AI Marketing สำคัญแค่ไหนในการทำการตลาดยุคปัจจุบัน ?

ผมเชื่อว่าสำหรับใครหลายคนแล้ว การนำ AI เข้ามาช่วยในการทำการตลาดดูเป็นเรื่องไกลตัวมากๆ เราไม่จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีล้ำสมัยก็สามารถโปรโมตให้แบรนด์เด่นดังได้ แค่จัดแคมเปญดีๆ ก็ช่วยเพิ่มยอดขายได้ แถม AI ดีๆ ย่อมหมายถึงค่าใช้จ่ายที่แพงตามไปด้วย ไม่น่าคุ้มหรอก

แต่จะเป็นแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า ? เพราะการตลาดปัจจุบันไม่ใช่แค่การแปะป้ายโปรโมตตามซอย แต่ต้องเข้าไปอยู่ทุกที่โดยเฉพาะโลกออนไลน์ และแค่ความสามารถของมนุษย์อาจไม่เพียงพออีกต่อไป

ในบทความนี้ผมจะพาคุณไปรู้จักกับแง่มุมต่างๆ ของ AI Marketing แบบเข้าใจง่ายๆ พร้อมตัวอย่างการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการทำการตลาดจากแบรนด์ต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งอาจทำให้คุณเห็นว่าเรื่องเหล่านี้ใกล้ตัวกว่าที่เราคิดไว้

AI Marketing คืออะไร

AI Marketing คือ การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้าร่วมกับการทำการตลาดในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่เรื่องง่ายๆ ไปจนถึงการทำงานที่ซับซ้อนเกินกว่ามนุษย์จะประมวลผลได้

การใช้งาน AI ร่วมกับการตลาดเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความคุ้นชินของเทคโนโลยีของผู้คน การที่มีข้อมูลต่างๆ ในระบบมากขึ้น พร้อมกับต้นทุนการผลิตเทคโนโลยีที่ค่อยๆ ลดลง ทำให้ปัจจุบันแม้แต่คนทั่วไปยังสามารถใช้งาน AI Marketing ได้ง่ายๆ 

เรื่องที่น่าสนใจคือผู้ใช้งานบางรายแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีการใช้งาน AI อยู่ทุกวัน อ้างอิงจาก HubSpot ที่ได้มีการสำรวจผู้บริโภค 1,400 ราย 63% ไม่รู้ตัวเลยว่าพวกเขากำลังใช้เทคโนโลยี AI อยู่

จุดเด่นของการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ในการตลาด

อัตราการใช้งานที่เติบโตอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงมูลค่าตลาดที่ก้าวหน้า แสดงให้เห็นชัดว่าปัญญาประดิษฐ์ไม่ได้มาเล่นๆ วลี “AI จะเข้ามาแย่งงานของมนุษย์” ก็ดูใกล้ตัวเข้ามาทุกที แต่หากมองลึกเข้าไปในการทำงานจริงๆ AI ยังคงอยู่ในมุมของ “ส่วนเสริม” มากกว่า

เพราะหลักๆ แล้วสิ่งที่ AI ทำคือการเข้ามาช่วยดูแลในงานที่ “หนัก เน้นคำนวณ และต้องทำตลอด 24 ชั่วโมง” ซึ่งแน่นอนว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ต้องการหลีกเลี่ยงงานประเภทนี้

แล้ว AI ในมุมการตลาดจะมีจุดเด่นใดบ้าง นี่คือคำตอบที่คุณอาจสนใจครับ

ช่วยให้การตลาดแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมายแม่นยำยิ่งขึ้น

Personalize Marketing เป็นอีกเทรนด์ที่มาแรงแบบสุดๆ ด้วยการนำเสนอขายสินค้าและบริการที่ “เหมาะ” กับลูกค้าทีละรายแบบเจาะลึก ช่วยให้การโฆษณาดังกล่าวได้ผลดีมากยิ่งขึ้น เมื่อมีการใช้ AI มาประกอบยิ่งทำให้การตลาดรูปแบบดังกล่าวส่งผลดียิ่งขึ้นไปอีก

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดสำหรับเรื่องนี้เลยคือ Social Media ต่างๆ ที่มี AI คอยทำงานอยู่เบื้องหลัง ทำให้เราเห็นโพสต์ต่างๆ ที่ใกล้เคียงกับความชอบมากที่สุด หรือเลือกโพสต์ของเพื่อนสนิทขึ้นมาแสดง แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้รวมถึงโฆษณาและโพสต์ขายของต่างๆ ที่จะเลือกสิ่งที่มีแนวโน้มว่าเราจะซื้อมากที่สุด

