Social Media อยู่คู่กับโลกอินเตอร์เน็ตมาเกือบๆ 30 ปีแล้ว นับตั้งแต่การก่อตั้งของ SixDegrees ในปี 1997 (ข้อมูลจาก Wikipedia)
มี Platform เกิดใหม่และปิดไปหลากหลาย Platform ตัวที่ยังคงอยู่ก็มีความเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ ทุกปี ปีละหลายรอบ
พฤติกรรมการใช้งาน Social Media ในแต่ละประเทศ และในแต่ละภูมิภาคก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก (ตัวอย่างที่เห็นชัดๆ เลย คือประเทศไทยคุย Chat กันผ่าน LINE แต่ประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่ในโลกใบนี้เป็น Platform อื่น)
จากที่ Social Media นั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เพื่อนได้คุยกับเพื่อน ทำให้คนได้เชื่อมต่อกัน ปัจจุบัน Social Media ก็มุ่งสู่เรื่องธุรกิจอย่างเต็มตัว
ในปี 2025 นี้ โลกของ Social Media มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีอะไรน่าสนใจ มีอะไรที่นักการตลาดและนักธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทย ต้องรู้บ้าง ผมรวบรวม ร้อยเรียง เรื่องราว มาให้อ่านในบทความนี้แล้วครับ มาทยอยอ่านไปด้วยกันได้เลย!
ป.ล. ผมใช้เวลาในการตกผลึก และหาข้อมูลเพิ่มเติมมาเขียนบทความนี้หลายสิบชั่วโมง และผมยินดี ถ้าคุณจะเอาเนื้อหาบางส่วนไปอ้างอิงต่อ ซึ่งผมจะขอบคุณมากๆ ถ้าคุณช่วยส่งลิงก์กลับมายัง https://contentshifu.com/blog/social-media-marketing-trends ด้วยนะครับ 🙂
ป.ป.ล. ในบทความนี้ ผมจะพยายามอ้างอิงข้อมูลต่างๆ ให้ได้มากเท่าที่จะทำได้ และจะพยายามเขียนอย่างเป็นกลาง โดยอ้างอิงกับความรู้และประสบการณ์ที่ผมมี ถ้าเนื้อหาส่วนไหน ไปกระทบกระทั่งกับบาง Platform ผมขออภัยล่วงหน้านะครับ หวังว่าจะไม่โกรธกัน จริงๆ แบงค์รักและอยากทำงานกับทุก Platform ครับ 😆
10 เทรนด์ Social Media Marketing สำหรับนักการตลาดและนักธุรกิจ
1. ต่างคน ต่างใจ และต่างความฝัน
ต่างช่องทาง ต่างแพลตฟอร์ม ก็เช่นกัน
ข้อมูลจาก Digital Insights Thailand Report 2024 ที่จัดทำโดย Content Shifu และ YouGov ที่ทำการ Survey คนไทยทั่วประเทศกว่า 2,000 คน ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจมาหลายอย่าง
คนไทยเน้นใช้ TikTok เพื่อความบันเทิง เน้นใช้ YouTube เพื่อหาความรู้ใหม่ๆ เน้นใช้ X (Twitter) เพื่อติดตามอัปเดตข่าวสาร เน้นใช้ Instagram เพื่อติดตามบุคคลที่ชอบ เน้นใช้ Facebook เพื่อพูดคุยกับเพื่อน
ในมุมธุรกิจ ถ้าเรารู้ว่าคนเข้าไปใช้งานแต่ละ Platform ด้วยเหตุผลอะไร เราจะสามารถเลือก Platform ให้เหมาะกับรูปแบบธุรกิจของเราได้ดียิ่งขึ้น
เช่นถ้าธุรกิจของเรามีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เป็นความบันเทิง (หรือเราสามารถทำคอนเทนต์โดยที่เน้นความบันเทิงได้) TikTok ก็เป็น Platform ที่น่าสนใจ
หรือถ้าธุรกิจของเราเป็นสาย High-involvement ที่ต้องมีการให้ข้อมูล ให้ความรู้ ก่อนที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อ YouTube ก็เป็น Platform ที่ตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ดี
