Metaverse คืออะไร? ส่งผลกระทบอย่างไรกับโลกการตลาด?

Metaverse คำแห่งโลกอนาคตที่ช่วงนี้ได้ยินบ่อยเป็นพิเศษจนชินชาไปเสียแล้ว เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน แบรนด์ต่างๆ หรือบริษัทยักษ์ใหญ่มากมายต่างชูเรื่องของการก้าวเข้าสู่ Metaverse เป็นจุดเด่นเพื่อก้าวนำไปยังโลกแห่งอนาคตก่อนใคร

และแน่นอนว่า Metaverse เป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะบนโลกดิจิทัล ซึ่งทำให้ เทรนด์ของ Digital Marketing หรือการตลาดออนไลน์เปลี่ยนไปเช่นกัน

วันนี้เราจะพาผู้อ่านทุกคนไปค้นพบกับมิติอันหลากหลายของ Metaverse ที่ส่งผลกระทบกับโลกการตลาดอย่างจัง ถ้าพร้อมแล้ว ไปอ่านเนื้อหาแบบจัดเต็มกันได้เลยค่ะ

Metaverse คืออะไร?

Metaverse คือ โลกเสมือน (Virtual World) ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนได้เข้ามามีปฏิสัมพันธ์ และสามารถทำกิจกรรรมต่างๆ ร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อพบปะพูดคุย ท่องเที่ยว บันเทิง และช้อปปิ้ง เสมือนอยู่ในโลกจริง ผ่าน Avatar แทนตัวเอง ซึ่งจะมีรูปลักษณะอย่างไรก็ได้ตามใจฝัน โดยใช้เทคโนโลยี คือ Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR)

โดย Metaverse มาจากคำว่า Meta (เหนือกว่า) กับ Verse (จาก Universe) สื่อความได้ว่า “จักรวาลที่อยู่เหนือขึ้นไป” หรือจะเรียกได้ว่า “จักรวาลที่อยู่เหนือจินตนาการและความเป็นจริง” คำนี้มีที่มาจากนวนิยาย Sci-fi เรื่อง “Snow Crash” ซึ่งผู้แต่งคือ Neal Stephenson

เรียกได้ว่าถ้าจะยกตัวอย่างคงหนีไม่พ้น ภาพยนตร์ Ready Player One ที่มีโลกเสมือนจริง OASIS ให้ผู้เล่นหรือผู้ใช้งานสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ หรือจะเป็นภาพยนตร์อนิเมชันล่าสุดอย่าง BELLE เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง ที่มีโลกเสมือนจริงเรียกว่า U ซึ่งแน่นอนว่าคอนเสปต์ของโลกเสมือนจริงก็จะมีความคล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะการสร้าง Avatar ขึ้นมาแทนตัวตนและมีการทำกิจกรรมสร้างสังคมในนั้นดั่งโลกจริงนั่นเอง

Metaverse มีองค์ประกอบอะไรบ้าง?

Metaverse เป็นสิ่งใหม่ ทำให้มีหลายคนได้นิยามองค์ประกอบหรือส่วนประกอบเอาไว้หลากหลายสำนัก โดยวันนี้เราจะยกมา 2 แหล่งที่มา คือ Wunderman Thompson และ Gartner

องค์ประกอบของ Wunderman Thompson

จากรายงาน Into the Metaverse ของ Wunderman Thompson ได้มีการแบ่งองค์ประกอบสำคัญที่เป็นการบ่งบอกลักษณะของ Metaverse เอาไว้ถึง 9 องค์ประกอบ ดังต่อไปนี้