โดยภาพด้านล่างนี้จะเป็นหน้าจอกำหนด Audience ที่เราต้องการโฆษณาของ Facebook ซึ่งเห็นได้เลยว่าจะมีความละเอียดสูงมาก (และปรับยิบย่อยได้มากกว่านี้อีก)

มีการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอและรวดเร็ว

ตลาดโดยรวมของ AI ในปัจจุบันจะมีมูลค่าประมาณ 3.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (13.7 ล้านล้านบาท) แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่สูง และการใช้งานที่มาก และแน่นอนว่าสิ่งเหล่านั้นย่อมส่งผลให้ตัว AI มีการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอและรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อการใช้งานของผู้คน

การพัฒนานี้ยังรวมไปถึงมุมของการ “เรียนรู้” ที่ AI จำเป็นจะต้องมีการอัปเดตตัวเองตลอดเวลา เปิดรับข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มความเฉียบคมในการทำงาน ทำให้ยิ่งเวลาผ่านไป AI มีโอกาสที่จะสร้างงานที่ดียิ่งขึ้นได้

สามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมง ไม่จำเป็นต้องหยุด

เรื่องนี้เป็นสุดยอดจุดเด่นที่มนุษย์ไม่มีทางเทียบได้อย่างแน่นอน AI สามารถทำงานได้ 24/7 แบบไม่จำเป็นต้องมีเวลาพักผ่อน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับธุรกิจบริการที่ต้องรองรับลูกค้า 24 ชั่วโมง ทำให้องค์กรสามารถใช้กำลังคนไปทำหน้าที่อื่นๆ ได้ โดยปล่อยให้ AI รับมืองานซ้ำๆ อย่างการตอบคำถามลูกค้า หรือการตรวจสอบข้อมูลคอนเทนต์ต่างๆ แทน

สามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายขึ้นอยู่กับธุรกิจ

AI ไปได้ทุกที่ สามารถผสานเข้ากับทุกธุรกิจ โดยเฉพาะในมุมของการขาย คุณลองนึกสภาพการมีพนักงานขายจำนวนมากที่พร้อมจะเปลี่ยนรูปแบบการขายทันทีที่คุณสั่งการ หรือพร้อมปรับเปลี่ยนโปรโมชันต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้ามากที่สุดโดยไม่เกี่ยงหมวดหมู่ดูสิครับ AI จะเป็นพนักงานขายคล้ายๆ แบบนั้นเลย

ตัวอย่างของ AI Marketing ที่พบได้ในปัจจุบัน

การใช้งาน AI Marketing สามารถแบ่งออกได้หลายประเภท หลากมุมมอง โดยในบทความนี้จะขออธิบายตามการใช้งานที่พบได้ทั่วไป ทั้งในส่วนของการทำงานในเว็บไซต์ใหญ่อย่าง Google รวมถึงการใช้งานโดยผู้ใช้ทั่วไป เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ ดังนี้เลยครับ

Social Media Marketing

AI Marketing ของบรรดา Social Media เป็นตัวอย่างที่ใกล้ตัวมากที่สุด เพราะในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเด็ก ๆ คนหนุ่มสาวหรือคนมีอายุ ต่างก็มี Social Media ของตนเองแทบทั้งสิ้น ทำให้สื่อสังคมออนไลน์กลายเป็นช่องทางหลักสำหรับการโฆษณาของหลายๆ แบรนด์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเราจะพบบรรดา AI Marketing ได้ตามช่องทางนี้เลยครับ

ตัวอย่างของ Facebook 

การใช้ AI เข้ามามีส่วนร่วมในการปรับหน้า New Feed ของ Facebook เห็นจะเป็นกรณีที่โด่งดังที่สุดท่ามกลาง Social Media ต่างๆ เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้ง และหลายต่อหลายครั้งก็ขัดใจผู้ใช้งานบางกลุ่มพอสมควร

โดย AI ของทาง Facebook จะทำหน้าที่เก็บข้อมูลของผู้ใช้งาน เรียนรู้พฤติกรรมต่างๆ ของเรา และนำเสนอคอนเทนต์และโฆษณาต่างๆ ที่ดึงดูดผู้ใช้งานได้มากที่สุด จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมบางทีเลื่อนฟีดอยู่ดีๆ มันจะโผล่โฆษณามาเหมือนกับอ่านใจเราได้อย่างแม่นยำ

