ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เราก่อตั้งเว็บไซต์ Content Shifu แค่ชื่อของแบรนด์ก็บ่งบอกว่าสิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งก็คือ ‘คอนเทนต์' เราเชื่อว่า คอนเทนต์ที่ดี จะนำพาทุกอย่างให้สิ่งดีๆ ตามมาแน่นอน

แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะละเลยกับสิ่งอื่นอย่าง ดีไซน์ และเทคโนโลยี

เรารู้ว่าอย่างน้อยเราต้องมีโลโก้เพื่อเอาไว้ใช้บนเว็บ บน Social นะ เราต้องมีคู่สีสำหรับใช้ทำ Artwork นะ แต่จะทำยังไงดี? เพราะว่าตอนแรกพวกเรา (ยัง) ไม่มีใครเป็นนักออกแบบซักคน การจ้างทำโลโก้ โดยใช้ฟรีแลนซ์ดีไซน์เนอร์ให้มาช่วยออกแบบโลโก้จากไอเดียที่เรามี จึงเป็นทางเลือกที่ทำให้เราเดินโปรเจกต์ Content Shifu ต่อไปได้เร็วที่สุด

ไอคอนรูปพู่กัน สีแดงน้ำเงินแบบด้านที่มาพร้อมการไล่สี ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ Content Shifu ที่ทำให้คนจดจำเราได้

และนี่ก็คือสิ่งที่เราได้ หลายๆ คนอาจไม่รู้ว่าพวกเรา ณ ตอนนั้นใช้เงินลงทุนกับโลโก้เพียง 1,600 บาท และค่าธีม WordPress 2,000 บาท สิริรวมแล้วต้นทุนเว็บไซต์ก็คือราวๆ 3,600 บาท (แต่ยังไม่นับต้นทุนเรื่องเวลา)

ส่วนเว็บไซต์ เราเลือกใช้ WordPress เพราะด้วยความที่มันง่าย ไม่ต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ก็สามารถทำเว็บเองได้ แถมยังมีธีมและปลั๊กอินทั้งฟรีและเสียเงินให้เลือกใช้มากมาย เราซื้อธีม WordPress เอามาปรับแต่ง ติดปลั๊กอินโน่นนั่นนี่ด้วยตัวเอง อาศัยเวลาเกือบ 2 สัปดาห์รวมกับความถึก จนเว็บไซต์ contentshifu.com ก็ได้ถือเกิดขึ้นบนโลกนี้

ก็ไม่นึกเหมือนกันว่าเรือลำนี้…โลโก้และเว็บไซต์ที่พวกเราสร้างกันขึ้นมาเองในแบบประหยัดนี้…มันได้พาเรามาไกลเกินกว่าที่เราคิดเอาไว้เยอะเลย (มันคือเรือที่เคยพาคนไทยเข้ามาชมคอนเทนต์เราแล้วมากกว่า 1.7 ล้านครั้ง :))

ทำไมต้องรีแบรนด์ Content Shifu?

อย่างที่ได้เล่าไปแล้วในบทความครบรอบ 2 ปี ว่า “อนาคตของ Content Shifu” คือสิ่งที่เราเฝ้าครุ่นคิดอยู่เสมอ จากเดิมที่เป็นโปรเจกต์นอกเวลา ไม่ได้มีแผนการมากนัก ทำด้วย Passion อย่างเดียว แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้ว สิ่งที่เราตั้งเป้าหมายไว้ก็คืออยากให้ Content Shifu เป็นแหล่งข้อมูลด้าน Digital Marketing ชั้นนำของประเทศไทย

นั่นหมายความว่าเราไม่ได้เป็นเพียงบล็อกที่ให้ความรู้หรือทำคอร์สเรียนออนไลน์กันอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ก้าวต่อไปของ Content Shifu เราจะมีคอนเทนต์และบริการอื่นๆ ที่แตกออกมาอีกมากมาย

เมื่อเราวางเป้าหมายใหญ่ขึ้น เราก็พบว่ามันมีสิ่งหนึ่งที่อาจจะไม่รองรับกับเป้าหมายนั้น ซึ่งก็คือ Branding ของ Content Shifu เวอร์ชั่นเก่า Branding แบบเดิมนั้นแอบมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น สี ที่ถึงแม้จะไม่เหมือนใคร แต่ก็เป็นสีที่ค่อนข้างนำไปใช้งานยากในหลายๆ สถานการณ์ อีกทั้งดูเก่า ไม่สดใส ไม่นำสมัย เป็นต้น

ซึ่งเรารู้ดีว่าสิ่งที่ Branding เวอร์ชันเก่าของ Content Shifu นั้นยังขาดไปคือ “การถูกคิด ถูกออกแบบ และถูกวางแผนเรื่องของการใช้งานมาเป็นอย่างดี” และนี่ก็คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เราตัดสินใจที่จะรีแบรนด์ Content Shifu เพื่อสร้าง ”เรือลำใหม่” ที่จะพาเราไปยังดินแดนที่เราฝันว่าจะไปให้ถึง

