ลองจินตนาการดูว่าเราต้องการซื้อสินค้าชิ้นหนึ่ง สิ่งแรกที่เราทำคืออะไร? 

เชื่อว่าคำตอบยอดฮิตที่หลายๆ คนนึกถึงต้องเป็นการสอบถามจากคนรู้จักที่เคยใช้งานสินค้านั้น หรือการอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริง อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นรีวิวจากคนดังในโลกออนไลน์ แต่เป็นบุคคลที่เราสามารถเชื่อถือได้

ด้วยเหตุนี้ ‘Word-of-Mouth Marketing’ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ‘การตลาดแบบปากต่อปาก’ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจทุกขนาดในทุกยุค ทุกสมัย 

ในบทความนี้จะพามาทำความรู้จักการตลาดแบบปากต่อปาก (Word-of-Mouth Marketing) ตั้งแต่วิธีเริ่มต้นสร้าง Awareness แบบออร์แกนิกสำหรับธุรกิจทุกขนาด ไปจนถึงตัวอย่างธุรกิจที่ใช้จริง ครบ จบ ในที่เดียว!

ยาวไปอยากเลือกอ่าน

Word of Mouth Marketing คืออะไร

Woman telling secret

การตลาดแบบปากต่อปาก (Word of Mouth Marketing: WOMM) เป็นกลยุทธ์การตลาดของแบรนด์ที่เน้นการสร้างความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าเหล่านั้นเต็มใจที่จะบอกต่อหรือแนะนำสินค้าหรือบริการของแบรนด์ให้กับคนรู้จัก ซึ่งอาจเป็นเพื่อน ครอบครัว หรือคนรอบตัว โดยเป้าหมายของแบรนด์ก็คือทำให้ลูกค้าที่เคยใช้สินค้าของแบรนด์บอกต่อความประทับใจในรูปแบบของบทสนทนาทั่วไปที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นในโลกออนไลน์หรือในโลกแห่งความเป็นจริง ถ้าใครยังนึกไม่ออกให้ลองนึกถึงความเชื่อที่ถูกเล่าต่อกันมาเป็นเวลานานอย่าง “ถ้าใส่หมวกในอาคารจะหัวล้าน” “ถ้าขี้นกตกใส่จะโชคดี” สิ่งเหล่านี้ก็เป็นการบอกต่อแบบปากต่อปากเช่นเดียวกัน 

ประเภทของ Word of Mouth Marketing

การตลาดแบบปากต่อปาก หรือที่เราเรียกสั้นๆ ว่า WOMM มีหลายประเภทที่เราเห็นกันในปัจจุบันที่แบรนด์สามารถนำมาใช้เพื่อกระตุ้นการแนะนำสินค้าหรือบริการ โดยแต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะตัวและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ได้แก่

  • User-generated content: คอนเทนต์ที่ผู้ใช้งานสร้างขึ้นมาเอง เช่น รูปภาพ วิดีโอ หรือบทความที่แชร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เป็นวิธีที่ทำให้ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายรู้สึกมีส่วนร่วมกับแบรนด์และสร้างความน่าเชื่อถือจากคนที่เห็น
  • Referral marketing: การแนะนำหรือเชิญชวนให้ลูกค้าปัจจุบันแนะนำลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งเป็นได้ทั้งเพื่อน ครอบครัว หรือคนรอบตัว โดยมีการให้รางวัลหรือสิ่งจูงใจเพื่อกระตุ้นให้เกิดการแนะนำ
  • Partner programs: การร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจหรือองค์กรอื่นๆ ที่สามารถช่วยโปรโมตสินค้าหรือบริการของเราได้ อาจเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์หรือการทำงานร่วมกันเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ
  • Influencer marketing: การใช้ Influencers หรือผู้มีอิทธิพลในโลกออนไลน์ในการโปรโมตสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางต่างๆ โดย Influencers จะเป็นคนที่มีผู้ติดตามมากและมีความน่าเชื่อถือในสายตาของกลุ่มเป้าหมาย
  • Brand ambassador marketing:  Brand Ambassadors มักเป็นลูกค้าประจำที่มีความรักในแบรนด์และเต็มใจที่จะโปรโมตแบรนด์ให้กับคนอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง การใช้กลยุทธ์นี้จะทำให้ผู้ใช้งานได้รับรู้ประสบการณ์จากผู้ใช้งานจริงที่ชื่นชอบในสินค้าและบริการของแบรนด์
  • Affiliate marketing: การให้บุคคลหรือเว็บไซต์ต่างๆ ช่วยโปรโมตสินค้าโดยได้รับค่าคอมมิชชันเมื่อมีการขายสินค้าผ่านลิงก์ที่พันธมิตรนั้นๆ แนะนำ
  • Reviews and testimonials: การใช้รีวิวและคำแนะนำจากลูกค้าที่ใช้สินค้าหรือบริการจริงๆ  ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจจากลูกค้าใหม่ๆ

