นับตั้งแต่มีการเปิดตัวของ Metaverse ก็เริ่มมีการถกเถียงกันเรื่อง ข้อดี ข้อเสีย Metaverse กันอย่างหนาหู บ้างก็บอกว่า Metaverse มีข้อดี เพราะมีแนวโน้มเชื่อมโยงกับ NFT, Cryptocurrency และ Web 3.0 ซึ่งจะช่วยผลักดันเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แถมยังมีการพูดถึงเทรนด์ Metaverse ที่อาจส่งผลต่อทุกอุตสาหกรรมบนโลกด้วย

บ้างก็คาดการณ์ว่า Metaverse มีข้อเสีย เพราะอาจเสี่ยงเจอผู้ไม่หวังดี หรือทำให้คนตีตัวออกห่างโลกความเป็นจริงมากเกินไป

แต่ไม่ว่ายังไง Metaverse ก็เป็นโลกเสมือนจริงที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย จะว่าไปเรียกว่าเป็นข้อเสียเลยก็ไม่ได้ ขอใช้เป็นคำว่าข้อควรระวังจะดีกว่า

เพื่อที่จะได้พิจารณาเพิ่มเติมถ้าจะเอาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับ Metaverse ไปใช้ แต่ในบทความนี้จะใช้คำว่าข้อดีและข้อเสีย เพื่อให้แมตช์กับ Search Intent ของคนค่ะ

ยาวไปอยากเลือกอ่าน

ข้อดีของ Metaverse

1. คนทั่วโลกพบปะกันได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องระยะทาง

นี่คือข้อดีของ Metaverse ที่ต้องยอมรับว่าโดดเด่นกว่าใคร เพราะ​​ถ้าคุณอยู่ในโลกเสมือนจริงแล้ว เรื่องระยะทางก็ไม่สำคัญอีกต่อไป คุณสามารถจะไปเที่ยวหรือไปทำอะไรที่ไหนก็ได้ คุยกับใครก็ได้ ซึ่งมีโอกาสที่คุณจะได้เจอกลุ่มคนที่มีความคิดคล้าย ๆ กัน หรือเจอสังคมใหม่ที่คุณอาจชื่นชอบ

ยิ่งไปกว่านั้น คือ ที่นี่ยังให้ความรู้สึกเหมือนจริงกว่าที่เคยเป็นมา แน่นอนว่าคุณจะรู้สึกสบายใจมากขึ้นในการพบปะผู้คนใหม่ ๆ

2. ดื่มด่ำประสบการณ์ได้ทุกที่ ทุกกิจกรรม

เมื่อ Metaverse ทำให้เส้นกั้นเรื่องระยะทางค่อย ๆ จางลง สถานที่ไหนที่คุณอยากไป กิจกรรมไหนที่คุณอยากทำก็เป็นไปได้หมดเลย แม้เราจะรู้ว่ามันไม่ใช่ของจริง แต่มันก็ให้ความรู้สึกสมจริงจนทำให้เราตื่นเต้นได้เหมือนกัน

เพียงแค่ใช้ชุดหูฟัง VR (Virtual Reality Headset) ที่รองรับการอยู่ในโลก Metaverse คุณก็สามารถออกกำลังกาย เข้าสังคม เล่นเกม และประชุมธุรกิจในสภาพแวดล้อมที่เหมือนจริงได้แล้ว

3. การปฏิสัมพันธ์ทางโซเชียลดีขึ้นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เป็นเรื่องปกติที่เวลามีอะไรใหม่ ๆ เข้ามา คนก็อยากจะทดลองเล่น ทดลองใช้เป็นพิเศษ และถ้า Metaverse เปิดตัวให้ใช้ได้เมื่อไร มีความเป็นไปได้สูงมากที่คนจะเริ่มเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนนั้น

สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้น คือ มีการชวนเพื่อน ๆ เข้ามาเล่นด้วยกัน จับมือกันไปสถานที่ที่ไม่เคยไป ซึ่งมีแนวโน้มที่ผู้คนจะมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นบนโซเชียล นับเป็นอีกหนึ่งข้อดีของ Metaverse ที่ทำให้คนได้กลับมาพูดคุยกันมากขึ้น

4. เกิดโอกาสทางธุรกิจและกลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบใหม่

ยอมรับว่าตั้งแต่มีโซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์มเกิดขึ้น โอกาสทางธุรกิจก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดการตลาดรูปแบบใหม่ ถ้าย้อนกลับไปตอนที่ไม่มีโซเชียลมีเดีย เราก็แทบไม่เจอโฆษณาบนหน้าจอมือถือเลย แต่ทุกวันนี้ไถฟีดแค่สองสามที ก็เจอโฆษณาแล้ว