1. Persistent ความต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง ทุกการกระทำ ทุกการมีอยู่ของสรรพสิ่งและชีวิตบน Metaverse จะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องดั่งโลกแห่งความเป็นจริงไม่ว่าผู้คนจะออนไลน์หรือออฟไลน์อยู่ก็ตาม โลก Metaverse จะไม่มีการจบสิ้นหรือจุดสิ้นสุดแต่อย่างใด
2. Reactive สภาพแวดล้อมของผู้คนบน Metaverse จะมีการตอบสนองกับการกระทำแบบ Real-time ซึ่งไม่ว่าเราจะทำอะไรในนั้นมักจะมีการส่งผลกระทบกลับมาเสมอ
3. Interoperable ทลายทุกกำแพงแห่งแพลตฟอร์มลง ดั่งเส้นแบ่งเขตดินแดนได้เลือนหายไป เพราะ Metaverse ไม่ได้ผูกไว้กับอะไรเลยเนื่องจากข้อมูลต่างๆ เก็บไว้ในบน Blockchain ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เรียกได้ว่าจะแชร์ข้อมูลใดให้ใครคนไหน ที่ไหน อย่างไร และเวลาไหนก็ย่อมได้
4. Creative หมดแล้วยุคแห่งการนั่งเสพคอนเทนต์เฉยๆ เมื่อผู้คนยุคใหม่มีความคิดสร้างสรรค์เหนือไปอีกระดับจนสามารถผันตัวมาเป็น Content Creator กันได้อย่างล้นหลาม ดังนั้น Metaverse จึงเป็นพื้นที่ที่ทำให้ผู้คน (Creator) สร้างสรรค์หรือปฏิสัมพันธ์กับคอนเทนต์ มากกว่าเพียงแค่นั่งดูหรือเสพเฉยๆ
5. User-defined ผู้ใช้งานเป็นใหญ่ ไม่ต้องง้อผู้สร้างแพลตฟอร์มอีกต่อไป ในเมื่อ Metaverse มีหลากหลายจักรวาล ทางเลือกมีมากมายให้เลือกสรรค์ ถ้าจักรวาลไหนเรื่องเยอะ ไม่เป็นที่น่าพอใจ ผู้ใช้ก็สามารถเลือกไปยังจักรวาลอื่นได้ทันที เรียกได้ว่า Metaverse เป็นของผู้ใช้งานทุกคน และเป็นพื้นที่ที่ถูก Shaped โดยผู้คน ก็เหมือนกับประโยคจากภาพยนตร์ชื่อดังว่า “แอสการ์ดไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นผู้คน” นั่นเอง
6. Decentralized ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของร่วมกัน Metaverse มีเทคโนโลยี Blockchain เป็นระบบสำคัญที่ทำให้ข้อมูลต่างๆ มีความโปร่งใส และเป็นกลาง ไม่มีใครคนใดคนหนึ่ง หรือตัวกลางใดที่ถือข้อมูลของเราเอาไว้นั่นเอง ถือว่าทำให้ทุกคนมีความเป็นเจ้าของร่วมกันโดยสมบูรณ์
7. Everyday ผสานเข้ากับชีวิตประจำวันมากกว่าที่เคยเป็น แม้ว่าปกติชีวิตของเราจะแยกส่วนกันระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ แต่ Metaverse คือการผสานเข้ากับโลกความเป็นจริง ทุกกิจกรรม ทุกการปฏิสัมพันธ์ สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีเส้นแบ่งของคำว่าออนไลน์และออฟไลน์ คิดง่ายๆ ถ้าคุณสามารถใส่คอนแทคเลนส์อัจฉริยะที่จะช่วยให้เห็นข้อมูลดิจิทัล ภาพต่างๆ เกิดขึ้นตรงหน้า หรือก็คือ AR นั่นเอง ซึ่งคุณสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งนั้นได้ แม้สิ่งนั้นจะไม่ได้อยู่ในโลกความเป็นจริง
8. Limitless ไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะจำนวนของผู้ใช้งานหรือโลกเสมือนจริงที่สร้างขึ้นมา สามารถมีได้ไร้ขีดจำกัด เรียกได้ว่าไม่มีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนให้น่ากังวัลใจ
9. Social พื้นที่แห่งการสรรค์สร้างสังคมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นจริง มีการพบปะ พูดคุย สร้างความสัมพันธ์ และทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ๆ อยู่ตลอด แน่นอนว่าเป็นโลกเสมือนจริงจะขาดสังคมหรือ Community ไปได้ยังไงกันล่ะ

9 องค์ประกอบนี้ เป็นสิ่งที่จำกัดความ Metaverse โดย Wunderman Thompson ซึ่งต้องบอกเลยว่าทำให้เราเห็นภาพชัดมากขึ้นว่า Metaverse คืออะไรกันแน่?

