ปัญหาระบบการศึกษาไทยที่หลายฝ่ายพยายามแก้ไขมาอย่างยาวนานอย่าง ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงระบบการศึกษา โดยเฉพาะหลังการแพร่ระบาดโรค COVID-19 ที่แม้ว่าจะจัดการเรียนแบบออนไลน์ แต่ก็ยังพบผลกระทบใหม่ๆ ที่ตามมากับเด็กนักเรียน และหลายคนยังคงหลุดจากระบบการศึกษา

ด้วยปัญหาที่สำคัญเช่นนี้ ทาง บริษัท ครีเอทีฟ ดิจิทัล ลีฟวิ่ง จำกัด จึงเปิดตัวโปรเจกต์  “Aniverse Metaverse” โลกเสมือนแห่งการเรียนรู้ด้วยรูปแบบ Edu GameFi และ LMS (Learning Management System) ผสานการเข้าถึงโลกแห่งการเรียนรู้ของอาจารย์และนักศึกษา ประกาศพลิกโฉมวงการการศึกษาไทยครั้งสำคัญ ผ่านการร่วมงานกับทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

“Aniverse Metaverse” ประกาศจับมือ 17 มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ
ผนึกกำลัง “xCHAIN” ปักหมุดอาณาจักรเมตาเวิร์สด้านการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย!

เตรียมปักหมุด “Metaverse Education Community” คอมมูนิตี้ด้านการศึกษาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ ผนึกกำลัง “xCHAIN” ผู้นำแพลตฟอร์มบล็อกเชนของเมืองไทย พร้อมจับมือสุดยอดมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าจำนวน 17 แห่ง ชูจุดแข็งด้วยค่า Gas Fee เพียง 10-25 สตางค์ รังสรรค์จำนวนผู้ใช้งานในช่วงบุกเบิกกว่า 1.3 ล้านคน จากเหล่านักศึกษาและอาจารย์กว่า 500,000 คน บวกกับยูสเซอร์บน Join Application อีกกว่า 800,000 คน 

และความร่วมมือจาก กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ anitech ที่ซัพพอร์ตด้านเครื่องมือในการเข้าถึงให้กับทุกยูสเซอร์ ผสานโลกแห่งการเรียนและการเล่นเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อมต่อทุกโครงสร้างพื้นฐานบนโลกบล็อกเชนที่เปิดกว้างโอกาสสำหรับทุกธุรกิจ พร้อมพุ่งทะยานสู่การเป็นเมตาเวิร์สด้านการศึกษาที่ครบถ้วนและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

โธมัส-พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ประธานกรรมการบริหาร และ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ครีเอทีฟ ดิจิทัล ลีฟวิ่ง จำกัด

โดย โธมัส-พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ประธานกรรมการบริหาร และ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ครีเอทีฟ ดิจิทัล ลีฟวิ่ง จำกัด กล่าวถึงการพลิกโฉมวงการการศึกษาในครั้งนี้ โดยเผยว่าจากรายงานของ Grand View Research ภาพรวมของมูลค่าตลาดเมตาเวิร์สทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 6,788 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2030 ขณะเดียวกันผลวิจัยของ Global Market Insights ระบุตัวเลขตลาดการศึกษาออนไลน์มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 20% ในปี 2022 ถึงปี 2028 จาก 315 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สู่ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 27% ประกอบกับ ITU รายงานตัวเลขผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกแตะ 4,900 ล้านคนในปี 2022 สะท้อนให้เห็นภาพที่เปลี่ยนไปของโลกการศึกษาในปัจจุบัน ที่ทุกคนบนโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามก็สามารถเข้าถึงหลักสูตรการเรียนการสอนผ่านโลกออนไลน์ได้ตั้งแต่เริ่มเรียนจนกระทั่งได้รับปริญญา 

โดยขณะนี้ Aniverse Metaverse ได้พัฒนาทุกองค์ประกอบของแต่ละเฟสไปตามแผนทั้งหมด โดยล่าสุดก็ได้พัฒนาหลักสูตรร่วมกับมหาวิทยาลัยในการนำพาอาจารย์และนักศึกษาจำนวน 500,000 คน เพื่อก้าวเข้าสู่โลกของเมตาเวิร์สด้วยระบบ LMS (Learning Management System) ที่ทีมแอนิเวิร์สพัฒนาขึ้นร่วมกับอาจารย์และนักศึกษา

ล่าสุดระบบการเรียนออนไลน์ในต่างประเทศนั้นก็มีตัวอย่างที่สำเร็จที่หน่วยงานภาครัฐของเยอรมนีได้นำ LMS Platform ไปใช้กับโรงเรียนในเบอร์ลิน โดยเริ่มจากอาจารย์และนักเรียนหลักหมื่นจนปัจจุบันกำลังขยายจำนวนให้ครอบคลุมถึง 400,000 คนแล้ว รวมถึงมหาวิทยาลัยในต่างประเทศหลายแห่งก็มีการปรับเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ ในเมตาเวิร์สเข้ามารองรับการศึกษาออนไลน์ที่ขยายตัว 

