รูปภาพเป็นองค์ประกอบสำคัญในคอนเทนต์ยุคนี้ รูปดีๆ นอกจากการถ่ายรูปจะต้องดีแล้ว การแต่งรูปก็ควรต้องดีด้วย เปรียบเสมือนกับทานของคาวแล้วต้องต่อด้วยของหวาน ซึ่งแอปพลิเคชันในปัจจุบันก็มีมากมายหลากหลายแนวให้เลือกใช้ โดยแต่ละแอปก็จะเน้นสไตล์การแต่งภาพหรือตัวชูโรงที่แตกต่างกัน ในวันนี้เราจะนำเอาแอปพลิเคชันแต่งรูปเหล่านี้มานำเสนอความสามารถเด่นๆ ที่น่าเล่น โดยจะขอแบ่งวัตถุประสงค์การใช้เป็นสามแบบ คือ

  • ผู้ที่ต้องการแต่งภาพแบบมืออาชีพ
  • ผู้แต่งภาพแบบเสริมความสร้างสรรค์ลงไปด้วย
  • ผู้ที่ต้องการถ่ายภาพแบบบุคคล

รับรองว่าหลังจากอ่านบทความนี้แล้ว คุณจะสามารถแต่งรูปให้ออกมาจะเป็นไปในแนวทางที่คุณต้องการได้อย่างแน่นอน

Shifu แนะนำ

เรามีองค์ประกอบในการทำคอนเทนต์อื่นๆ ด้วย ลองศึกษาอ่านเพิ่มเติมเพื่อให้คอนเทนต์ของคุณน่าสนใจมากยิ่งขึ้นนะคะ

เครื่องมือ: โปรแกรมทำอินโฟกราฟิก, โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ, โปรแกรมทำอนิเมชั่น

วัตถุดิบ: เว็บโหลดไอคอนฟรี, เว็บโหลดฟอนต์ฟรี, เว็บโหลดไฟล์เสียง มีทั้งฟรีและเสียเงิน

สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มแต่งรูป

แต่ก่อนที่จะแนะนำแอปพลิเคชัน ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่อยากเสริมให้ก่อน นั้นคือ “คำศัพท์เบื้องต้นของเครื่องมือแต่งภาพที่ควรรู้” เชื่อว่าคงมีบางคนที่ใช้แอปแต่งภาพ แต่ก็ยังมีบางเครื่องมือที่ไม่รู้ว่าใช้แต่งภาพออกมาได้เป็นแบบไหน ซึ่งเราจะพามาแนะนำเครื่องมือเบื้องต้น ที่มักจะพบเห็นในแอปพลิเคชันแต่งภาพกันก่อนเลย

  • มาเริ่มกันที่คำแรก Contrast หรือเครื่องมือแต่งสีที่ตัดกันภายในภาพ ยิ่งค่าของมันมาก เราก็จะเห็นความต่างของพื้นที่มืดกับพื้นที่ที่เป็นส่วนสว่างว่ามันตัดกันชัดมากขึ้น หากค่าน้อยก็จะเป็นในทางตรงกันข้ามค่ะ
  • ภาพนี้สวยแล้วนะแต่ เอ้ะ! มันมืดไปหน่อย มองหานี่เลย Exposure หรือเครื่องมือที่ช่วยปรับแสงในภาพให้สว่างมากขึ้น
  • Sharpness เครื่องมือที่ช่วยปรับความคมเฉี่ยวของภาพหรือพูดง่ายๆก็คือ ทำให้ภาพคมชัดมากยิ่งขึ้น โดยส่วนตัวกับตัวนี้งค่อนข้างชอบตัวนี้เป็นพิเศษ ด้วยความที่เป็นคนถ่ายรูปไม่เก่งพอใช้เครื่องมือนี้แล้วช่วยให้แลดูมีคุณภาพมากขึ้น
  • Shadow เครื่องมือที่ช่วยปรับส่วนที่เป็นเงามืดในภาพให้สว่างมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เราสามารถเห็นองค์ประกอบในพื้นที่ส่วนนั้นชัดมากยิ่งขึ้น
  • Saturation หรือเครื่องมือที่ช่วยปรับความเอิ่บอิ่มของภาพ ไม่ว่าจะให้สีสดใสมากขึ้น หรือสีจางๆ
  • Vignette เครื่องมือวิกเนตหลักการใช้ง่ายมากคือทำให้ส่วนขอบภาพมีเงาดำๆ ขึ้นมา
  • Grain เครื่องมือนี้จะช่วยทำให้ภาพดูเป็นเนื้อหยาบหรือก็คือมีจุดๆ เพิ่มขึ้นในภาพ ส่วนตัวไม่ค่อยชอบแต่งภาพแนวนี้เท่าไหร่ แต่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากแต่งรูปภาพแนวกล้องฟิล์ม
  • Temperature หรือเครื่องมือที่ใช้ปรับอุณภูมิของภาพจะมีโทนเย็นกับโทนร้อน แล้วแต่ความต้องการในการแต่งของเราเลย โดยการปรับแต่งอุณภูมิของภาพนั้นหากภาพที่เราถ่ายมานั้นมีแสงสีเหลืองหรือฟ้ามากเกินไปให้ปรับสีอุณภูมิต้านกันจะช่วยให้ภาพสีตรงกับความเป็นจริงมากขึ้นค่ะ
  • Highlight วิธีใช้สมชื่อ คือมันจะไฮไลต์ส่วนที่สว่างอยู่แล้วให้สว่างมายิ่งขึ้น