องค์ประกอบของ Gartner

Gartner บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาระดับโลก ได้คาดคะเนเอาไว้ว่าในปี 2026 ผู้คนมากถึง 26% จะใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง/วัน บน Metaverse ไปกับการทำงาน ช้อปปิ้ง การเรียน ความบันเทิง หรือการติดต่อสื่อสารเหมือนกับโซเชียลมีเดีย

โดย Gartner ได้กำหนดองค์ประกอบเอาไว้ถึง 13 องค์ประกอบ คือ

1. Digital Currency สกุลเงินดิจิทัลที่ใครๆ ต่างก็รู้จัก เช่น Cryptocurrency หรือ Virtual Currency
2. Non-fungible Token (NFT) เป็น Cryptocurrency ประเภทหนึ่งที่แสดงความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ โดยมูลค่าแต่ละเหรียญจะไม่เท่ากัน และไม่สามารถทดแทนกันได้
3. Digital Assets ทรัพย์สินดิจิทัลไม่ว่าจะที่ดินดิจิทัล บ้านดิจิทัล ผลงานศิลปะดิจิทัล ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของ Metaverse
4. Marketplace/ Digital Commerce มีพื้นที่ของเหล่าร้านค้าออนไลน์เป็นแหล่งซื้อขายสินค้าอย่างเต็มรูปแบบ ดั่งห้างสรรพสินค้าอันหลากหลายบนโลกแห่งความเป็นจริง
5. Infrastructure เป็นโครงสร้างพื้นฐาน มีระบบพื้นฐานที่สามารถตอบสนองต่อผู้ใช้งานได้ เช่น มีสถานศึกษา มีระบบสื่อสาร เป็นต้น
6. Device Independence เป็นอิสระไร้ขอบเขต ไม่จำกัดอยู่บนระบบใดระบบหนึ่ง สามารถใช้งานในทุกๆ เครื่องมือ
7. Gaming เมื่อบางคนอาจจะมองว่า Metaverse คือ เกม แต่แท้จริงแล้ว เกม เป็นส่วนหนึ่งของ Metaverse ต่างหาก เกมเป็นสิ่งบันเทิงอย่างหนึ่งที่สำคัญบน Metaverse เมื่อผู้คนสามารถเข้าใกล้กับความสนุกสนานได้เหนือกว่าที่เคยเป็น และได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่อาจไม่สามารถพบบนโลกความจริง ดังนั้นเกมจึงเป็นส่วนประกอบสำคัญเลยทีเดียว
8. Concert, Social และ Entertainment Events เมื่อเรื่องบันเทิงไม่ได้มีแค่เกม แต่เป็นกิจกรรมสนุกสนานที่ทำให้คนมีส่วนร่วม ผ่อนคลาย ได้พบเจอกับศิลปินที่ชื่นชอบผ่านคอนเสิร์ตบน Metaverse ที่ทำให้ไม่ว่าจะชอบศิลปินประเทศไหนก็สามารถพบเจอได้ง่ายมากขึ้นเพราะโลกเสมือนจริงนั่นเอง
9. Online Shopping ช้อปปิ้งไม่หยุดแม้จะเป็นบน Metaverse เพราะฝั่งผู้ใช้เองก็คงจะอยากซื้อนู่นซื้อนี่ อย่างเช่นการตกแต่ง Avatar ของตัวเองให้โดดเด่น จึงไม่แปลกที่การช้อปปิ้งบนโลกเสมือนก็น่าสนุกไม่แพ้โลกจริง
10. Workplace เมื่อโลกแห่งการทำงานได้ผสานเข้ากับ Metaverse อย่างถ่องแท้ ออฟฟิศจึงอาจไม่จำเป็นอีกต่อไปเมื่อเราสามารถทำงานบน Metaverse ได้เลย มีพื้นที่ในการประชุม นั่งทำงานได้ราวกับอยู่ในออฟฟิศไม่ปาน
11. Social Media มากกว่าการนั่งเล่นโซเชียลมีเดียผ่านสมาร์ทโฟนคือการสัมผัสโดยตรงบน Metaverse ผ่านตัวแทน Avatar ของเราที่สามารถปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ได้เลย และมีความใกล้ชิดมากกว่าอีกด้วย
12. Digital Humans เมื่อ AI เริ่มมีบทบาทสำคัญ จึงมีการนำ Digital Humans เข้ามาทดแทนหน้าที่บางอย่างในการทำงานได้ เช่น ทำหน้าที่ Onboarding พนักงานใหม่, เป็น Customer Service, ทำหน้าที่เป็น Sales หรือจัดการเกี่ยวกับการประสานงานทางธุรกิจ เป็นต้น
13. Natural Language Processing (NLP) หนึ่งในความสามารถการเข้าใจภาษาด้วยระบบประมวลภาษา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีกลุ่ม AI ที่ทำให้สามารถเข้าใจภาษาของมนุษย์ ส่งผลให้ AI และมนุษย์มีปฏิสัมพันธ์อย่างธรรมชาติไหลลื่น ไร้ข้อจำกัดทางด้านภาษา

