยากาศชุมชนในพื้นที่ออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกอยากติดตามทุกเรื่องราวของแบรนด์ในทุกช่องทาง ซึ่งรวมไปถึงเว็บไซต์ของเราด้วยนั่นเอง

5. ใช้ Social Media

ต้องยอมรับว่า Social Media เป็นหนึ่งในช่องทางการประชาสัมพันธ์และสร้างการขายที่มีประสิทธิภาพ โดยแบรนด์ที่ต้องใช้ภาพหรือความสวยงามเป็นจุดขายของธุรกิจนั้น ต้องใช้สื่อโซเชียลอย่างอินสตาแกรมเป็นช่องทางการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย หรือหากธุรกิจของคุณเน้น B2B ก็อาจเน้นสื่อสารหนักในช่องทางลิงก์อิน และเมื่อพูดถึงการทำการตลาดผ่านสื่อโซเชียล จุดบอดที่หลายคนมองข้ามและมักทำกันอยู่บ่อยๆ ก็คือ

พยายามทำแบรนด์เจาะตลาดทุกสื่อโซเชียล รวมทั้งเอาแต่โพสต์คอนเทนต์ที่ไม่ได้นำไปสู่การสร้าง conversion ที่แท้จริงและยั่งยืน 

สิ่งสำคัญในการทำตลาดผ่านสื่อโซเชียล คือต้องรู้ว่า industries ของเราเกี่ยวข้องกับอะไร กลุ่มเป้าหมายมีแนวโน้มจะอยู่ในช่องทางใดมากกว่ากัน เพื่อที่คุณจะได้ออกแบบเนื้อหา องค์ประกอบเสริม และวิธีการนำเสนอสิ่งที่ต้องการขาย หรือสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง ซึ่งดีกว่าการใช้สื่อโซเชียลหลายแพลตฟอร์ม แต่ไม่สามารถโฟกัสและติดตามผลสำหรับนำมาต่อยอดได้เลย

6. ทำ Outreach

Outreach เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ทำการตลาด ว่าด้วยการสร้างคอนเทนต์ให้เป็นที่กล่าวถึงหรืออ้างอิงถึงในหมู่บล็อกเกอร์หรืออินฟลูเอนเซอร์ วิธีง่ายที่สุดที่จะทำให้เว็บไซต์ของเราได้รับการพูดถึง ก็คือสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่สมควรได้รับการกล่าวถึง รวมทั้งอาจขอให้ผู้เขียนบล็อกหรือเหล่าคนดังทำคอนเทนต์นั้น Mention เว็บไซต์เรากลับมาบ้าง โดยอาจเริ่มจากการเก็บข้อมูลและวางแผนว่าต้องการให้สื่อไหนอ้างอิงถึงเนื้อหาหรือแหล่งที่มาจากเราบ้าง เมื่อได้ข้อมูลแล้วว่าต้องการให้สื่อ บล็อกเกอร์ หรืออินฟลูเอนเซอร์รายไหนกล่าวถึงเราแล้วนั้น ก็ศึกษาเนื้องานรวมทั้งจุดยืนของสื่อนั้นๆ ว่าเป็นอย่างไร ไปในแนวทางไหน เพื่อจะได้พัฒนาคอนเทนต์มา pitch ได้ต่อไป

วิธีนี้ถือเป็นการสร้างและขยายฐานกลุ่มเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่มีคลังคอนเทนต์คุณภาพระดับหนึ่ง แต่ไม่รู้จะปล่อยคอนเทนต์หรือนำเสนอให้กระจายไปสู่วงกว้างได้อย่างไร การสร้างเครือข่ายสัมพันธ์กับสื่อ บล็อกเกอร์ หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่เชี่ยวชาญในแวดวงนั้นๆ ก็จะช่วยเป็นกระบอกเสียงประชาสัมพันธ์แบรนด์ และขยายฐานลูกค้าเราไปได้มากยิ่งขึ้น

7. ส่งต่อคอนเทนต์น้ำดีฟรี

เพราะ “คอนเทนต์” คือหัวใจสำคัญในการทำการตลาดยุคนี้ แน่นอนว่าคุณค่าของคุอนเทนต์ก็คือเนื้อหามีคุณภาพ รวมทั้งมีประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง การสร้างคอนเทนต์น้ำดีควรค่าแก่การส่งต่อนั้น เริ่มต้นจากการคิดขึ้นมาว่าเราจะทำคอนเทนต์ “อะไร” ให้กับกลุ่มเป้าหมาย โดยอาจเก็บข้อมูลและแพลนหัวข้อจากการดูไอเดียคอนเทนต์ของคู่แข่งว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง อันไหนเวิร์ก อันไหนไม่เวิร์ก แล้วจะต่อยอดจากของเดิมที่ดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งขึ้นและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายมากกว่าเดิมได้อย่างไร 