ตัวอย่างที่เจอกับตัวเองแบบสดๆ ร้อนๆ เลยคือช่วงนี้ผมกำลังศึกษาเรื่องบ้านและคอนโดอยู่ ผ่านไปสักพักทาง Facebook ก็เด้งโพสต์เกี่ยวกับคอนโดขึ้นมาให้แบบอัตโนมัติหลากหลายแบรนด์มากๆ แถมส่วนใหญ่ยังอยู่ใกล้โซนที่ผมต้องการอีกต่างหาก

ตัวอย่างของ TikTok

หากจะบอกว่า AI อยู่เบื้องหลังแทบทุกสิ่งของ TikTok ก็ไม่ผิดนัก เพราะทุกการเลื่อนวิดีโอของคุณในแอปพลิเคชันนี้การใช้งาน AI อยู่เบื้องหลังแทบทั้งสิ้น

โดยทาง AI จะทำการวิเคราะห์และแบ่งแยกประเภทวิดีโอที่ผู้ใช้ทำ (User Generiated Content) พร้อมคัดกรองความเหมาะสม ก่อนค่อยๆ ดันวิดีโอเข้าสู่การมองเห็นของผู้คนทีละน้อย ยิ่งวิดีโอที่ฮิต หัวข้อที่กำลังเป็นเทรนด์ หรือวิดีโอที่มีอินฟลูเอนเซอร์ดังๆ ก็จะยิ่งเข้าถึงผู้คนจำนวนมากตามความสนใจของคน ณ ขณะนั้น

ซึ่งแน่นอนว่าจะมีการทำ Marketing แฝงมาด้วย โดยขณะที่เลื่อนดูวิดีโอใน TikTok อัลกอริทึมทีทำงานอยู่เบื้องหลังก็จะดันวิดีโอโฆษณาที่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราเคยดูมาเพื่อเพิ่มโอกาสในการซื้อขายที่มากขึ้น

ตัวอย่างของ Chatbot

Chatbot น่าจะเป็น AI ที่ผู้ใช้งานพบเจอได้บ่อยครั้งทั้งจากในเว็บไซต์และ Social Media โดย Chatbot สามารถใช้ได้หลากหลายรูปแบบตั้งแต่การตอบคำถามง่ายๆ เกี่ยวกับสินค้าและบริการ ไปจนถึงการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของผู้ใช้งาน

โดยตัวอย่างที่ผมจะยกนี้จะเป็นแชทบอทของทาง HubSpot ที่จะมีการทักทายและสอบถามเกี่ยวกับปัญหาเบื้องต้นของเรา รวมถึงสิ่งที่เรา(อาจจะ)ต้องการ ซึ่งสามารถช่วยในเรื่องของการตอบคำถามง่ายๆ หรือปัญหาที่พบบ่อย (FAQ) ได้ และแน่นอนว่าหากปัญหาดังกล่าวมีความซับซ้อน ไม่สามารถตอบโดยบอท ก็จะมีตัวเลือกเพื่อขอให้พนักงานเข้ามาตอบแทน

Automated Emails

รู้หรือไม่ว่าในปัจจุบันมีบริษัทจำนวนไม่น้อยที่ใช้ AI ในการอ่าน Email แล้วตอบลูกค้าเสร็จสรรพครบถ้วนกระบวนความ โดยเรื่องนี้มีการเริ่มทำตั้งแต่ช่วงปี 2015 แล้วด้วย ซึ่งแน่นอนว่าพระเอกของเรื่องนี้ย่อมหนีไม่พ้นบริษัทใหญ่อย่าง Google

ตัวอย่างของ Google 

ทาง Google Research ได้ทดลองใช้ AI และ Machine Learning ในการศึกษาและตอบ Email ในชื่อของ Smart Reply ซึ่งสามารถช่วยย่นระยะเวลาการตอบข้อความของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งในปัจจุบันมีการใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยคุณสามารถเห็นฟีเจอร์นี้ได้เวลาเขียน Email ภาษาอังกฤษ โดยทาง Google จะมีการแนะนำคำพูดที่เหมาะสมสำหรับการตอบโดยอัตโนมัติ โดยตัวอย่างผมจะลองพิมพ์แบบผิดบ้างถูกบ้างเพื่อสังเกตคำแนะนำของทาง Google นะครับ