ทำไมธุรกิจควรใช้กลยุทธ์ Word of Mouth Marketing

แม้ว่าการตลาดแบบปากต่อปาก (Word of Mouth Marketing) จะเป็นกลยุทธ์ที่มีมาตั้งแต่อดีต แต่ปัจจุบันก็ยังคงมีความสำคัญต่อแบรนด์ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ด้วยหลายปัจจัย ได้แก่

ผู้คนเชื่อคนรอบตัวมากกว่าแบรนด์

จากการสำรวจของ Nielsen พบว่าลูกค้ากว่า 92% เชื่อในสิ่งที่เพื่อนและคนรอบตัวของตนพูดมากกว่าโฆษณาทุกประเภท และจากการสำรวจผู้บริโภค 1,000 คนของ RRD พบว่า 55% เรียนรู้เกี่ยวกับสินค้าผ่านการบอกต่อ โดย40% ซื้อสินค้าตามคำแนะนำเหล่านั้น และ 28% อยากจะได้ยินคำพูดจากปากมากโดยตรงมากกว่าการค้นหารายละเอียดสินค้าในรูปแบบอื่นๆ นี่หมายความว่าแบรนด์สามารถทำการตลาดโดยเน้นไปที่การสร้างสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าและเป็นที่น่าจดจำเพื่อให้ลูกค้าเก่านำประสบการณ์ที่น่าประทับใจจากการใช้สินค้าและบริการไปเล่าต่อ บอกต่อให้กับคนรอบตัวฟัง ซึ่งได้ผลมากกว่าการโฆษณาชนิดต่างๆ

Influencer Marketing กำลังเติบโต

Influencer

ข้อมูลจาก Sideqik พบว่าในปี 2022 ลูกค้า 7 ใน 10 รายเชื่อถือความคิดเห็นของ Influencer มากพอๆ กับเพื่อนที่เจอหน้ากัน โดย66% กล่าวว่า Influencer มีผลกระทบต่อการเลือกซื้อมากกว่าผู้คนในชีวิตจริง นอกจากนี้ ข้อมูลของ HubSpot ในปี 2022 พบว่า 68% ของนักการตลาดทำงานร่วมกับ Influencer และ 34% ของธุรกิจกำลังลงทุนใน Influencer Marketing โดยใช้จ่าย 50-500,000 ดอลลาร์ต่อปี โดย emarketer พบว่าการใช้จ่ายด้าน Influencer Marketing เพิ่มขึ้นเกือบ 34% ในปี 2021 ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความที่ Influencer Marketing เองก็เป็นอีกหนึ่งประเภทของ WOMM การประยุกต์นำกลยุทธ์นี้ไปใช้ก็เป็นอีกวิธีที่สามารถช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น

ผู้คนมักจะศึกษาสินค้าและบริการจากผู้ใช้จริงก่อนตัดสินใจซื้อ

จากการสำรวจของ Oberlo พบว่าลูกค้า 85% หาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าจริง นอกจากนี้ข้อมูลจาก Think with google ยังพบว่า นักช้อปกว่า 53%  มักจะหาข้อมูลก่อนที่จะซื้อสินค้าเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ให้กับตนเอง โดยลูกค้า 89% มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่ตอบรีวิวออนไลน์ทั้งหมด ดังนั้นการสนับสนุนให้ลูกค้าเขียนรีวิวแบรนด์บนโซเชียลมีเดียจะช่วยดึงดูดลูกค้าที่สนใจในสินค้าและบริการมากขึ้น

User Generated Content มีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ

จากข้อมูลของ Nosto ผู้คน 79% กล่าวว่า User Generated Content มีผลกระทบอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อของพวกเขา ดังนั้นการสนับสนุนให้ลูกค้ามีส่วนร่วมใน WOMM ผ่านการใช้บัญชีโซเชียลมีเดียเพื่อสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับแบรนด์จะช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจในสินค้าและบริการ เนื่องจาก User Generated Content เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ผ่านมุมมองของผู้ที่เคยใช้งานจริงจึงมีความจริงใจรวมถึงความเรียลมากกว่าการที่แบรนด์โฆษณาสินค้าและบริการ

