Chapter 2



SEO คืออะไร

เข้าใจพื้นฐานของ SEO และตั้งต้นทำ SEO อย่างถูกต้องด้วยตัวเอง

การทำเว็บไซต์เว็บไซต์หนึ่งขึ้นมานั้น แน่นอนว่าเราต้องการที่จะให้มีคนเข้ามาเยี่ยมชมเยอะๆ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จัก มี Traffic ไหลเข้าเว็บไซต์ คือ การทำให้คนเสิร์ชเจอเว็บของเราบ่อยๆ หรือการทำ SEO นั่นเอง

ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จัก SEO กันตั้งแต่ศูนย์ ว่า SEO คืออะไร สำคัญต่อธุรกิจออนไลน์อย่างไร และทุกประเด็นที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการทำ SEO ซึ่งผมมั่นใจว่า เมื่อคุณอ่านจนจบ คุณจะเข้าใจ SEO มากขึ้นและสามารถทำ SEO ได้ด้วยตัวเองอย่างแน่นอนครับ

SEO (Search Engine Optimization) คืออะไร?

SEO ย่อมาจาก Search Engine optimization คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับการทำงานของ Search Engine ส่งผลให้ Search Engine เข้าใจง่ายว่า เว็บไซต์เกี่ยวข้องกับอะไร และ ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์แก่ผู้คนอย่างไรบ้าง

โดยเป้าหมายของการทำ SEO คือ ทำให้เว็บไซต์ของคุณ ปรากฏในลำดับต้นๆของผลการค้นหา ส่งผลให้ปริมาณ Organic Traffic เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณผู้ชมเว็บไซต์พุ่งสูง โดยไม่ต้องเสียเงินโปรโมทมากมาย นั่นหมายถึง โอกาสที่ธุรกิจออนไลน์ของคุณจะประสบความสำเร็จย่อมมีมากตามด้วย


นอกจากการทำ SEO แล้ว เรายังมีเทคนิคการโปรโมทเว็บไซต์ที่ช่วยเพิ่มปริมาณผู้เข้าเว็บไซต์อีกหลายวิธี ดูได้ที่

9 วิธีโปรโมทเว็บไซต์ เรียก Traffic เข้าเว็บได้อย่างยั่งยืน

SEO สำคัญต่อธุรกิจออนไลน์อย่างไร

การทำตลาดด้วย SEO (SEO Marketing) คือกระบวนการทำตลาดออนไลน์ ซึ่งโฟกัสกับการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ โดยมุ่งหวังให้เว็บไซต์หรือสื่อออนไลน์ (รูปภาพ วิดีโอ) ของเรา จะปรากฏเป็นลำดับต้นๆในผลการค้นหา [ยิ่งอันดับหนึ่งหน้า1 ยิ่งดี]

ในปัจจุบัน Search Engine อย่าง Google , Yahoo , Bing คือหนึ่งในเว็บไซต์ที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลก และส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างมาก ดังข้อมูลข้างล่าง

3.5 Billion

ทุกวันนี้ ผู้คนพึ่งพาการเสิร์ช Google มากกว่าวันละ 3.5 พันล้านครั้ง หรือกว่า 40,000 ครั้งต่อวินาที (Internetlivestats, 2020)

90%

กว่า 90% ของผู้บริโภคที่ใช้อินเทอร์เน็ต จะยังไม่ติดสินใจซื้อหรือทำอะไรกับแบรนด์หากยังไม่ได้เสิร์ช
(Status Labs, 2018)

14.6%

การทำ SEO ให้อัตราผลลัพธ์ (Conversion rate) สูงถึง 14.6% ในขณะที่การตลาดแบบดั่งเดิมให้ผลลัพธ์เพียง 1.7% (serpwatch, 2020)

ส่วนในประเทศไทย Google คือช่องทางอันดับหนึ่งที่คนใช้ค้นหาสินค้าและบริการ จนมีคำพูดติดปากว่า “คิดอะไรไม่ออก บอกกูเกิ้ล แล้วคุณจะได้สิ่งที่ต้องการ”

ดังนั้นลองจินตนาการว่า เมื่อคนค้นหาสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเรา แล้วเว็บไซต์เราปรากฏให้คนเห็นเป็นลำดับแรกๆ มันจะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ หรือสร้าง Brand Awareness ได้มากมายขนาดไหน