แล้วถ้า Metaverse มาจริงเมื่อไร เชื่อว่าโฆษณาจะแตกต่างไปจากเดิมอีกครั้ง การโปรโมตผลิตภัณฑ์อาจจะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และผู้คนอาจไม่เห็นโฆษณาผ่านหน้าจอเล็ก ๆ อีกแล้วก็ได้

5. โซเชียลมีเดียต่าง ๆ จะอัปเกรดตัวเอง ซึ่งมีแนวโน้มเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น

การมาของ Metaverse ทำให้แพลตฟอร์มโซเชียลอื่น ๆ ต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้เสมอคู่แข่ง ซึ่งมีโอกาสที่จะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเก่า ทั้งนี้ ก็ไม่มีใครรู้ว่าอัปเกรดตัวเองแล้วจะดีหรือด้อยกว่า Metaverse แต่เชื่อว่าผู้คนจะไม่ได้เจอกับประสบการณ์การใช้งานโซเชียลมีเดียแบบเดิมแน่นอน

6. การเรียนรู้ การอบรมผ่านทางออนไลน์มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นี่เป็นอีกหนึ่งข้อดีของ Metaverse ที่ทำให้หลายตาลุกวาว เพราะการเรียนออนไลน์และ Work From Home มาเป็นระยะเวลานาน ก็อาจทำให้หลายคนเริ่มชินและเบื่อกับ Meeting รูปแบบเดิม

เชื่อว่างานนี้ Metaverse คงได้สปอร์ตไลต์ไปเต็ม ๆ เพราะการเรียนออนไลน์หรือการอบรมในโลกเสมือนจริงยังไงก็น่าตื่นเต้นและสนุกกว่า เพราะมันเหมือนกับการได้เจอหน้ากันจริง ๆ

7. Cryptocurrency และ NFT อาจมีบทบาทใน Metaverse มากกว่าที่เคยมีมา

Cryptocurrency และ NFT ถูกกำหนดให้มีบทบาทสำคัญในโลก Metaverse เพราะมีแนวโน้มที่การซื้อสินค้าและบริการจะใช้สกุลเงินดิจิทัลในการชำระเงิน ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยอีกขั้นให้กับการใช้ชีวิตในโลกเสมือนจริง

ในทางเดียวกัน NFT อาจกลายเป็นสิ่งที่ต้องมีใน Metaverse เช่นกัน เพราะที่นี่จะมีโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้น เป็นไปได้ที่อาจจะมีการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ เช่น เครื่องแต่งกาย ของใช้ Limited รวมถึงสิทธิ์ในการเข้าถึงคอนเทนต์หรือเพลงจากศิลปินที่เราชื่นชอบ เป็นต้น

8. วงการเกมก้าวหน้า โดยเฉพาะ Play to Earn อาจได้รับความนิยมมากขึ้น

เป็นไปได้ที่เหล่าเกมเมอร์ทั้งหลายจะเห็นข้อดีของ Metaverse นั่นก็เพราะมันสามารถทำให้พวกเขาเล่นเกมได้สนุกมากขึ้น สมจริงมากขึ้น ถ้าคุณเคยดูภาพยนตร์ Ready Player One คุณจะจินตนาการออกว่าการเล่นเกมในอนาคตจะเป็นยังไง

ไม่ใช่แค่ความสนุกเท่านั้นที่คุณจะได้ เพราะคุณยังมีโอกาสเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Cryptocurrency และ NFT ที่ได้มันมาจากการเล่นเกม Play to Earn อีกด้วย

9. ผู้คนเริ่มแสวงหาโอกาสในการสร้างกำไรจาก Metaverse

เมื่อใดก็ตามที่มีเทคโนโลยีใหม่ ผู้คนก็มักจะหาวิธีทำเงินจากมัน อย่างในโลก Metaverse ที่บางคนกำลังมีแพลนลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ดิจิทัล บางคนก็สะสมไอเทมเกม เพื่อเก็งกำไรแล้วขายต่อ บางธุรกิจอาจมีการจัดคอนเสิร์ต รวมถึงการเปิดให้เยี่ยมชมหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์โดยเก็บค่าแรกเข้า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นกิจกรรมที่สร้างกำไรได้ทั้งสิ้น

10. ส่งเสริมการทำงานแบบ Remote Working

Mark Zuckerberg ได้พูดถึงคือฟีเจอร์ Infinite Office ที่ช่วยสนับสนุน Remote Working และ Work From Home โดยเป็นการจำลองออฟฟิศผ่านเทคโนโลยี VR ซึ่งเขาสัญญาว่าจะทำให้การทำงานจากที่บ้านเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุด

ดูเหมือนว่า Metaverse จะมีข้อดีอีกแล้ว เพราะมันมีประโยชน์ต่องานที่ต้องใช้ทักษะฝีมืออย่างมาก โดยเฉพาะงานด้านวิศวกรและการแพทย์ เพราะมีความเป็นไปได้ที่อาชีพเหล่านี้จะสามารถทำงานนอกสถานที่ได้

ข้อเสียของ Metaverse

1. อาจเกิดอาชญากรรมทางไซเบอร์ (Cybercrime)

เนื่องจาก Metaverse ยังเป็นแนวคิดใหม่ ระบบความปลอดภัยและวิธีการป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์อาจจะยังไม่รัดกุม บวกกับรัฐบาลยังไม่มีอำนาจมากพอที่จะจัดการได้อย่างเต็มที่

จึงเป็นไปได้ที่ในโลก Metaverse จะยังมีการฉ้อโกง การฟอกเงิน การแสวงหาประโยชน์จากเด็ก สินค้าผิดกฎหมาย การค้าบริการ และการโจมตีทางไซเบอร์เกิดขึ้น

2. เสพติดการใช้ชีวิตบนโลกเสมือนจริง

นับเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คนมองว่าเป็นข้อเสียของ Metaverse เพราะการเสพติดการใช้ชีวิตบนโลกเสมือนจริงอาจทำให้บางคนไม่อยากรับรู้โลกความเป็นจริงอีกต่อไป แถมบางคนอาจสวมบทบาทเป็นคนอื่นจนกลับมาเป็นตัวเองในชีวิตจริงยากอีกด้วย เพราะในโลก Metaverse คุณกำหนดได้ว่าจะตัวเองเป็นยังไง

3. สังคมและวัฒนธรรมแบบเก่าที่ดีอาจหายไป

หลายคนมองว่ามันอาจเป็นข้อเสียของ Metaverse ที่จะทำให้คนหันไปสนใจวัฒนธรรมและสังคมใหม่ ๆ จนหลงลืมสังคมรอบตัวและรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องยอมรับวัฒนธรรมของตนเองก็ได้ แต่ความจริงแล้วเราก็ไม่สามารถตัดสินได้ว่ามันคือข้อเสียของ Metaverse จริง ๆ เพราะนี่เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น

4. สูญเสียการเชื่อมต่อกับสิ่งต่าง ๆ บนโลกความเป็นจริง

หลายคนอาจกังวลด้านนี้มาก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีบุตรหลาน เพราะเชื่อว่าโลกเสมือนอาจจะดึงดูดพวกเขาให้อยู่ในแพลตฟอร์มนานเกินไป จนสูญเสียการใช้ชีวิตบนโลกความเป็นจริง ไร้การติดต่อกับผู้คน ไร้วี่แววการออกไปข้างนอก และอาจหนักถึงขั้นไม่มีการสนทนากับพ่อแม่พี่น้องหรือเพื่อนเก่าอีกเลย

5. อาจทำให้คนหลงลืมเรื่อง Privacy & Security

เรื่องความเป็นส่วนตัวเป็นปัญหาบนโลกอินเทอร์เน็ตมาโดยตลอด ซึ่งมีหลายคนไม่รู้ว่าข้อมูลของตนเองถูกรวบรวมและขายให้กับแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย อีกทั้งในช่วงที่มีการประโคมข่าว Facebook ละเมิดข้อมูลส่วนตัว ก็ทำให้หลายคนกังวลว่าสิ่งนี้อาจจะไม่เปลี่ยนไป แม้จะเปลี่ยนชื่อเป็น Meta แล้วก็ตาม

6. เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิต

นี่อาจเป็นอีกข้อที่หลายคนมองว่าเป็นข้อเสียของ Metaverse เพราะการหมกมุ่นอยู่ในโลกดิจิทัลและการแยกตัวออกจากโลกความเป็นจริงจะเพิ่มโอกาสในการหย่าร้าง ซึ่งอาจนำไปสู่อาการซึมเศร้า รวมถึงการพบว่าชีวิตในโลกเสมือนนั้นดีกว่าชีวิตจริงก็มีโอกาสลดความนับถือตนเองจนทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้เช่นกัน

7. อาจเกิด Virtual Bullying & Virtual Harassment

การเป็นคนแปลกหน้าต่อกันบางครั้งก็ทำให้คนกล้าพูดกล้าแสดงความเห็นมากขึ้น ในทางเดียวกันก็มีโอกาสที่จะใช้คำพูดแรง ๆ และแสดงการไม่ยอมรับความแตกต่างอย่างชัดเจนจนเกินไป ยิ่งไม่รู้ตัวตนของกันและกันด้วยแล้ว ยิ่งมีโอกาสโดน Bully กระหน่ำ