เอาล่ะ ทีนี้พอรู้จักคำศัพท์เบื้องต้นแล้วก็ไปพบกับแอปพลิเคชันที่เรานำมารีวิวได้เลย 🙂

แนะนำโปรแกรมแต่งรูป

1. โปรแกรมแต่งรูปแนวมืออาชีพ

แอปแต่งรูป VSCOCam

VSCOcam เป็นแอปพลิเคชันแต่งภาพที่ชูความสามารถทางด้านการแต่งฟิลเตอร์ที่ได้รับการกล่าวขานจากหลายเว็บ ตัวแอปพลิเคชันใช้ง่าย รูปแบบเรียบๆ แต่คุณสมบัตินั้นไม่ได้เรียบตามเลย อย่างฟิลเตอร์แต่ละอันภายในแอปนี้เราจะสามารถลงลึกไป customize ตามความต้องการของเราได้ แต่หากฟิลเตอร์ที่มีนั้นยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เราก็สามารถซื้อฟิลเตอร์เพิ่มได้โดยกดที่ปุ่มร้านค้า

edited-photo-1

ซึ่งนอกจากตัวชูโรงของแอปนี้แล้วจะพบได้ว่ามีเครื่องมือปรับแต่งภาพอื่นๆ ที่ใช้ควบคู่ไปด้วย เช่น เครื่องมือ ปรับความต่างสี รูปรับแสงที่จะมีส่วนช่วยอย่างมากในการเพิ่มอารม์หรือสไตล์ของรูปภาพแบบต่างๆ ให้มี Mood & Tone ไปในทางที่ต้องการ ไม่ว่าจะแนววินเทจ ฮิปเตอร์ รวมถึงการแต่งรูปภาพของเราให้เหมือนกับโทนสีเช่นเดียวกับในหนังหรือภาพยนตร์

และในส่วนความพิเศษของแอปนี้ที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือมีเครื่องมือสองอย่างทีไม่ค่อยเห็นในแอปอื่นๆ อย่างการย้อมสีเงากับเครื่องมือย้อมไฮไลท์ซึ่งก็สามารถลงลึกไป customize สีย้อมตามความต้องการของเราได้เช่นกัน

ส่วนข้อด้อยในการใช้เครื่องมือปรับแต่งในแอปคือมีแค่เครื่องมือปรับแต่งภาพไม่มีส่วนเสริมอื่นๆ ให้เล่นและนอกจากนี้เราพบว่าเวลาใช้เครื่องมือปรับแต่ง ระดับการปรับแต่งค่าของแต่ละเครื่องมือปรับได้น้อยเมื่อเทียบกับแอปอื่นๆ  

แอปแต่งรูป Snapseed

สำหรับแอปพลิเคชัน ตัวนี้เล่นไม่ยาก แถมยังมีการปรับค่าในเครื่องมือแต่งภาพที่เราว่าออกแบบมาได้ดีทำให้แอปดูมีลูกเล่นมากขึ้น เป็นการใช้นิ้วเลื่อนไปซ้ายหรือขวา ส่วนถ้าจะใช้เมนูปรับแต่งเพิ่มเติมให้ใช้นิ้วเลื่อนขึ้นหรือลง ถึงแม้ว่าแอปนี้จะเล่นไม่ยาก ก็ยังมีความซับซ้อนมากกว่าตัว VSCO อยู่บ้าง