จากในภาพผมได้ทำการขีดเส้นใต้สิ่งที่ Google เติมมาครับ จะเห็นได้เลยว่าไม่ได้มาแค่เป็นคำๆ แต่มาเป็นวลีที่ค่อนข้างยาว ซึ่งจากที่ผมลองด้วยตัวเองฟีเจอร์นี้แต่ละครั้งอาจมีความแตกต่างกันนะครับ หากเราพิมพ์ ลบ แล้วลองพิมพ์แบบเดิม คำแนะนำบางอย่างอาจมีความต่างกันออกไป หรือบางทีก็ไม่ขึ้นมาก็มีเช่นกัน

ตัวอย่างของ HubSpot

บริษัทด้าน Marketing อย่าง HubSpot เองก็ไม่น้อยหน้า โดยมีการใช้บริการ AI เข้าร่วมหลากหลายรูปแบบ ซึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ Automatic Email data capture ที่คอยเก็บข้อมูลผู้ใช้งานจากอีเมลที่ส่งมา ทำให้เราสามารถได้ข้อมูลลูกค้าหรือผู้ที่สนใจสินค้าและบริการของเราได้อย่างครบถ้วน 

โดยคุณสามารถทดลองด้วยตัวเองได้ง่ายๆ เพียงแค่สมัครสมาชิก เข้าไปในไอดีของคุณเอง คลิกเลือก Objects > Contacts และติ๊กถูกบริเวณ Fill Account detail from emails with Hubspot AI

Search Engine Optimization (SEO)

โดยพื้นฐานแล้ว SEO จะเกี่ยวข้องกับ AI โดยตรง ซึ่งทาง Search Engine (โดยเฉพาะ Google) จะมี AI คอยตรวจสอบเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลและใช้นำเสนอเพื่อตอบคำถามของมนุษย์ และแน่นอนว่าเราก็ต้องมี AI เพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์ต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการ AI ของบรรดา Search Engine เช่นเดียวกัน 

ตัวอย่างของ Frase.io

หากพูดถึงการทำคอนเทนต์ย่อมต้องมีการเขียนมาควบคู่ และ Frase.io เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการทำคอนเทนต์ด้วย AI โดยผุ้ใช้งานสามารถกำหนดเนื้อหา โทนการเขียน และปล่อยให้ AI สรรสร้างผลงานออกมาได้เลย 

โดยคุณสามารถเข้าไปดูเครื่องมือ AI Marketing ต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ แนะนำเครื่องมือ Artificial Intelligence (AI) ที่ช่วยเสริมกลยุทธ์การตลาดและเพิ่มยอดขายอย่างชาญฉลาด ครับ!

เมื่อผู้ใช้ Google ทำการพิมพ์คีย์เวิร์ดในช่องค้นหา Google Algorithm แต่ละชนิด ก็จะพิจารณาคะแนนในส่วนของตัวเองว่า คอนเทนต์ไหนได้รับคะแนนสูงสุด แล้วจึงนำคะแนนมารวมกัน เพื่อจัดอันดับคอนเทนต์ที่ปรากฏบนผลการค้นหาต่อไป


เห็นได้ชัดเลยครับว่าจริงๆ แล้ว AI Marketing มีกระจายอยู่ทั่วพื้นที่บนโลกอินเทอร์เน็ต และแน่นอนว่าเครื่องมือที่มี AI บางตัวคุณเองก็สามารถลองใช้ฟรีได้ง่ายๆ

ก่อนที่จะลงทุนซื้อโปรแกรมหรือ Subscibe เพื่อใช้งาน AI ผมขอแนะนำว่าคุณควร “ลองจนแน่ใจ” เสียก่อนครับ เพราะไม่ใช่ AI ทุกตัวที่จะทำงานดี ดังที่ผมบอกว่าสุดท้ายแล้วมนุษย์เองนี่แหละที่จะต้องมาตรวจสอบเพื่อความเหมาะสมในการทำงานทั้งหมด

 

ตาคุณแล้ว

นี่เป็นเพียงส่วนน้อยถึงน้อยมากๆ ครับสำหรับ AI Marketing การใช้ปัญญาประดิษฐ์มายกระดับการตลาดในปัจจุบัน ตัวคุณมีการใช้งาน AI บ้างไหมครับ แล้วมี AI ตัวไหนที่น่าสนใจบ้าง ลองคอมเมนต์แนะนำพวกเราได้ด้านล่างเลยครับ