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่แอนิเวิร์สจะพัฒนาสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ด้วยศักยภาพและราคาในการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ถูกมาก จึงเชื่อว่าระบบของแอนิเวิร์สจะสามารถสเกลและทำซ้ำขั้นตอนส่วนใหญ่ของการเรียน     

นอกจากนี้ โธมัส-พิชเยนทร์ ยังกล่าวต่ออีกว่า การสอนได้เองโดยทั้งอาจารย์และนักศึกษาทำให้อนาคตจะสามารถหาทางช่วยลดจำนวนเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาที่มีตัวเลขถึง 65,000 คนในปี 64 และจำนวนที่อาจจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ให้สามารถกลับเข้าสู่ระบบได้ พร้อมทั้งช่วยหาโอกาสใหม่ๆ ให้เด็กนักเรียนยากจนพิเศษอีก 1.2 ล้านคนตามข้อมูลจาก กศส. ให้ได้มีโอกาสในโลกใหม่อย่างดิจิทัล เพราะในโลกความเป็นจริงคงยากมากที่จะช่วยคนจำนวนมากเช่นนี้ได้หากไม่ใช้ระบบมาเป็นตัวช่วย เพียงแต่คงยังต้องหาวิธีและเชื่อว่าอนาคตจะเป็นไปได้

“ วันนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญสำหรับภาคการศึกษาของประเทศไทย เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรทุกราย ทำให้วันนี้เราวางแผนที่จะกลายเป็น Metaverse Education Community บนโลกเมตาเวิร์สที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิ อันจะนำไปสู่การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่สร้างความสนุกและความน่าสนใจในการเรียนการสอนมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจาก xCHAIN ในการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่ช่วยลดต้นทุนในเรื่อง Gas Fee ทำให้คอมมูนิตี้แห่งนี้สมบูรณ์แบบและพร้อมสร้างโอกาสให้กับผู้ใช้งานทุกคนไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม” โธมัส-พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี กล่าวสรุป

Aniverse Ecosystem

ด้าน ธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “xCHAIN เป็น non-profit organization ที่มีพันธกิจเพื่อเป็นเทคโนโลยีบล็อกเชนพื้นฐานที่สร้างขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ภาคการศึกษา นักศึกษา กลุ่มธุรกิจขนาดย่อม วิสาหกิจ หรือกลุ่มนักพัฒนาได้ใช้งาน ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อย และมีความผันผวนต่ำ

ความร่วมมือกับ Aniverse Metaverse นับเป็นแพลตฟอร์มแห่งแรกที่ xCHAIN เข้าร่วมลงทุนด้วย เพราะมีวิสัยทัศน์ที่ตรงกัน ด้วยจุดแข็งของพันธมิตรและแพลตฟอร์มของเราจะช่วยให้การทำงานร่วมกันเป็นไปในแบบบูรณาการ เพื่อเป็นทางเลือกและแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายให้กับคอมมูนิตี้แห่งนี้ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน และมีมูลค่าจากระบบบล็อกเชนที่มีความพร้อม

ขณะที่ I AM Consulting จะเข้าช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้วยการช่วยสนับสนุนผู้ใช้งาน และเพิ่มจำนวนให้เข้าสู่ระบบเมตาเวิร์ส รวมถึง Join Application กระเป๋าดิจิทัลที่จะเชื่อมต่อทุกคนบนโลกเทคโนโลยีบล็อกเชน สามารถยืนยันตัวตนได้ตามมาตรฐาน NDID และระบบยังมีความพร้อมเชื่อมต่อบริการ DApps สู่ผู้ใช้งานที่มีอยู่ประมาณ 800,000 รายให้ก้าวเข้าสู่โลกของ Lifelong Learning ได้ทันที”

ซึ่งทาง ธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ โดยชูดจุดแข็งว่า “xCHAIN ออกแบบมาให้มีค่าใช้จ่าย (Gas Fee) ที่ไม่ผันผวน และสามารถจับต้องได้  (โดยเฉลี่ยเพียงครั้งละ 10-25 สตางค์) ทำให้ตัดปัญหาเรื่องการปั่นราคาเหรียญ  ที่สำคัญยังช่วยประเมินค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นกับทั้งมหาวิทยาลัย และนักศึกษาล่วงหน้าได้ ทำให้ลดต้นทุน และเวลาของมหาวิทยาลัยได้เป็นอย่างดี”