ส่วนของเครื่องมือปรับแต่งภาพและฟิลเตอร์ของแอปตัวนนี้นั้นมีความสามารถเช่นเดียวกับ VSCO ที่เพิ่มเติมมานอกเหนือจากนั้นจะเป็นลูกเล่นการแต่งภาพที่ค่อนข้างหลากหลาย

จากการลองใช้เห็นได้ว่าการปรับแต่งของเครื่องมือ Shadow ของแอป Snapseed นี้ปรับแต่งได้ดีกว่า VSCO และที่พิเศษกว่านั้นคือการปรับแต่งภาพของแอปนี้สามารถเลือกปรับแต่งแค่เฉพาะพื้นที่แค่ส่วนที่ต้องการปรับได้

สำหรับเครื่องมือที่เราชอบในแอปนี้คือ เลนส์เบลอ ภาพ HDR และ  Curve หรือเส้นโค้งที่สามารถปรับแต่งค่าทุกอย่างภายในรูปได้จากการลากเส้นแทนการปรับค่าทีละเครื่องมือ

2. โปรแกรมแต่งรูปเน้นการสร้างสรรค์

มาถึงในโซนของแอปพลิเคชันที่ทำได้มากกว่าปรับแต่งภาพ แต่ยังสามารถใส่! แต่ง! เสริม!อะไรที่สร้างสรรค์เพิ่มไปได้ด้วย เพราะแอปด้านบนจะเน้นการแต่งภาพแบบมืออาชีพ ดังนั้นในแอปหมวดนี้เราจะแนะนำแอปพลิเคชันที่ใส่อะไรที่มันนอกกรอบเพิ่มขึ้นได้ เอ้า เริ่ม

PicArts เป็นแอปที่มาพร้อมกับเครื่องมือปรับแต่งภาพ ฟิลเตอร์ เช่นเดียวกัน แต่มีเครื่องมือเพิ่มเติมที่ลูกสร้างสรรค์ และการปรับแต่งเพิ่มมาอีก เช่น เครื่องมือทำสติ๊กเกอร์ การทำเอฟเฟกต์การกระเจิงที่เคยทำอย่างยากลำบากในโปรแกรมแต่ตอนนี้ทำในแอปนี้ได้สบายมาก

สำหรับข้อดีของแอปนี้ก็มีค่อนข้างเยอะทั้ง

  • ใช้งานง่าย ได้ผลงานที่ดี
  • customize ตามความต้องการได้เช่นเดียวกับ VSCOcam แถมปรับแต่งได้ละเอียดกว่าด้วย! คือในส่วนของการ customize จะมีมากสุดคือ 4 รูปแบบ ตามในภาพ ถือได้ว่าเป็นแอปที่ค่อนข้างครบครันในอันเดียว

แต่ถึงแม้จะเป็นแอปที่คุ้ม แต่ก็มีข้อด้อยตรงความที่เป็นแอปฟรีจึงมีโฆษณาติดมาด้วยเยอะอยู่

แอปแต่งรูป Pixlr

การปรับแต่งรูปสำหรับแอป Pixlr นี้ทำได้เช่นเดียวกับแอปอื่นๆ แต่เมนูเครื่องมือจะเยอะกว่าอย่าง

  • การใส่ฟิลเตอร์ในแอปนี้จะเป็นเครื่องมือที่ชื่อว่า effect และเพิ่มขึ้นมาในส่วนของ overlay ที่เป็นการซ้อนรูปที่จะทำให้รูปมีลูกเล่นมากขึ้น และ stylize เป็นการเปลี่ยนรูปแบบของรูปภาพให้ออกมาในรูปแบบอื่น เช่น รูปวาดสีน้ำ รูปลายเส้น (drawing)
  • ส่วนเครื่องมือด้านความรังสรรค์ที่มีเพิ่มเติมมาคือ brushes สามารถขีดเขียนได้ตามสะดวก และพิเศษขึ้นคือมีตัวดูดสีเพิ่มเข้ามา โดยเราสามารถดูดสีจากในรูปมาเป็นสีที่ใช้ขีดเขียนได้ (ดูดสีคือการเลียนแบบสีจากรูปภาพจริงให้ออกมาเป็นสีที่มีในแอปที่ใกล้เคียงที่สุด)
  • การใส่กรอบ เพิ่มสติ๊กเกอร์ ตัวหนังสือต่างๆตามต้องการ

ข้อด้อยของแอปนี้คือในส่วนของการปรับแต่งรูปเราต้องปรับให้เป็นค่าที่เราต้องการก่อนมันถึงจะแสดงผลว่ารูปนั้นจะออกมาเป็นแบบไหน ทำให้ไม่สะดวกในการปรับแต่งสักเท่าไหร เช่น หากจะปรับ exploser ให้เป็น 46 แอปจะยังไม่แสดงผลตอนปรับเป็น 46 ต้องรอกดให้เสร็จก่อน