2. อวสาน Organic Reach & Engagement สำหรับคอนเทนต์เพื่อการขาย
จริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว แต่มันจะยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เพราะปัจจุบันมี Social Media Platform ที่หลากหลายมากขึ้น และ Platform ที่เป็นเจ้าตลาดในอดีตอย่าง Facebook และ YouTube ก็ถูกแชร์ Eyeball ไปโดย Platform ที่มาแรงอย่าง TikTok
คนใช้เวลาน้อยลง แต่ธุรกิจที่อยากเข้ามาทำการตลาดและขายมีมากขึ้น
รูปทางด้านบนจาก Digital Thailand 2024 ของ DataReportal ที่บอกค่าเฉลี่ยของ Engagement Rate บน Facebook เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลย
ซึ่งเอาจริงๆ ผมคิดว่าเป็นหลักปกติของ Demand และ Supply ที่จะทำให้คอนเทนต์ที่ธุรกิจอยากพูด แต่คนไม่อยากฟัง มี Reach และ Engagement น้อยลง
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากให้คนเห็นมากขึ้น ก็ต้องจ่ายเงินซื้อโฆษณาเพื่อเพิ่มการมองเห็น
นอกจาก Facebook แล้ว ผมคิดว่ายอด Organic Reach & Engagement บน TikTok สำหรับคอนเทนต์เพื่อการขายเองก็จะตกลงอย่างมีนัยสำคัญด้วยเช่นเดียวกัน สาเหตุเป็นเพราะว่าพลังอำนาจของ TikTok นั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ (ตอนนี้เป็นที่ 2 แล้ว)
เมื่อมีพลังมากขึ้น ก็จะสามารถเลือกทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น ซึ่งผมคิดว่า ตามหลักของโลกธุรกิจแล้ว เขาจะทำการหารายได้มากขึ้นครับ
แน่นอนว่า มันเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ธุรกิจต่างๆ ก็ต้องทำการขายผ่าน Social Media อยู่ดี เพียงแต่ว่าในอนาคต การขายจะต้องเนียนขึ้น (อาจจะ Blend ไปกับคอนเทนต์ที่คนสนใจ) หรือต้องวาง Funnel ของการขายให้ดีๆ ครับ
3. วิดีโอสั้นยังไปต่ออีกยาวๆ
หลังจากที่ TikTok เป็นผู้จุดกระแสวิดีโอสั้น Platform อื่นๆ ก็ตามกระแสนี้มา และเทรนด์คลิปสั้นนี้ยังไปต่อได้อีกยาวๆ ครับ
ซึ่งพอพูดถึงวิดีโอสั้นในปัจจุบันนี้แล้ว มันอาจจะไม่ได้หมายถึงแค่วิดีโอที่มีความยาวต่ำกว่า 1 นาที
ทาง TikTok ที่เป็น Platform ที่จุดกระแสวิดีโอสั้น ก็อนุญาตให้ผู้ใช้งานโพสต์คลิปที่ยาวกว่า 1 นาทีได้มา 1-2 ปีแล้ว ส่วนของ Meta (Facebook & Instagram) เอง ถ้าคลิปสั้นกว่า 1.30 นาที ก็จะถูกจัดว่าเป็นคลิปสั้น (Reels) และในช่วง Q4/2024 ที่ผ่านมา YouTube เองก็ขยายความยาว YouTube Shorts จาก 1 นาทีเป็น 3 นาทีเรียบร้อยแล้ว
รูปทางด้านบนเป็นรูป Research จากทาง Wisesight ที่บอกว่าคลิปสั้นที่ไปได้ดีกว่า 34% นั้นมีความยาวมากกว่า 1 นาที
โดยสรุปในหัวข้อนี้คือ คุณไม่จำเป็นต้องทำคลิปให้มันสั้นกว่า 1 นาทีก็ได้ ถ้าเรื่องไหนที่ต้องอธิบายเนื้อหามากกว่า 1 นาที การโพสต์คอนเทนต์ยาวกว่านั้นก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
4. การเติบโตขึ้นของ Alternative Platforms
4-5 ปีก่อน เวลาพูดถึง Social Media Platforms เราอาจจะนึกถึง Platform ยักษ์ใหญ่กันอยู่ไม่กี่เจ้า
แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Platform ทางเลือกเองก็ได้มีการเติบโตขึ้นอย่างมาก
หนึ่งในสาเหตุสำคัญเป็นเพราะการเติบโตขึ้นมาของ Gen Z ซึ่งจาก Digital Insights Thailand Report 2024 จะเห็นได้ว่า Platform ที่ Gen Z และ Gen อื่นๆ นิยมใช้นั้นมีความแตกต่างกัน และ Gen Z มีการใช้ Platform ที่หลากหลายกว่า ไม่ว่าจะเป็น Lemon8, Twitch, Discord หรือ Pinterest
และข้อมูลใน Digital Advertising Spending Report 2024 ก็บอกมาด้วยเช่นกันว่า นักการตลาดนั้นกระจายงบการตลาดไปในหลากหลาย Platform มากขึ้น ไม่ได้กระจุกอยู่แค่ใน Facebook และ YouTube
5. Social Media Platforms มุ่งหน้าสู่ Commerce
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา TikTok (TikTok Shop) และ LINE (LINE SHOPPING) คือ Social Media Platforms ที่มุ่งเป้าสู่ Commerce
โดยเฉพาะ TikTok ที่เป็นผู้นำเทรนด์ “การปักตะกร้า” ทำให้คนที่ดูคอนเทนต์สามารถคลิปไปซื้อของต่อได้อย่างง่ายๆ
ในปีที่ผ่านมา Meta และ YouTube เองก็ตามมาติดๆ ซึ่งทั้ง 2 รายได้จับมือร่วมกับ Shopee ที่ทำให้เจ้าของเพจ/ช่องสามารถปักตะกร้านำเอาสินค้าที่ขายบน Shopee มาขายระหว่างการ Live ได้ ทำให้เจ้าของเพจ/ช่อง สามารถสร้างรายได้จากการทำ Affiliate Marketing อีกด้วย
6. แบรนด์ยังต้องใช้ Influencer ในการ Influence
แต่แบรนด์เองก็ต้องรู้จักใช้ Influencer ให้เหมาะสมกับ Objective ของตัวเองด้วย
มีสถิติที่น่าสนใจจากงาน Thailand Influencer Awards 2024 ไม่ว่าจะเป็น
- 80% ของผู้บริโภคในเอเชียมีแนวโน้มซื้อสินค้าที่ได้รับการแนะนำจากอินฟลูเอนเซอร์
- แบรนด์เพิ่มงบประมาณ: 69% ของแบรนด์เพิ่มงบประมาณในส่วนของ Influencer Marketing เมื่อเทียบกับปี 2023
Influencer Marketing เป็นเทรนด์ที่มานานแล้ว และจะยังคงอยู่กับโลก Social Media Marketing ต่อไป
สิ่งที่จะเป็นเทรนด์มากขึ้นแต่ๆ ในโลกของ Influencer Marketing คือ “คนตัวเล็ก” จะมีพลังมากขึ้น
ข้อมูลจาก Influencer Benchmark Report ของ Later ได้ให้ข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจว่า Nano Influencer (คนตามไม่เกิน 10,000 คน) จะเป็น Influencer ประเภทที่สร้าง Engagement Rate (Engagement/Impression) ได้สูงที่สุด ตามมาด้วย Micro Influencer (ตาม 10,000-100,000 คน)
แต่แน่นอนว่า Mid และ Macro Influencer นั้นจะเป็น Influencer ประเภทที่ทำให้เกิด Impression ได้เยอะกว่า อย่างมีนัยสำคัญ (รวมไปถึง Engagement ในภาพรวมก็สูงกว่าด้วย)
ในมุมแบรนด์เอง คงต้องพยายามผสานการใช้งาน Influencer หลากหลาย Tier เข้าด้วยกัน
ถ้า Objective คือการสร้าง Awareness Mid & Macro Influencer น่าจะตอบโจทย์กว่า แต่ถ้า Objective คือการสร้าง Engagement และ Conversion การใช้งาน Micro & Nano Influencer ร่วมด้วย น่าจะทำให้ Performance ของ Campaign ในภาพรวมดีขึ้น
7. Social Search ขยายตัว
จาก Digital Insights Thailand Report 2024 พบว่าสำหรับ Baby Boomer & Gen X ช่องทางหลักที่พวกเขาใช้ค้นหาข้อมูลยังคงเป็น Search Engine