ข้อดีของการใช้ Word-of-Mouth Marketing

เพิ่ม Brand Awareness

การที่ลูกค้าพูดถึงแบรนด์หรือสินค้าในวงกว้างช่วยสร้างการรับรู้ในแบรนด์ได้อย่างรวดเร็วและแพร่หลาย ทำให้คนรู้จักและจดจำแบรนด์ได้มากขึ้น นอกจากนี้การทำ WOMM ยังช่วยสร้างภาพจำที่ดีให้กับกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย เนื่องจากการที่มีคนพูดถึงแบรนด์ในทางที่ดีช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในตลาดและทำให้แบรนด์เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง อย่าง Viral ที่เราเห็นตามโซเชียลมีเดียไม่ว่าจะเป็นกล่องสุ่มจาก PopMart สุดฮิตอย่าง Labubu ที่คนรู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมืองจาก User Generate Content

ข้อมูลถูกบอกต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่จำกัด

Word-of-mouth

การใช้กลยุทธ์การตลาดแบบปากต่อปากมีลักษณะที่แพร่กระจายไปได้เองเรื่อยๆ หรือที่หลายคนเคยได้ยินว่า Viral Effect ซึ่งทำให้ข้อมูลสามารถกระจายไปยังกลุ่มคนต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องโดยไม่จำกัดอยู่แค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายได้โดยอาจไม่ใช่คนที่เป็นลูกค้าของแบรนด์เท่านั้น แต่ยังสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ หรือคนที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นลูกค้าในอนาคตได้อีกด้วย

เพิ่มความน่าเชื่อถือด้วยการันตีคุณภาพจากผู้ใช้งานจริง

ในการซื้อสินค้า แน่นอนว่าเราต้องการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าเราต้องการเครื่องยืนยันมาการันตีว่าสินค้าและบริการที่เราจะตัดสินใจจ่ายเงินให้มีคุณภาพดีและตอบโจทย์เราได้จริงๆ จากสถิติข้างต้นที่ได้กล่าวไปคงเห็นกันแล้วว่าผู้คนมักจะให้ความสำคัญกับการได้ยินจากเพื่อน ครอบครัวหรือคนรอบตัวมากกว่าโฆษณาสินค้าแบบเดิมๆ ดังนั้นการที่ลูกค้าที่เคยใช้สินค้าหรือบริการแนะนำหรือบอกต่อจะสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้นเพราะผู้บริโภคมักเชื่อข้อมูลจากผู้ใช้จริงมากกว่าการโฆษณา

ประหยัดงบโฆษณา 

Save Money

การใช้กลยุทธ์ WOMM เป็นสิ่งที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องนำสินค้าไปโปรโมตผ่านทางโฆษณา ดังนั้นจึงสามารถช่วยประหยัดค่าโฆษณาที่แบรนด์ต้องเสียเพื่อโปรโมตสินค้าและบริการ อีกทั้งยังได้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าโฆษณาโดยลงทุนน้อยกว่าเดิมเนื่องจาก WOMM เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ต้นทุนน้อยหรือแทบไม่มีต้นทุนเลยเมื่อเปรียบเทียบกับการโฆษณาแบบดั้งเดิม เนื่องจากเป็นการแนะนำจากลูกค้ามาโดยไม่จำเป็นต้องลงทุนในการสร้างสื่อโฆษณา

การปรับใช้กลยุทธ์ Word-of-Mouth Marketing กับธุรกิจ

ใส่ใจคุณภาพของสินค้าและบริการ

สิ่งแรกที่แบรนด์ต้องให้ความสำคัญคือ ‘คุณภาพของสินค้าและบริการ’ ที่เปรียบเสมือนหัวใจหลักของการนำเสนอสินค้าและบริการออกไปสู่สายตาของผู้คน เนื่องจากการมีสินค้าที่คุณภาพดี ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และตอบโจทย์ลูกค้า จะทำให้ลูกค้ายังคงได้รับสินค้าที่มีคุณภาพในทุกครั้งที่กลับมาซื้อ เมื่อสินค้ามีคุณภาพดีและสามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้ก็ไม่แปลกที่ลูกค้าจะอยากบอกต่อของดีให้กับคนรอบตัว

เปิดใจรับฟังความคิดทั้งด้านบวกและลบ

‘มีคนชอบ ก็ย่อมมีคนไม่ชอบ’ แน่นอนว่าเราไม่สามารถทำสินค้าของเราให้ตอบโจทย์กับทุกคนบนโลกใบนี้ได้ การมีคนไม่ชอบสินค้าของเราย่อมเป็นเรื่องที่เจอได้ตามปกติ แต่เมื่อเรารู้ความคิดเห็นของลูกค้าทั้งด้านดีและด้านไม่ดี ก็ควรที่จะรับฟังทุกความคิดเห็นและตอบรับคำแนะนำอย่างเหมาะสม เนื่องจากการพัฒนาสินค้าและบริการอย่างสม่ำเสมอจะช่วยสร้างภาพจำที่ดีให้กับแบรนด์ว่าเป็นแบรนด์ที่ใส่ใจผู้บริโภคและให้ความสำคัญกับผู้บริโภคจริงๆ