รูปภาพตัวอย่าง

3. การแต่งรูปบุคคล

ทีนี้เรามาโฟกัสที่ความงามกันบ้างดีกว่า นั้นคือ แอปแต่งรูปบุคคลที่จะแนะนำ

มากันที่แอปแรกกันเลย คือ

แอปแต่งรูป Camera360

พลาดไม่ได้เลยกับแอปนี้ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน  มีเครื่องมือปรับแต่งรูป มีฟิลเตอร์เช่นกัน และตัวชูโรงอย่างโหมดรูปภาพบุคคล จากที่ลองใช้คือแอปจะสแกนหน้าเราอย่างรวดเร็ว ซึ่งถ้ามันสแกนไม่ถูกต้องเราก็สามารถไปปรับโครงสร้างการสแกนหน้าได้ใหม่  

ซึ่งพอแต่งออกมาแล้วไม่ดูเว่อร์ ไม่ปลอม เป็นธรรมชาติดี ถึงแม้เราจะแต่งค่อนข้างหนักก็ตาม ส่วนถ้าจะแต่งรูปที่ถ่ายเป็นหมู่คณะขอบอกว่ามันจะปรับแต่งหน้าได้แค่คนเดียวนะเอ้อ ถือได้ว่าเป็นแอปที่ตอบโจทย์ที่ว่าอยากแต่งให้ดูไม่ออกว่าแต่ง

แอปนี้มีเครื่องมือปรับแต่งรูป ฟิลเตอร์เช่นกันทำออกมาดีด้วย โดยรวมโอเคมาก แต่ที่ประทับใจมากๆ จะเป็นปรับหุ่นเพรียว แปลงโฉม คือปรับเปลี่ยนองค์ประกอบในหน้าเราได้แนบเนียนแบบดูไม่ออก โลกไม่เบี้ยว ใช้ง่ายด้วย นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมเมกอัปในนี้ด้วย แต่เรามองว่ายังแต่มาไม่เนียนยังพอดูออกว่าแต่งจากแอป และในส่วนเครื่องมือลบสิวลบได้ไม่เนียนเลยไม่ประทับใจอันนี้เท่าไหร

โดยสรุปแอปนี้สามารถตอบโจทย์สำหรับการแต่งรูปโฆษณาสินค้าที่ต้องใช้คนเป็นนางแบบได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

มีเครื่องมือปรับแต่งรูป มีฟิลเตอร์ที่สามารถ customize ได้ สีของฟิลเตอร์ในแอปนี้ค่อนข้างตอบโจทย์ผู้ที่ชอบแต่งรูปแนวหวานๆ ฟรุ้งฟริ้ง และพิเศษเพิ่มขึ้นจะเป็นตัว magic brush คือเราสามารถเลือกลายวิ้งวับมาเขียนลงในรูปภาพได้ตามต้องการ


ส่วนการแต่งเสริมใบหน้าต่างๆ เวลาปรับจะปรับได้ไม่เยอะมากต้องมองชัดๆ ถึงจะรู้ว่าอ๋อนี้ปรับแล้วนะ แต่คือมันก็ผลดีตรงดีดูเนียนเป็นธรรมชาติเหมือนไม่ได้แต่ง

แต่ทั้งนี้เครื่องมือบางตัวในแอปนี้จะต้องซื้อถึงจะใช้ได้ และในส่วนของการปรับให้ผอมเพรียวหรือ slim จะยังไม่สู้ meitu สักเท่าไหร่ถึงแม้จะมาจากสำนักเดียวกันก็ตาม

สรุป

และนี่คือแอปพลิเคชันแต่งรูปทั้ง 7 แอปที่เรานำมารีวิวในครั้งนี้ ซึ่งแต่ละแอปก็มีข้อดีข้อด้อยต่างกันไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้งานอีกที ว่าแบบไหนเหมาะสมกับตัวคุณที่สุด แต่ยังไงถ้าจะให้รู้จริงๆ ก็ต้องลองโหลดไปใช้กันดูนะ

ตาคุณแล้ว

หากคุณอ่านบทความนี้แล้วรู้สึกว่าแอปพลิเคชันไหนน่าสนใจ หรือมีอะไรที่อยากแชร์เพิ่มเติมก็สามารถเขียนคอมเมนต์มาได้เลยนะคะ