นอกจากนี้ วิธี distribute คอนเทนต์ให้เข้าถึงผู้คนและแชร์ต่อไปได้ง่ายนั้น ก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเราต้องวางแผนว่าจะนำเสนอคอนเทนต์ให้เข้าใจง่ายและน่าสนใจได้อย่างไร หรือหากเป็นคอนเทนต์ที่ต้องกรอกข้อมูลสำหรับดาวน์โหลดมาเก็บไว้ ก็ต้องออกแบบขั้นตอนให้ไม่ซับซ้อนเกินไป ใช้เวลาในการให้ข้อมูลน้อยที่สุด

Shifu แนะนำ
หากคุณเป็นมือใหม่ในการทำคอนเทนต์ ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี แนะนำว่าลองมาดูวิธีทำ Original Content ให้กับเว็บไซต์ตัวเองได้ก่อน รวมทั้งอาจติดตามอ่านเคล็ดลับดีๆ และอัปเดตข่าวสารแวดวงดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งสายคอนเทนต์ได้ที่ 10 เว็บไซต์ต่างประเทศที่นักการตลาดสายคอนเทนต์ต้องอ่านได้ที่นี่เลย

8. ทำ Email Marketing

การตลาดอีเมลนับเป็นกลยุทธ์ทำการตลาดออนไลน์ที่ติดตามและวัดผลได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังเหมาะกับการสื่อสารกับกลุ่มคนทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนหลักสิบหรือไปจนถึงหมื่นคน ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ Email Marketing เหมาะกับการเก็บลีดส์ กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ให้ความช่วยเหลือลูกค้า สร้างยอดขาย หรือส่งคำขอให้รีวิว 

การทำ Email Automation จะช่วยให้กลยุทธ์ทำการตลาดผ่านอีเมลมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเครื่องมือทำ Email Automation แต่ละแบบจะแตกต่างกันไปตามฟังก์ชันการใช้งาน ราคา และกลุ่มเป้าหมาย ก่อนเลือกใช้เครื่องมือทำการตลาดอีเมลนั้นจึงต้องศึกษาข้อมูลให้ดีว่า tools ตัวไหนตอบโจทย์การใช้งานเรามากที่สุด

Shifu แนะนำ
หากคุณเป็นมือใหม่ที่เริ่มจับทางการตลาดด้านนี้ แนะนำว่าอาจเริ่มต้นจากการใช้ MailChimp ก่อนได้ เพราะเครื่องมือนี้เป็นที่นิยมในหมู่คนทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ผ่านอีเมลอยู่แล้ว แต่หากธุรกิจกำลังโตและไปได้สวย รวมทั้งมีแพลนจะขยายฐานลูกค้ามากขึ้นในระยะยาว แนะนำว่า HubSpot ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะจะช่วยให้คุณทำการตลาดอีเมลครอบคลุมครบวงจร ตั้งแต่ Marketing, Sales และบริการหลังการขาย หากใครยังไม่แน่ใจว่าจะเวิร์กหรือเปล่า ลองมาอ่านรีวิว HubSpot ก่อนได้เลย

9. Paid Search

การยิง ads ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่นักธุรกิจนิยมใช้ทำการตลาดออนไลน์มากที่สุด เพราะได้ผลลัพธ์รวดเร็ว เมื่อเราต้องการโปรโมตเว็บ นี่ก็อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย โดยทั่วไปแล้ว การลงโฆษณาออนไลน์จะแบ่งออกเป็น 2 ช่องทางหลัก ได้แก่ Google Ads และ Social Media Ads ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

Google Ads ประกอบด้วยโฆษณา 3 ประเภท ได้แก่ Text Ads, Display Ads และ Video Ads 

  • Text Ads คือโฆษณาที่ปรากฏขึ้นมาในหน้าการค้นหาของ Google หากผู้ใช้งานเสิร์ชคีย์เวิร์ดที่เรา bid ไว้ โฆษณาของเราก็จะแสดงผลขึ้นมาในอันดับต้นๆ โดย Text Ads เหล่านี้จะขึ้นมาปรากฏอันดับต้นๆ ก่อนจะตามมาด้วยเว็บไซต์ที่มี Organic Traffic ดี หากมีคนคลิกโฆษณาเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ ก็ต้องจ่ายเงินตามจำนวนคลิกแต่ละครั้ง เรียกว่า Cost-Per-Click (CPC) 
  • Display Ads คือโฆษณาแบนเนอร์ที่ปรากฏตามการ tracking ผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ Gmail และแอปพลิเคชัน เพราะกูเกิลเป็นพาร์ตเนอร์กับเว็บไซต์และแอปพลิเคชันมากกว่า 65 ล้านราย ทำให้มีพื้นที่ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและโฆษณาได้มากมาย โดยเราต้องจ่ายเงิน เพื่อให้โฆษณาแบนเนอร์ไปแสดงผลยังกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการ แม้ว่า CTR ของโฆษณาประเภทนี้จะน้อยกว่า Text Ads แต่ผลตอบรับที่ได้ก็ถือว่าค่อนข้างดี ช่วยทำให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักมากขึ้นได้ดีทีเดียว
  • Video Ads ประกอบด้วยรูปแบบวิดีโอ 6 ประเภทด้วยกัน ซึ่งเราสามารถยิง Ads ไปยังกลุ่มลูกค้าเดิมหรือทำ retargeting ก็ได้ Video Ads จะไปแสดงผลตามหน้ายูทูป แน่นอนว่าโฆษณาประเภทนี้ต้องสั้น กระชับ รวมทั้งฮุคคนดูได้ภายในสามวินาทีแรก การนำเสนอจึงต้องชัดเจนว่าเกี่ยวกับอะไร กลุ่มเป้าหมายจะได้อะไร และทำไมต้องคลิกเข้ามาดูต่อ 