จึงไม่น่าแปลกใจที่ SEO จะเป็นกลยุทธ์สำคัญของธุรกิจออนไลน์ เพราะช่วยเพิ่มปริมาณผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างมากนั้นเอง

ความรู้พื้นฐานของ SEO Marketing

การจะเข้าใจ SEO Marketing ให้มากขึ้น เจ้าของธุรกิจหรือนักการตลาดออนไลน์ต้องเข้าใจความรู้พื้นฐาน 2 เรื่องดังนี้

  • Organic Traffic vs Paid Traffic
  • ความแตกต่างระหว่าง SEO กับ SEM

เรามาลงรายละเอียดทั้ง 2 เรื่องกันเลยครับ

Organic Traffic คืออะไร

Organic Traffic คือ ผู้ชมเว็บไซต์ที่มาจากการค้นหาข้อมูลใน Search Engine (Google) โดยข้อดีคือ เป็น Traffic ที่เจ้าของเว็บไซต์ไม่ต้องเสียเงินโฆษณาให้ Google แม้แต่บาทเดียว

เมื่อคนค้นหาข้อมูลในกูเกิ้ล จะปรากฏรายชื่อเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคำที่ค้นหาอยู่ใต้โฆษณา หรือที่เรียกว่า Organic Search โดยเมื่อคนคลิ๊กเข้าชมเว็บไซต์เหล่านั้น Organic Traffic ก็จะเกิดขึ้น

organic-vs-paid
Cr:https://ahrefs.com/blog/seo-vs-sem/

โดยปริมาณ Organic Traffic จะสัมพันธ์ตรงกับอันดับผลการค้นหา ยิ่งเว็บไซต์คุณปรากฏในลำดับต้นๆของผลการค้นหามากเท่าไหร่ Organic Traffic ยิ่งมากเท่านั้น

ส่วนข้อเสียคือ หากคุณต้องการเพิ่มปริมาณ Organic Traffic อย่างมีนัยยะสำคัญ คุณต้องใช้เวลาทำ SEO อย่างต่อเนื่อง 3-4 เดือน จึงจะบรรลุเป้าหมาย นั่นหมายถึง หากคุณต้องการเพิ่มผู้เข้าชมเว็บไซต์แบบทันทีทันใด การเน้นสร้าง Organic Traffic เพียงอย่างเดียว อาจไม่ตอบโจทย์

Paid Traffic คือ ผู้ชมเว็บไซต์มาจากการจ่ายเงินเพื่อซื้อพื้นที่โฆษณาของ Search Engine อย่าง Google ซึ่งอาจหมายถึงการซื้ออันดับบนหน้าเสิร์ช ซึ่งจะอยู่สูงกว่าเว็บไซต์อันดับแรกที่เป็น Organic Search และมีเครื่องหมาย “Ad” อยู่หน้า URL เว็บไซต์ เพื่อแสดงว่าเป็นเว็บไซต์ที่จ่ายเงินให้กับ Search Engine

Cr:https://ahrefs.com/blog/seo-vs-sem/

โดยข้อดีของ Paid Traffic คือ เพิ่มปริมาณผู้เข้าชผมเว็บไซต์ของเราได้อย่างรวดเร็ว เพราะเมื่อเราซื้อโฆษณา เว็บไซต์ของเราจะไปปรากฏในตำแหน่งที่คนจะเห็นได้มาก หรือ ลำดับบนสุดของผลการค้นหาได้ทันที

อย่างไรก็ตาม ข้อเสียคือ ปริมาณผู้ชมที่เพิ่มขึ้นจะมาพร้อมกับงบโฆษณาที่ต้องเพิ่มขึ้นตาม อีกทั้งเมื่อเราหยุดการโฆษณา เว็บไซต์เราก็จะหายไปจากอันดับหรือหน้าเสิร์ชด้วย

สรุปคือ Organic Traffic คือผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่ไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณา ส่วน Paid Traffic คือผู้ชมที่มาจากการซื้อโฆษณาบน Search Engine นั้นเอง

SEO vs SEM

เรื่องต่อไปที่นักการตลาดต้องเข้าใจคือ คำว่า SEO กับ SEM หรือ Search Engine Marketing แตกต่างกันอย่างไร

ทำไมต้องเข้าใจความแตกต่างของคำทั้งสองข้างต้น เพราะ SEO กับ SEM ไม่เหมือนกัน นักการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจต้องเลือกใช้สอดคล้องกับเป้าหมายและระยะเวลาดำเนินการที่มี