 ด้าน อัมพรสักก์ อังคทะวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ครีเอทีฟ ดิจิทัล ลีฟวิ่ง จำกัด กล่าวเสริมว่า “จากการทำโฟกัสกรุ๊ปร่วมกับบุคลากรของมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เราพบว่า Pain Point สำคัญของอาจารย์ผู้สอนคือนักศึกษาทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์จะมีปัญหาเรื่องรูปแบบและแพลตฟอร์มที่ใช้ในการเรียนการสอน ปัจจุบันมีข้อจำกัดหลายประการ

จึงได้พัฒนาระบบ LMS ขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ Edu GameFi เพื่อผสานโลกของการเรียนและการเล่นเกม สองสิ่งมารวมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเรียนการสอนในรูปแบบเกมส์ MMORPG (Massively Onlilne Role Playing Game) ที่มีผู้เล่นจำนวนมาก

“Aniverse Metaverse” โลกเสมือนแห่งการเรียนรู้ด้วยรูปแบบ Edu GameFi และ LMS ด้วยการเรียนการสอนในรูปแบบเกมส์ MMORPG

โดยนักศึกษาสามารถสร้างตัวตนเสมือนของตัวเอง เพื่อเข้าไปยัง Education Zone พื้นที่สำหรับการเรียนรู้ ในการทำภารกิจต่างๆ เพื่อให้ได้รับไอเทม (NFT item) และค่าประสบการณ์ต่างๆ (Exp) 

ระบบ Edu GameFi จะครอบคลุมการทำงานทั้ง 3 ส่วน ได้แก่ Academy System, Lecturer System และ Student เน้นการแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้านการศึกษา ด้วยจุดเด่นของฟีเจอร์ที่มีประสิทธิภาพกับทั้งฝั่งครูผู้สอนและฝั่งนักศึกษา

อาทิ ระบบ AI ที่ช่วยตรวจงาน ประเมินและวิเคราะห์พฤติกรรมของนักศึกษาเพื่อช่วยค้นพบตัวตนของตนเอง และยังช่วยลดงานในการเตรียมการเรียนการสอนของผู้สอนได้ถึง 20% สามารถใช้เวลาเหล่านั้นไปเติมเต็มศักยภาพให้กับนักศึกษาที่มีผลการเรียนต่ำกว่าเพื่อน ฯลฯ

ขณะเดียวกันฝั่งนักศึกษากว่า 500,000 คน จะมีแรงดึงดูดในการมีปฏิสัมพันธ์กับการเรียนได้ดีขึ้นกว่าเดิม ผ่านการที่นักศึกษาจะเข้ามารับภารกิจที่กำหนด และเมื่อทำภารกิจสำเร็จก็จะได้รับ Exp และ NFT Item เป็นการยืนยันว่าได้สำเร็จภารกิจดังกล่าว และสามารถก้าวไปสู่ภารกิจต่อไปได้ ทั้งยังสามารถเรียนและทำงานไปด้วยกัน ต่อยอดสู่การป้อนทรัพยากรเหล่านี้สู่ตลาดแรงงานได้ตั้งแต่อายุ 18 ปี

ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการในด้านของการขยายตัวอย่างรวดเร็วของ Aniverse Metaverse จึงมีการขยายทีมนักพัฒนาให้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อครอบคลุมดีมานด์ของพันธมิตรทุกรายอีกด้วย”

ขั้นตอนสู่การเรียนรู้บน Aniverse Metaverse

สำหรับความคืบหน้าของ “Aniverse Metaverse” จากรอบการลงทุนครั้งที่แล้วโครงการมีมูลค่า 300 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ลงทุนทั้งสถาบันและบุคคลนำโดย บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ และ คุณทาโร่-ธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ เป็นต้น ปัจจุบันโครงการมีพัฒนาในเชิงการมีส่วนร่วมกับพาร์ทเนอร์ซึ่งมีความครบถ้วนในด้านระบบนิเวศ ทำให้ล่าสุดมูลค่าโครงการขยับไปที่ 1,950 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ANIV Token สกุลเงินกลางในการแลกเปลี่ยน กำลังพัฒนาเข้าสู่ exchange ทั้งรูปแบบ centralized และ decentralized ภายในเดือนกันยายน 2565

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยทั้ง 17 แห่งที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ “Aniverse Metaverse” จะได้รับที่ดินฟรี เพื่อร่วมพัฒนาระบบ LMS ในการจัดกิจกรรมเพื่อนักศึกษาที่จะกระจายอยู่บนที่ดินสองชุดแรกภายใต้ชื่อ “โพไซดอน” และ “วีนัส” เพื่อตอบสนองกระแสการตอบรับจากมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมอย่างล้นหลาม พร้อมเปิดให้จับจองที่ดินเพื่อร่วมเดินทางสู่อาณาจักรแห่งโลกการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยได้ภายในเดือนสิงหาคม 2565 โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง :

Website: https://aniv.io/

Facebook: https://www.facebook.com/AnivMetaverse  

Instagram: https://www.instagram.com/anivmetaverse

Telegram: https://t.me/anivmetaverse

และ Twitter: https://twitter.com/anivmetaverse