Metaverse ส่งผลกระทบกับโลกการตลาดอย่างน่าเหลือเชื่อ

Digital Marketing กับ Metaverse ถือเป็นสิ่งที่ควบคู่กันไป ดังนั้นยิ่ง Metaverse เข้ามาเร็วมากขึ้นเท่าไหร่ นักการตลาดก็ต้องเตรียมตัว เตรียมใจ ให้ดี ไม่งั้นกลยุทธ์การตลาดของคุณอาจเดินตามหลังคู่แข่งอยู่ก็ได้

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดอย่าง AI Influencer เริ่มมีบทบาทเข้ามาในนานาประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยที่อาจทำให้การทำการตลาด Influencer เปลี่ยนไป เพราะ มีการนำ AI มาเป็นตัวแทนหรือพรีเซนเตอร์แทนดาราหรือศิลปินนั่นเอง

โดย Influencer Marketing Hub เว็บแหล่งข้อมูลหรือ Resource สำหรับ Influencers, Agencies และ Platforms ได้บอกกลยุทธ์การตลาด Metaverse ไว้ถึง 6 กลยุทธ์ คือ

6 กลยุทธ์การตลาด Metaverse (Metaverse Marketing Strategies)

1. ผสานตัวเองเป็นหนึ่งกับแพลตฟอร์ม ในบริบทนี้พูดถึงการโฆษณาหรือ Advertising ในโลกปกติเพียงแค่โฆษณาสั้นๆ ไม่กี่วิบน YouTube ก็ทำให้สร้างความรำคาญใจแก่ผู้ใช้งานแล้ว ดังนั้นบน Metaverse คุณควรสร้างสรรค์การโฆษณาที่ไม่รบกวนผู้ใช้มากเกินไป แต่ทำให้โฆษณาของแบรนด์คุณเป็นหนึ่งเดียวกับโลก Metaverse
2. เปรียบเทียบการตลาดในโลกจริงกับโลกเสมือนจริง การเข้าสู่ Metaverse ไม่ได้หมายถึงว่าคุณต้องเปลี่ยนวิธีไปทั้งหมด จะเริ่มต้นให้ดีคือการทำการตลาดให้เหมือนโลกจริงไว้ก่อนเพื่อทำให้ผู้ใช้รับรู้ถึงแบรนด์ของคุณ
3. ให้ความสำคัญกับสินค้าประเภทเครื่องแต่งกาย สินค้าแฟชั่นเรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีการศึกษาที่บ่งบอกว่าคนกว่า 92% ให้ค่ากับการตกแต่ง Avatar ของตัวเองเป็นอย่างมาก ดังนั้นห้ามพลาด เพราะแบรนด์ดังก็เริ่มแล้วไม่ว่าจะ Balenciaga และ Gucci ที่มีการร่วมมือกับเกมดังอย่าง Fortnite และ Roblox ตามลำดับ ในการขายสินค้าแฟชั่นที่สามารถนำไปตกแต่ง Avatar ให้โดดเด่นได้
4. สร้างพื้นที่ที่เป็นของคุณ ใครว่าขายของบน Metaverse พื้นที่หน้าร้านจะไม่สำคัญ ยิ่งถ้าคุณสร้างพื้นที่ร้านบนโลก Metaverse เอาไว้ก็เป็นสิ่งที่ต้องห้ามพลาด เพราะสิ่งนี้จะสร้างความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับลูกค้าของคุณได้มากเลยล่ะ
5. สร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า ไม่ใช่แค่บนโลกจริงที่ต้องคอยมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า แต่บน Metaverse ก็เช่นกัน ผลการศึกษาชี้ว่าแบรนด์ที่โฟกัสไปกับการมอบประการณ์ดีๆ ทำให้มี Brand Loyalty มากกว่าแบรนด์ที่ไม่โฟกัสมากถึง 25% เลยทีเดียว
6. เสนอของสะสมดิจิทัล ใครว่าการมอบของล้ำค่า ของสะสม และของที่มีคุณค่าจะไม่สำคัญบนโลกดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างสินทรัพย์จำพวก NFTs ไม่ว่าจะงานศิลปะ เพลง เครื่องแต่งกาย ที่มีคุณค่าเป็นอย่างมากก็ทำให้เป็นกลยุทธ์การตลาดได้ เช่น การแถมของ NFTs เมื่อซื้อสินค้าครบถึงตามที่เงื่อนไขกำหนด ก็จะสามารถทำให้ลูกค้ารู้สึกอยากซื้อสินค้ามากขึ้น