Social Media Ads นี่ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่นักการตลาดออนไลน์ในไทยไม่ควรมองข้าม เพราะสื่อโซเชียลคือแหล่งรวมตัวและการสื่อสารขนาดใหญ่ โอกาสในการหาลูกค้าและขยายฐานตลาดจึงใหญ่ตามไปด้วย การลงโฆษณาในสื่อโซเชียล โดยเฉพาะช่องทางเฟซบุ๊ก จึงมีโอกาสสร้าง Traffic ให้คนคลิกเข้ามายังเว็บไซต์เราได้ไม่ยาก นอกจากจะตั้งค่ายิง Ads และ retargeting ได้แล้ว เครื่องมือลงโฆษณาในสื่อโซเชียล

ยังมีฟังก์ชันการใช้งานที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์ได้มากมายและหลากหลายกว่าด้วย ถึงอย่างนั้น การทำโฆษณาในสื่อโซเชียลที่มีประสิทธิภาพไม่จำเป็นต้องลงทุกสื่อ แต่ให้เลือกสื่อที่มีกลุ่มเป้าหมายของเรา

Shifu แนะนำ

หนึ่งในช่องทางลงโฆษณาในสื่อโซเชียลก็คือ Facebook สิ่งหนึ่งที่ควรรู้ในการทำโฆษณาผ่านช่องทางนี้ก็คือ โฆษณาเฟซบุ๊กจะลิงก์ไปในอินสตาแกรมด้วย หากจะลงมือทำโฆษณานั้น จึงต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้

  • เลือกเน้น Mobile Ads เพราะถูกกว่าโฆษณาแบบ Desktop Ads 
  • ใช้ภาพหรือวิดีโอที่มีความคมชัดสูงสุด
  • สร้าง Ad Sets หลายแบบ เพื่อไว้ใช้เทสต์ว่าตัวไหนเวิร์ก
  • สร้าง Lookalike เวลายิง Ads
  • หมั่นติดตามและวัดผลอย่างสม่ำเสมอ
  • ทำ retargeting เพื่อเพิ่มการสร้าง conversion

นอกจากนี้ การติดตามอัปเดตข่าวสารเกี่ยวกับเทรนด์ของ Facebook ก็จำเป็นมาก เพราะจะช่วยให้เตรียมแผนวางทิศทางในการทำการตลาดได้ต่อไป โดยคุณอ่าน สรุปข่าว Facebook ครึ่งปีแรก 2020 ได้ ที่นี่

สรุป 

การโปรโมตเว็บถืออีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ขยายฐานลูกค้า รวมทั้งเพิ่มยอดขายได้อย่างยั่งยืน ซึ่งช่วยเสริมความน่าเชื่อถือ ภาพลักษณ์แบรนด์ รวมทั้งอันดับเว็บไซต์บนหน้า Search Engines วิธีโปรโมตเว็บก็มีหลากหลายวิธี ซึ่งประกอบด้วยทั้งวิธีที่เสียเงินและไม่เสียเงิน วิธีที่ใช้เวลาและได้ผลลัพธ์ทันที ขึ้นอยู่กับว่าวิธีไหนที่เหมาะสมกับเป้าหมายและแนวทางทำการตลาดของเราในขณะนั้น

ตาคุณแล้ว

ไม่มีวิธีโปรโมตเว็บที่ดีที่สุด มีแต่วิธีที่เหมาะสมกับเป้าหมายทำการตลาดของเราในเวลานั้นๆ ซึ่งแน่นอนว่านี่ก็ยังไม่ใช่สูตรสำเร็จตายตัว เพราะหัวใจสำคัญของความสำเร็จในการทำการตลาดออนไลน์ ก็คือทดลอง วัดผล และค้นหาเส้นทางที่ตอบโจทย์กับเราในเวลานั้นๆ นั่นเอง แล้วคุณล่ะ ค้นพบวิธีโปรโมตเว็บที่เหมาะกับเว็บไซต์ตัวเองหรือยัง