แต่ความเปลี่ยนแปลงเริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ Millennials (Gen Y) ลงมา โดยที่ Millennials นั้นใช้ Social Media ในการค้นคว้าหาข้อมูล พอๆ กับ Search Engine
สำหรับ Gen Z นั้น พวกเขาใช้ Social Media ในการค้นหาข้อมูลมากกว่าการใช้ Search Engine แล้ว ซึ่งก็ถือเป็นเทรนด์ที่น่าสนใจมากๆ สำหรับแบรนด์และนักการตลาด
หลังจากนี้ นอกจากการทำ SEO ที่เป็น Search Engine Optimization แล้ว แบรนด์และนักการตลาดอาจจะคิดถึง SEO ที่เป็น Social Engine Optimization ด้วย
และนอกจาก Search Engine & Social Engine แล้ว GenAI ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่คนนิยมใช้ค้นหาข้อมูล เพราะฉะนั้นการทำ GEO หรือ Generative Engine Optimization ก็เป็นอีกสิ่งที่ควรพิจารณา
8. ความไม่แน่นอนของ X
นับตั้งแต่เฮีย Elon เข้ามา Take Over Twitter และเปลี่ยนชื่อเป็น X ตัว Platform เองมีความเปลี่ยนแปลงเยอะ เช่น
- การเชื่อมต่อ API กับ X จะต้องมีค่าใช้จ่าย (จากเมื่อก่อนฟรี) คือพวก Social Listening Platform ต้องจ่ายเงินปีละเป็นสิบล้านเพื่อดึงข้อมูลจาก X
- ผู้ใช้งานสามารถทำ Audio & Video Call ผ่านช่องทาง DM ได้
- ผู้ใช้งานสามารถสร้างคอนเทนต์ที่ยาวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ประเภท Text ที่ได้ถึง 25,000 ตัวอักษร และวิดีโอถึง 3 ชั่วโมง
- คนที่เรา Block จะไม่สามารถปฏิสัมพันธ์กับเราได้ แต่สามารถเห็นคอนเทนต์ของเราได้
ถ้าอยากติดตามข่าวสารการอัปเดตเกี่ยวกับ X ผมคิดว่าช่องทางที่น่าจะ Real Time ที่สุดก็คือ X ของ Elon Musk นี่แหละครับ
โดยสรุป ผมคิดว่า X เป็น Platform ที่น่าตื่นเต้นและสุ่มเสี่ยงในเวลาเดียวกันครับ เอาเป็นว่าคอยจับตามองความเปลี่ยนแปลงของ X ไว้เรื่อยๆ นะครับ ในประเทศไทยเอง คนใช้งาน X ยังเป็นกลุ่มคนเฉพาะทาง แต่ไม่แน่ว่าเฮีย Elon อาจจะเสกให้ X บูมขึ้นมาในไทยก็ได้ครับ
9. ใช้ AI ทำ Content Creation
จาก Survey ของ Hootsuite Social Trends 2024 พบว่าแบรนด์และนักการตลาดมีแน้วโน้มที่จะใช้ AI ในการช่วยทำ Social Media Marketing มากขึ้น
โดยที่วิธีการใช้ AI ที่นักการตลาดนิยมใช้ที่สุดคือการ 1. แก้ไข Text 2. การสร้าง Copy ของโฆษณาจากศูนย์ และ 3. หาไอเดียใหม่ๆ
ส่วนวิธีการใช้ AI ที่เติบโตมากที่สุดคือ 1. ใช้ Chatbot ตอบข้อความ 2. แก้ไขรูปภาพ และ 3. สร้างเนื้อหา Text ที่ใช้ทำ Customer Support
นอกเหนือจากการใช้ AI กับคอนเทนต์ประเภท Text และ Image แล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่น่าจับตามองคือการใช้ AI ในการสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบ Video
ตัวอย่างคลิปทางด้านบนเป็นตัวอย่างวิดีโอของผมที่ใช้ GenAI สร้างขึ้นมา โดยที่มันเรียนรู้วิธีการขยับท่าทาง น้ำเสียง และจังหวะจะโคนของผม และพูดตาม Script (ภาษาอังกฤษ) ที่ผมเขียนไปให้
ข้อจำกัดของ AI Video Content Creation ณ ตอนนี้คือมันใช้ได้ดีกับภาษาอังกฤษ แต่กับภาษาไทยยังไม่ค่อยมี Use Case ที่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ แต่ผมคิดว่าอีกไม่นานเกินรอ การให้ AI พูดภาษาไทยมันจะเป็นธรรมชาติขึ้นแน่ๆ ครับ