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น อาจมีการล่วงละเมิดผ่าน Avatar ของเราในโลก Metaverse ด้วย เพราะถ้ามีคนในโลกเสมือนจริงสัมผัสเราโดยไม่ได้รับอนุญาต มันก็ไม่ต่างอะไรจากการโดนล่วงละเมิดในโลกความเป็นจริงเช่นกัน และหลายคนไม่สามารถยอมรับข้อเสียนี้ของ Metaverse ที่อาจเกิดขึ้นได้

8. สร้างความรู้สึกไม่เท่าเทียมกันในสังคม

การเข้าถึงโลก Metaverse จำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วและใช้อุปกรณ์อย่างแว่นและหูฟัง VR จึงเป็นที่ถกเถียงกันว่า “คนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือคนที่ไม่มีเงินซื้อจะไม่มีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริงใช่หรือไม่”

คำตอบชัดเจนอยู่แล้วว่า ใช่! Metaverse เลือกคนที่มีความพร้อมในด้านอุปกรณ์และสัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ส่วนผู้คนและชุมชนที่ด้อยโอกาสก็จะไม่สามารถเข้าไปเล่นได้

9. ยังไม่มีการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด หรือกำหนดบทลงโทษที่แน่ชัดสำหรับผู้ที่ทำพฤติกรรมไม่ดี

หลายคนเชื่อว่าทาง Meta จะไม่สามารถจัดการกับผู้ที่แสดงพฤติกรรมไม่ดีบนโซเชียลได้ เพราะตอนนี้ Facebook ก็ยังทำได้ไม่ดีพอ อีกทั้งการตรวจสอบผู้ใช้จำนวนมากก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นไปได้ที่เราจะเจอกับเหตุการณ์ Toxic ต่อไปเรื่อย ๆ ในโลก Metaverse

10. ไม่รู้ว่าลูกหลานตนเองกำลังทำอะไรอยู่ อาจเสี่ยงเจออะไรที่ไม่ดี

มีบทความที่ Bernard Marr พูดถึง Metaverse ว่ามีข้อเสียอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ เราไม่สามารถรู้ได้ว่าลูกหลานของเรากำลังทำอะไรอยู่ในโลกเสมือนจริง ลำพังแค่การติดตามว่าลูกหลานของเราทำอะไรบ้างบนโลกออนไลน์ก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว และมันอาจจะท้าทายมากขึ้นเมื่อ Metaverse มาถึง เพราะเราไม่สามารถมองเห็นโลกที่พวกเขาอยู่ในขณะที่ใส่แว่นและหูฟัง VR ได้เลย แถมไม่มีวิธีตรวจสอบด้วยว่าพวกเขาทำอะไรไปบ้าง หรือกำลังเจอกับอะไร หากเป็นเรื่องไม่ที่ดีล่ะก็ ไม่มีทางที่เราจะปกป้องพวกเขาทันแน่นอน

สรุป

Metaverse มีข้อดีหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำให้คนทั่วโลกพบปะกันได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องระยะทาง การดื่มด่ำประสบการณ์ต่าง ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา และอาจทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจและกลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบใหม่ รวมถึงการเรียนรู้ผ่านทางออนไลน์อาจมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีแนวโน้มผลักดันวงการ NFT กับ Cryptocurrency ให้เติบโตขึ้นด้วย

ในทางตรงกันข้าม Metaverse ก็มีหลายอย่างที่ต้องระวังเช่นกัน เช่น อาจเสี่ยงเกิดอาชญากรรมทางไซเบอร์ การเสพติดการใช้ชีวิตในโลกเสมือนจริงจนส่งผลต่อสุขภาพ และการทำให้คนหลงลืมเรื่อง Privacy ของตนเอง รวมถึงความเสี่ยงในการเกิด Virtual Bullying & Virtual Harassment ด้วย

ทั้งนี้ทั้งนั้น เรายังไม่สามารถตัดสินได้ว่า Metaverse มีข้อดี ข้อเสียตรงตามที่กล่าวไว้ทั้งหมด รอให้เปิดตัวใช้งานจริงเมื่อไร มันอาจจะดีกว่าที่คิดเอาไว้ก็ได้ หรือไม่ก็อาจจะมีสิ่งที่ต้องระวังมากกว่าเดิม

ตาคุณแล้ว

ภาพจำของ Metaverse คือการใส่แว่น VR ซึ่งคุณจะมองเห็นทุกอย่างได้เสมือนจริง เหมือนตัวเองเข้าไปยืนอยู่ตรงนั้น หากคุณอยากรู้ว่าโลก Metaverse เป็นยังไง ต้องลองหาแว่น VR มาใส่สักครั้งหนึ่งแล้วล่ะ!