เมื่อวันอังคาร ที่ 23 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา Google ได้เปิดเผยว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการสร้างชื่อหน้าเว็บด้วยระบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โดยก่อนหน้านี้ ชื่อของหน้าเว็บเพจ หรือ Title Tag อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามคําค้นหาที่ป้อนลงไป ซึ่งปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นอีกเมื่อเปลี่ยนมาใช้ระบบใหม่ เพราะระบบใหม่จะสร้างชื่อที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่ออธิบายถึงเนื้อหาสำคัญสําหรับหน้าเว็บเพจโดยรวม ไม่ว่าคำค้นหาที่ใช้จะเป็นอะไรก็ตาม

นอกจากนี้ ถึงแม้ว่า Google จะใช้วิธีอื่นๆ นอกเหนือไปจาก HTML ในการสร้างชื่อของหน้าเว็บเพจมาอย่างยาวนานเป็นเวลากว่าหนึ่งทศวรรษแล้ว แต่ Algorithm หรือระบบใหม่ที่จะนำมาใช้นี้ จะช่วยให้ใช้ประโยชน์จาก HTML ได้มากยิ่งขึ้น โดยจะพิจารณาจากชื่อหรือบรรทัดแรกหลักที่แสดงในหน้าเว็บ, เนื้อหาที่เจ้าของเว็บไซต์มักจะวางไว้ในแท็ก <H1>, ในแท็กส่วนหัวอื่นๆ หรือเนื้อหาที่ทำให้มีขนาดใหญ่และโดดเด่น นอกจากนี้ Google ก็ยังอาจจะพิจารณาข้อความอื่นๆ ในหน้าเว็บด้วย เช่น ข้อความที่อยู่ในลิงก์ที่ชี้ไปยังหน้าเว็บ เป็นต้น

ทำไมไม่ใช้ Title Tag HTML ไปทุกกรณีเลย?

สำหรับเหตุผลที่มีการใช้ Title Tag จาก HTML มากกว่ารูปแบบอื่น และทำไม Google ไม่ใช้ Title Tag จาก HTML ทุกกรณีไปเลยนั้น อย่างที่ Google ได้อธิบายไว้เมื่อปี 2012 แท็กชื่อ HTML ไม่ได้อธิบายหน้าเว็บได้ดีเสมอไป เช่น ชื่อที่ได้ยาวเกินไป มีการใช้คีย์เวิร์ดในทางที่ผิด เนื่องจากผู้สร้างเนื้อหาอาจเข้าใจผิดว่า การเพิ่มคําจำนวนมากจะช่วยเพิ่มโอกาสที่หน้าเว็บจะได้อยู่ในอันดับสูงขึ้น

โดยรวมแล้ว การอัปเดตครั้งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้าง Title Tag ที่อ่านและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ในบางกรณี Google อาจเพิ่มชื่อเว็บไซต์เมื่อเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ หรือในกรณีอื่นๆ หากพบชื่อที่ยาวมาก อาจมีการเลือกส่วนที่เกี่ยวข้องมากที่สุดแทนที่จะขึ้นต้นหรือตัดออกไป

สรุป

Google จะไม่ใช้ระบบการสืบค้นเพื่อสร้าง Title Tag อีกต่อไป แต่จะยังคงใช้ Title Tag ที่มาจาก HTML เป็นหลัก กล่าวคือ Title Tag จาก HTML ยังคงเป็นแท็กที่ใช้บ่อยที่สุด และถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงระบบการสร้างชื่อในครั้งนี้ แต่ Google ก็ยังคงแนะนำให้เจ้าของเว็บไซต์ใส่ใจในการสร้างแท็กชื่อ HTML ที่ดีที่สุด เพราะการสร้าง Title Tag จาก HTML ยังคงเป็นวิธีที่ Google พิจารณามากที่สุดนั่นเอง

ที่มา: https://searchengineland.com/google-confirms-it-changed-how-it-creates-titles-for-search-result-listings-351506