เป็นยังไงกันบ้างคะกับ 6 กลยุทธ์ สั้นๆ ที่เราเอามาฝาก ถ้าใครอยากอ่านแบบละเอียด สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

Metaverse กับเหล่า “บริษัท/แบรนด์” ที่ยกระดับตามเทรนด์

เมื่อคำว่า Metaverse มาแรง เหล่าบริษัทชั้นนำไม่รอช้า รีบพากันโอบอุ้ม Project ยิ่งใหญ่เข้ามาทันที โดยวันนี้เราจะพาไปดู 4 แบรนด์ กันค่ะ

1. Meta กับการเปลี่ยนแปลงเต็มกำลัง

จาก Facebook สู่ Meta การเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกอนาคต โดย Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งบริษัท Facebook ได้ออกมาประกาศว่าได้เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก ‘Facebook’ เป็น ‘Meta’ หลังจากที่ใช้ชื่อ Facebook มากว่า 17 ปี เพื่อก้าวเข้าสู่ Metaverse อย่างเต็มกำลัง

เรียกได้ว่า Meta กำลังมุ่งหน้าโฟกัสในส่วนของ Metaverse, AR และ VR ซึ่งจะเห็นได้จาก Project ต่างๆ ของ Meta ที่เริ่มมีการพัฒนามาได้สักพักไม่ว่าจะการใช้แว่น VR เพื่อการผสานเข้ากับโลก Metaverse อย่างเต็มตัว หรือการใช้งานแว่นตาแบบ Ray-Ban Stories ที่มีเทคโนโลยี AR เพื่อการใช้งานแบบผสมผสานโลกจริงกับโลกดิจิทัล

2. Gucci และ Roblox

แบรนด์ดังอย่าง Gucci ไม่รอช้าร่วมจับมือกับเกมดัง Roblox โดยมีการสร้าง Gucci Garden หรือพื้นที่สวนของ Gucci ขึ้นมา (Installation Art) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้าง Brand Awareness ท่ามกลางกลุ่มเป้าหมายวัยเยาว์

เรียกได้ว่า Gucci ได้สรรค์สร้าง Installation Art ขึ้นมาบนเกม Roblox ทำให้ผู้เล่นได้มีปฏิสัมพันธ์กับพื้นที่อันสวยงาม ทรงคุณค่า และสื่อสารถึงความเป็นแบรนด์ได้ดี ไม่พอยังให้ผู้เล่นสามารถทดลองสินค้าดิจิทัลของ Gucci ได้อีกด้วย

3. Louis Vuitton

แบรนด์ชื่อดังอีกหนึ่งที่อยู่มายาวนานจนพึ่งฉลองครบรอบ 200 ปี ซึ่งในงานฉลองครบรอบครั้งนี้ได้มีการระลึกถึงผู้ก่อตั้งแบรนด์ด้วยการสร้างเกม “Louis The Game”

ซึ่งตัวเกมจะเป็นตัวละครนามว่า Vivienne ที่จะท่องไปยัง 6 โลก เพื่อเก็บสะสมเทียน 200 เล่ม และนำไประลึกถึงวันเกิดหรือต้นกำเนิดของ Louis Vuitton