ตอบข้อสงสัย
แม้หลายคนบอกเราว่าอ่าน Content Shifu เพราะอ่านที่เนื้อหาและประโยชน์ที่ได้ ไม่ได้สนใจเรื่องรูปร่างหน้าตา แต่ต่อจากนี้ เรายังอยากให้เวลาคนนึกถึง Content Shifu นอกจากจะนึกถึงเหตุผลเรื่อง ‘มีประโยชน์' แล้ว เมื่อพูดถึง Content Shifu เรายังอยากให้เค้า ‘มีความรู้สึก' มีฟีลลิงอะไรบางอย่างเพิ่มขึ้นมา และนี่ก็คือเป้าหมายหลักที่เราอยากให้เกิดขึ้น หลังจากการรีแบรนด์ Content Shifu ครั้งนี้

ขั้นตอนการทำโปรเจกต์รีแบรนด์ Content Shifu

มาถึงจุดนี้ ทุกท่านคงรู้แล้วว่า Branding ใหม่ของ Content Shifu หน้าตาเป็นอย่างไร เราก็อยากจะขอแชร์ถึง 3 สิ่งที่เราได้เรียนรู้

 1. กำหนดโจทย์ให้ชัด

จากเป้าหมายใหม่ที่อยากจะทำให้ Content Shifu เป็น ‘เว็บไซต์ชั้นนำด้าน Digital Marketing ของเมืองไทย' การจะตอบโจทย์เป้าหมายนี้ได้ เราจึงวางภาพลักษณ์ใหม่ว่าจะต้อง

1. ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

เพราะจะไม่ได้มีแค่เรื่องที่ลงลึกแบบจับมือทำอย่างเดียวแล้ว แต่จะมีพูดถึงแวดวง Digital Marketing ในแง่มุมอื่นที่หลากหลาย มีคอนเทนต์ประเภท High Level ที่เห็นภาพใหญ่เสริมขึ้นด้วย

2. ทันสมัย

ดูเป็นที่ที่ดูทันสมัย ทันโลก ทันเหตุการณ์ ไม่ล้าหลัง ดูแล้วใหม่ เพราะเราอยู่ในแวดวงที่มันต้องอัปเดตอยู่ตลอดเวลา

3. อยู่ได้ทุกที่

เนื่องจากต่อไป Content Shifu จะไม่ได้มีแต่เว็บบล็อก แต่จะมีออกมาในรูปแบบอื่นๆ ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ การออกแบบจึงต้องมีระบบที่รองรับรูปแบบต่างๆ ได้หลากหลาย

ถ้า Content Shifu เป็นคนหนึ่งคน เราคิดว่าเค้าจะเป็นคนที่จริงใจ (Authentic) น่าเชื่อถือ (Trustworthy) และเฉลียวฉลาดและดูดี (Smart) และนี่ก็คือ Brand Character ที่เราต้องการสื่อสาร

content shifu brand character
เอ็มม่า วัตสัน เป็นคนที่พวกเรามองว่ามีคาแรกเตอร์ใกล้เคียงกับที่อยากจะให้ Content Shifu เป็น

2. เลือกใช้ทีมให้เหมาะสม

การทำ Rebranding ของเราใช้ทีม In-house ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Graphic Designer, UX/UI Designer, Web Developer เพราะเราอยากควบคุมคุณภาพทั้งหมดให้เป็นไปอย่างที่เราตั้งใจไว้

ซึ่งจากที่ทำมา การใช้ In-House มีข้อดีที่เราเห็นได้ชัดอยู่ 3 อย่าง ก็คือ

1. สื่อสารได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

เพราะทุกคนนั่งทำงานอยู่ด้วยกัน เวลามีคอมเมนต์งานก็สามารถพูดคุยกันได้เลย หรือแม้แต่หากทีมงานคนใดคนหนึ่งติดปัญหา ก็สามารถเดินไปมาหากันเพื่อพูดคุยกันได้ทันที

2. สามารถปรับเปลี่ยนได้

แม้ว่าเราจะมี scope ที่วางเอาไว้ แต่ในการทำงานจริง มันจะมีสิ่งที่เราคิดว่ามันปรับเปลี่ยนได้ ปรับเปลี่ยนแล้วมันดีขึ้น ซึ่งหากเราจ้าง outsource มันจะทำให้เราทำอย่างนี้ได้ยากกว่า

3. สามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง

เรามองว่า Content Shifu ไม่ได้เป็นโปรเจกต์ที่ทำแล้วจบ แต่วางแผนว่าจะให้เป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลา การมีทีมที่รับผิดชอบโดยตรงทำให้เราสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

3. ยอมเสียเวลา เพื่อให้มีพื้นฐานที่แน่น

เมื่อภาพใหม่ของ Content Shifu จะไม่ได้เป็นแค่บล็อกหรือเว็บไซต์ที่ให้ความรู้เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป Branding ใหม่ จึงควรจะต้องสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับงานต่างๆ ได้โดยง่าย ทั้งบนโลกออนไลน์และออฟไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ contenshifu.com เอง, บน Social Media ต่างๆ รวมไปถึงการจัดคอร์ส/เวิร์กช็อป หรือแม้แต่การจัดอีเวนต์แบบออฟไลน์ต่างๆ