สื่อสารกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ผ่านคอมเมนต์ หรือช่องแชต

การสื่อสารอย่างต่อเนื่องกับลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ เช่น คอมเมนต์บนโซเชียลมีเดีย แชต หรืออีเมล ช่วยสร้างความใกล้ชิดและความผูกพันระหว่างแบรนด์กับลูกค้า การตอบกลับอย่างรวดเร็วและเป็นมิตรจะช่วยสร้างความประทับใจให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เกิดภาพจำที่ดีให้กับลูกค้าอีกเช่นกัน

สร้างความประทับใจให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษ 

การทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษและได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ผ่านการให้สิทธิพิเศษ โปรโมชั่นพิเศษ หรือของขวัญพิเศษสามารถกระตุ้นให้ลูกค้าพูดถึงแบรนด์ในทางที่ดีและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า อย่างการสร้างความน่าสนใจให้กับโปรโมชั่นโดยการบอก “สูตรลับ” หรือข้อเสนอพิเศษที่ไม่ค่อยมีใครรู้ ตัวอย่างเช่น 3CE แจกตัวอย่างลิปขนาดทดลองให้ลูกค้าที่พูดคำว่า ‘I love 3CE’ และ Haidilao แจกคทานางฟ้าให้ลูกค้าที่พูดคำว่า ‘หว่อ ซือ เซียน นี่ หลาย จือ ไฮ้ตี้เลา’

Haidilao Secret Code

Cr. Sale Here

ตัวอย่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้วย Word-of-Mouth Marketing

Wendy’s

Wendy's ทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียและการสร้างกระแสบน X ผ่านทีมโซเชียลมีเดียที่มีทักษะในการสร้างคอนเทนต์ที่มีอารมณ์ขันและตอบกลับผู้ติดตามอย่างรวดเร็ว Wendy's มักจะใช้ Tone of Voice ที่มีความเป็นกันเองในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ได้รับความสนใจและการแชร์อย่างมากบนโซเชียลมีเดีย โดยคอนเทนต์ที่เป็น Viral เหล่านี้ช่วยเพิ่มการรับรู้ในแบรนด์และกระตุ้นยอดขายได้อย่างดี ปัจจุบัน Wendy's มีผู้ติดตามบน X มากกว่า 3.7 ล้านคน

Dropbox

Dropbox ใช้กลยุทธ์ Referral Marketing โดยให้ผู้ใช้งานที่แนะนำเพื่อนเข้ามาใช้งาน Dropbox ได้รับพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มเติมฟรี และเพื่อนที่ถูกแนะนำก็ได้รับพื้นที่เพิ่มเช่นกัน กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Dropbox ขยายฐานผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องลงทุนในการโฆษณาแบบดั้งเดิม จำนวนผู้ใช้งานเติบโตขึ้นจาก 100,000 คนเป็น 4,000,000 คนภายในเวลา 15 เดือน

Dropbox referral program

Cr. Dropbox

Spotify

Spotify wrapped: a year in review

Spotify ใช้กลยุทธ์การตลาดผ่านการแชร์เพลงและเพลย์ลิสต์โดยใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Spotify ใช้ข้อมูลของผู้ใช้งานเพื่อให้ผู้ใช้งานได้ทราบถึงเพลงโปรด ศิลปินโปรด พอดแคสต์ และอื่นๆ อีกมากมายที่เขาฟังตลอดทั้งปี แล้วสรุปเป็นไฮไลต์ประจำปี โดยเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook Instagram และ X เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถแชร์สถิติการฟังเพลงให้กับเพื่อนๆ ได้เห็นจึงช่วยสร้าง Community ของผู้ใช้งานทั่วโลกออนไลน์ อีกทั้งการออกแบบที่สะอาดตา ข้อความที่สนุกสนาน และข้อมูลเชิงลึกอันมหาศาลยังกระตุ้นให้ผู้คนสนใจทดลองใช้งาน Spotify มากขึ้นด้วย

Cr. Slpecho

สรุป

การตลาดแบบปากต่อปากเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการสร้างการเติบโตและความสำเร็จให้กับแบรนด์ แต่ละแบรนด์สามารถใช้วิธีที่เหมาะสมกับลักษณะธุรกิจของตนเอง เช่น การสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ การใช้ Refferal Program หรือ Affiliate Program สิ่งสำคัญคือการเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อ

ตาคุณแล้ว

อ่านจบแล้วหลายคนคงเข้าใจการใช้กลยุทธ์การตลาดแบบปากต่อปากมากยิ่งขึ้น อย่าลืมนำเทคนิคต่างๆ จากบทความนี้ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตนเองกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดโดยไม่จำเป็นต้องโฆษณาแบบแพงๆ