โดยตัวเกมมีลักษณะแบบ RPG มีเรื่องราวให้น่าค้นหา นอกจากนี้ในเกมยังมีผลงาน NFTs 30 ชิ้น ที่สร้างโดยศิลปินอย่าง Beeple อีกด้วย ซึ่ง NFTs เหล่านี้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ทำให้เป็นของสะสมดิจิทัลอันล้ำค่ามากเลยทีเดียว

Introducing Louis The Game. Join Vivienne in collecting 200 birthday candles as she retraces #LouisVuitton’s story over two centuries and try to find one of the 30 precious NFTs. Discover the new game in honor of #LOUIS200 at https://t.co/5vpMF3AQDy pic.twitter.com/tpAM5rZhjR

— Louis Vuitton (@LouisVuitton) August 10, 2021

4. Coca-Cola และ Tafi

ในเดือนกรกฎาคม 2021 Coca-Cola ได้ร่วมมือกับ 3D Creators จาก Tafi เพื่อเป็นเจ้าภาพงานประมูล “Loot Boxes” หรือกล่องสุ่มสินค้า NFTs โดยในกล่องสุ่มประกอบไปด้วยเครื่องแต่งกายที่สามารถสวมใส่ได้ใน Decentraland โลกเสมือนจริง พิเศษมากไปกว่านั้นผู้ที่ชนะการประมูลจะได้รับตู้เย็น Coca-Cola บนโลกจริงไปด้วยนะ

Check out the custom Coca-Cola Bubble Jacket Wearable NFT. Unlockable for use in Decentraland! Tap for details: https://t.co/SIJ0HnNfdu pic.twitter.com/mAP2zEvrMG

— Coca-Cola (@CocaCola) July 29, 2021

Meta Human, Virtual/ AI Influencer วิถีอินฟลูแบบใหม่ กับการเข้ามาแทนที่

จะเป็นยังไงถ้าคุณมีพรีเซนเตอร์หรือ Brand Ambassador ที่ไม่มีทางแก่ สามารถคงความสวยหล่อได้เป็นนิรันด์ ทะลุทุกขีดจำกัดของมนุษย์?

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่อเทคโนโลยีไปไกล AI ก็เริ่มพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วจนถือกำเนิด “Meta Human” หรือ “Virtual Influencer” หรือ “AI Influencer” ขึ้นมานั่นเอง ซึ่งในหลายประเทศ ต่างก็มี Virtual Influencer หลากหลายไม่ว่าจะเป็นนางแบบผิวสีอย่าง Shudu, นายแบบหนุ่มลุคโอปป้า Zinn, สาวเกาหลีสุดสดใส Rozy, สาวอเมริกันสุดแซ่บ Lil Miquela และอื่นๆ อีกมากมาย

Virtual Influencer คืออะไร? ทำไมถึงอาจดีกว่ามนุษย์?

Virtual Influencer คือ อินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริงที่มีบุคลิกลักษณะราวกับมนุษย์ โดยแต่ละคนจะมีความโดดเด่น น่าจับตามอง ซึ่งแบรนด์ต่างๆ เริ่มหันมาสนใจในการร่วมมือกับ Virtual Influencer กันมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา เนื่องจาก Virtual Influencer ไร้ข้อจำกัดจุกจิก ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่แก่ ไม่เหมือนกับมนุษย์ที่ต้องแบกรับความเสี่ยงมากมาย ไม่ว่าจะอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินก็ตาม

โดยประเทศไทยของเราก็มี Virtual Influencer ที่น่าจับตามอง คือ ไอ-ไอรีน (Ai-Ailynn) หญิงสาววัย 21 ปี ผลงานโดยเอเจนซี SIA Bangkok โดยทุกคนสามารถเข้าไปติดตาม Instagram ของไอรีนได้ที่นี่

ผลงานที่น่าจับตามองคือการที่ AIS ดึงไอรีนมาเป็น Brand Ambassador คนใหม่เพื่อยกระดับการทำการตลาด 5G ซึ่งถือว่า AIS มีการเคลื่อนไหวตามเทรนด์อย่างรวดเร็วไม่ใช่น้อย