ฉะนั้นการทำรีแบรนด์ครั้งนี้ เราจึงให้ความสำคัญกับการสร้าง CI Guideline ซึ่งเป็นสิ่งที่เราคิดว่าจะมีประโยชน์เป็นอย่างมากในการที่จะดึงเอา Branding ใหม่นี้ไปใช้

โดยพื้นฐานแล้วสิ่งที่เราควรจะกำหนดให้มีใน CI Guideline ก็คือ

1. การนำโลโก้ไปใช้ในสื่อต่างๆ

2. แบบตัวอักษร หรือฟอนต์ที่ใช้ และวิธีการนำไปใช้

3. ชุดสีที่สามารถใช้ได้ และวิธีการใช้งาน

4. ตัวอย่างการใช้ภาพประกอบ ทั้งภาพถ่าย หรือภาพวาด และสไตล์ต่างๆ

ผลการรีแบรนด์ content shifu

ผลการรีแบรนด์ content shifu

หากขาด CI Guideline ตัวนี้ไปแล้ว ไม่ว่าเราจะซุ่มออกแบบโลโก้ให้ออกมาสวยงามเพียงใด หากคนในทีมหรือแม้แต่คนอื่นๆ ไม่สามารถนำเอา Branding ที่เราออกแบบนี้ไปใช้ได้ (อย่างถูกต้องและง่ายดาย) ภาพที่ออกมาก็ยากที่จะเป็นไปตามแบบที่เราคิดไว้

สรุป

จากคำถามที่เราได้รับบ่อยๆ ว่าทำไมต้องรีแบรนด์ เหตุผลหลักของพวกเรามีสองเหตุผลคือ

1. ดีไซน์แบบเก่ายังไม่เคยได้รับการพัฒนา Design System มาก่อน ทำให้เมื่อเวลาต้องนำไปใช้งานจริง ผลงานจึงไม่มีมาตรฐานที่ดี และต่อยอดไม่ได้มากกับฟอร์แมตที่หลากหลายทั้งเว็บ บทความ วิดีโอ หรือกระทั่งงานออฟไลน์

2. บริษัทมีทิศทางและเป้าหมายที่เติบโตขึ้นจาก 2 ปีที่ผ่านมา จึงต้องมีการออกแบบที่สามารถสื่อสารสิ่งที่เราต้องการสื่อได้มากขึ้น

ภายในทีมของเราเอง พวกเรารู้สึกพอใจกับการรีแบรนด์ครั้งนี้ เพราะมันออกมาได้ค่อนข้างตรงกับภาพของ Content Shifu ที่เราคิดเอาไว้ และมั่นใจว่าเรือลำใหม่ลำนี้ (ทั้งภาพแบรนด์ใหม่และเว็บไซต์ทำใหม่) จะช่วยพาเราให้ลุยผ่าน Mission ต่างๆ เพื่อไปให้ถึง Vision ใหญ่ของเรา ซึ่งก็คือการเป็นหนึ่งในเว็บที่มี Authority ชั้นนำด้าน Digital Marketing ของประเทศไทยนั่นเอง

ตาคุณแล้ว

แล้วนี่ก็คือมุมมองจากคนภายใน แล้วมุมมองจากคนอ่านคุณคิดอย่างไรกับเรือลำใหม่ของ Content Shifu ลำนี้ อยากให้ลองคอมเมนต์กันมาได้เลยนะคะ

Shifu แนะนำ
บทความนี้จะเน้นพูดถึง ‘Why' หรือทำไมต้องรีแบรนด์ กับองค์ประกอบในระดับ High Level เป็นหลัก เรายังมีบทความที่เล่าความหมายของโลโก้ใหม่ และเบื้องหลัง Behind The Scene ของการออกแบบแบบเจาะลึก คุณสามารถอ่านได้ที่บทความ เปิดเผยเบื้องหลังการออกแบบโลโก้และเว็บใหม่ใน 37 วัน

หมายเหตุ: ผู้เขียน (Bow Kraivanich) นอกจากปัจจุบันจะเป็นพาร์ทเนอร์และ Design Director ของแม็กนีโต้แล็บส์และ Content Shifu แล้ว ยังเป็นผู้ที่เห็นการเติบโตของ Content Shifu มาโดยตลอด โดยเคยเป็นแขกรับเชิญคนแรกของ Live สัมภาษณ์ของ Content Shifu ในหัวข้อ Productivity Tips รวมถึงเคยเขียนบทความ “เรื่องของสีกับการทำ Marketing” ในฐานะนักเขียนรับเชิญคนแรกของ Content Shifu อีกด้วย

New call-to-action hbspt.cta.load(3944609, ‘e2677fe3-7cd0-4f7d-8e4d-5009934b9a98', {});