ผมคิดว่า AI น่าจะเป็นผู้ช่วยชั้นดีในการทำ Social Ads หรือการหาไอเดียใหม่ๆ ครับ แต่สำหรับการทำ Storytelling ผมคิดว่า ไม่ว่า AI จะเก่งขึ้นแค่ไหน “Social Media’ คือพื้นที่ที่คนมา Connect กัน ยังไง AI ก็ Connect กับคนไม่ดีเท่าคนแน่ๆ และมันอาจจะขาดการร้อยเรียงเรื่องราวด้วยคารมที่แสนคมคาย (เหมือนประโยคนี้อยู่ 😉)
10. ยุคสมัยแห่ง Martech-powered Social Media Marketing
ยุคสมัยแห่งการเดาสุ่ม คิดอะไรออกก็ทำ หรือทำทุกอย่างแบบ Manual บน Social Media ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
การจะทำ Social Media Marketing ในยุคนี้ให้ดี ต้องเอา Martech หรือ Marketing Technology เข้ามาช่วย ซึ่ง Martech นั้นมีเยอะแยะมากมาย สำหรับหมวดหมู่ย่อยที่ผมอยากจะ Pinpoint เป็นพิเศษสำหรับการทำ Social Media Marketing มีอยู่ 3 หมวดย่อยด้วยกัน
Social Listening
ช่วยฟังเสียงลูกค้าบน Social Media ดูว่าใครพูดถึงเรา ใครด่า ใครชม ซึ่ง Social Listening Tool ที่น่าสนใจมีหลายตัวเช่น Wisesight (Zocial Eye), InsightERA (DOM) และ Mandala เป็นต้น
Chat Commerce
ช่วยโต้ตอบและขายของกับลูกค้าที่ทัก Social Chats เข้ามา ซึ่ง Chat Commerce Tools ที่น่าสนใจมีหลายตัวเช่น AIYA, Kaojao และ ZWIZ
Social Media Management
เครื่องมือช่วย Publish & Analyze Social Media ต่างๆ ที่เรามี รวม Social Media Platform ที่เรามีมาจัดการในที่เดียว ซึ่ง Social Media Management Tool ที่น่าสนใจมีหลายตัวเช่น Publer, Buffer หรือ Hootsuite เป็นต้น
ผมวงหมวดหมู่ของเครื่องมือไว้ในรูปทางด้านบนแล้วนะครับ ถ้าอยากรู้จัก Martech Tools ตัวไหนเพิ่มเติม ก็เข้าไปอ่านบทความนี้ได้ครับ
สรุป
และนี่คือ Social Media Marketing Trends 2025 ที่ผมสรุปมาฝากนะครับ
มีตั้ง 10 ข้อ อาจจะดูเยอะ แต่ผมแค่อยากจะบอกว่า คุณไม่จำเป็นต้องเอาสิ่งที่มันดูเป็นเทรนด์ไปทำตามทั้งหมดนะครับ
อยากโดดเด่น อยากสำเร็จ ต้องรู้จักเลือก เลือกอยู่บางที่ เลือกทิ้งบางช่องทาง
ดูว่าลูกค้าเราอยู่ที่ไหน ดูว่าเรามีทรัพยากรแค่ไหน แล้วทุ่มเทแรงกายแรงใจในทางที่เลือกแล้ว และลุยให้สุดนะครับ
สุดท้าย ขอฝากคาถาคาใจ เอาไว้ใช้ในการทำ Social Media Marketing ให้ประสบความสำเร็จนะครับ
ลง
มือ
ทำ
ขอให้ประสบความสำเร็จในการทำ Social Media Marketing อย่างที่คุณตั้งใจนะครับ 🙂
ในปี 2025 นี้ โลกของ Social Media มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีอะไรน่าสนใจ มีอะไรที่นักการตลาดและนักธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทย ต้องรู้บ้าง ผมรวบรวม ร้อยเรียง เรื่องราว มาให้อ่านในบทความนี้แล้วครับ มาทยอยอ่านไปด้วยกันได้เลย!
ป.ล. ผมใช้เวลาในการตกผลึก และหาข้อมูลเพิ่มเติมมาเขียนบทความนี้หลายสิบชั่วโมง และผมยินดี ถ้าคุณจะเอาเนื้อหาบางส่วนไปอ้างอิงต่อ ซึ่งผมจะขอบคุณมากๆ ถ้าคุณช่วยส่งลิงก์กลับมายัง https://contentshifu.com/blog/social-media-marketing-trends ด้วยนะครับ 🙂