มากไปกว่านั้นคู่แข่งอย่าง True ไม่รอช้าเปิดตัวพรีเซนเตอร์สำหรับ True 5G อย่าง “อิมมะ” (Imma) สาว Virtual Influencer ชาวญี่ปุ่น ร่วมกับดาราไทย

ไม่พูดไม่ได้เลยว่า แค่ในประเทศไทย ก็เริ่มที่จะเห็นการก้าวหน้าไปยังยุคใหม่อย่าง Metaverse ด้วยการที่แบรนด์ดึงตัว Virtual Influencer มาเป็น Brand Ambassador ส่งผลให้เป็นการพลิกโฉมวงการในประเทศไทยพอสมควร

Metaverse สร้างอาชีพในโลกดิจิทัลได้เหนือกว่าที่เคยเป็นมา

เทคโนโลยีพัฒนา สิ่งใหม่ก็ถือกำเนิด อาชีพก็เช่นกัน หากใครกำลังกลัวว่า AI กำลังเข้ามาแทนที่มนุษย์ ต้องบอกไว้เลยว่า อย่าพึ่งกลัวไป! เพราะการที่ Metaverse เข้ามามีบทบาทสำคัญจนกำลังพลิกเปลี่ยนโลก ก็ทำให้เกิดความต้องการและความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้าน Metaverse โดยเฉพาะ

ซึ่งในบทความนี้เราได้ไปเจอเว็บไซต์หางานแห่งหนึ่งที่คัดมาเฉพาะ Metaverse Jobs เลยทีเดียว นั่นก็คือเว็บ The Metaverse Jobs ใครสนใจก็ลองเข้าไปส่องดูกันได้เลยค่ะ!

เท่าที่สังเกตมาในเว็บไซต์นี้มีการแบ่งหมวดหมู่หลากหลายไม่ว่าจะสาย Design, AR, VR, Cryptocurrency, NFTs, Fashion, Music, Marketing และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าหลากหลายตาลายไปหมด ซึ่งแอบเห็นว่า Meta ก็มาลงประกาศหาคนในนี้เหมือนกัน ใครอยากสมัครก็ต้องลองแล้วล่ะค่ะ ????

นอกจากนี้ก็เริ่มเห็นแบรนด์อื่นๆ เปิดรับสมัครงานสาย Metaverse แล้ว อย่าง Nike ก็มีการประกาศรับสมัคร 5 ตำแหน่ง ด้วยกัน คือ Director of Metaverse Engineering, Engineer for the Metaverse, Senior 3D Game Designer/ Metaverse Engineer, Expert Innovation Program Manager for the Blockchain และ Virtual Material Designer

Disney ไม่น้อยหน้า เมื่อมีการประกาศเปิดรับสมัครตำแหน่งที่ต้องการความเชี่ยวชาญและมีความรู้ทางด้านดิจิทัล และ NFTs เห็นแบบนี้แล้วดูทีท่า Disney ก็กำลังมุ่งหน้าสร้างบางอย่างเพื่อเตรียมเข้าสู่ Metaverse

ใครกำลังเรียนอยู่หรือทำงานในสายดิจิทัลแล้วสนใจ Metaverse ห้ามพลาดเลยค่ะ เพราะเทรนด์นี้กำลังมาแรง แถมน่าจะอยู่ยาวนาน เป็นสิ่งที่ควรศึกษาเอาไว้ เนื่องจากมีอาชีพที่น่าสนใจมากมาย แถมถ้าใครสามารถต่อยอดตัวเองให้เชี่ยวชาญด้าน Metaverse เรียกได้ว่าอนาคตไกลแน่นอนค่ะ!

ตาคุณแล้ว

เรื่อง Metaverse ที่นำมาเสนอในบทความนี้ต้องบอกเลยว่าแต่ละหัวข้อต้องจับตามองให้ดี ใครกำลังติดตามเทรนด์ ต้องคอยตามข่าวกันสม่ำเสมอนะคะ เพราะโลกของเราหมุนไปเร็วมากกว่าที่คุณคิดเลยล่ะ รู้ตัวอีกทีคุณอาจจะตามหลังคนอื่นอยู่ก็ได้นะ