โดย SEO นั้นคือการทำตลาดผ่าน Search Engine ซึ่งโฟกัสเฉพาะ Organic Traffic ส่วน SEM เป็นการทำตลาดผ่านระบบ Search ที่ครอบคลุมทั้ง Organic & Paid Traffic รวมกัน

SEM จึงรวมถึง การโฆษณาผ่าน Google Ads เช่น การลงโฆษณาผ่าน Google Search Ads , Google Display Network (GDN) , YouTube Ads , Shopping Ads ซึ่งเป็นวิธีทำการตลาดที่เจ้าของเว็บไซต์ต้องเสียค่าโฆษณาให้กับ Google

cr:https://www.kochlef.com/en/seo-vs-sem/

สรุปคือ SEM กับ SEO เป็นการทำตลาดผ่าน Search Engine ทั้งคู่ แต่ SEO โฟกัสเฉพาะ Organic Traffic ส่วน SEM ครอบคลุมทั้ง Organic และ Paid

SEO ต้องใช้เวลา เน้น SEM แบบ Paid อย่างเดียวได้ไหม ??

หนึ่งในคำถามยอมฮิตคือ เราจะเน้นทำ SEM แบบ Paid Traffic อย่างเดียวได้ไหม เพราะการทำ SEO ต้องใช้เวลาจึงออกดอกออกผล จึงเห็นผลช้ากว่าการซื้อโฆษณา

คำตอบขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน แต่ Shifu เสนอว่า นักการตลาดควรทำ SEO กับ SEM ควบคู่กัน เพราะทั้งสองสิ่งสามารถทำคู่ขนานกันได้ แล้วปรับการปฏิบัติทางการตลาดให้สอดคล้องกับเป้าหมายในเวลานั้น

ตัวอย่างเช่น ใช้ Search Ad โปรโมตหน้าเว็บที่ต้องการสร้างผลลัพธ์ในทันที อย่างหน้าสินค้าหรืออีเวนต์ ในขณะที่ SEO อาจเป็นแผนการทำเว็บไซต์และคอนเทนต์ในระยะยาว เพื่อหวังเพิ่ม Organic Traffic อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เพราะนอกจากเป็น Traffic ที่ไม่ต้องเสียค่าโฆษณาแล้ว ผลวิจัยทางการตลาดยืนยันตรงกันว่า ในสายตาคนทั่วไป Organic Search มีความน่าเชื่อถือสูง จึงมีอัตราการคลิ๊กเข้าชมสูงกว่า Search Ad

ประโยชน์ของการทำ SEO ต่อการทำเว็บไซต์และการทำธุรกิจออนไลน์

นอกจากความสำคัญของการทำ SEO ที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว จริงๆ SEO ยังมีประโยชน์ต่อเว็บไซต์และธูรกิจแบรนด์อีกหลายประการ ซึ่งอาจสรุปคร่าวๆ ให้คุณเห็นความสำคัญยิ่งขึ้น ดังนี้

  1. ช่วยให้ธุรกิจหรือแบรนด์เป็นที่รู้จัก (Brand Awareness) ตลอดจนสินค้าและบริการ
  2. ช่วยเพิ่มจำนวนเยี่ยมชมเว็บไซต์ (Website Traffic) ได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
  3. ช่วยให้แบรนด์ดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย (Visitor Targeting) ที่ตรงกับสินค้า/บริการ หรือคอนเทนต์ของเว็บไซต์ได้ด้วยการเลือกใช้ Keyword
  4. ช่วยเพิ่มอัตราผลลัพธ์มุ่งหวัง (Conversion Rate) ไม่ว่าจะเป็นยอดขาย ยอดกรอกฟอร์ม ยอดสมัครติดตาม ฯลฯ เพราะกลุ่มที่ค้นหามีความสนใจหรือความต้องการอยู่แล้ว (Quality Traffic)
  5. ช่วยประหยัดงบการตลาดและงบโฆษณา (Save Money) เพราะต้นทุนต่ำกว่าการทำการตลาดกลยุทธ์อื่นๆ มาก
  6. ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ (Authority) ให้กับแบรนด์ พร้อมช่วยให้แบรนด์ดูมีความเชี่ยวชาญในสิ่งที่ทำมากขึ้น
  7. ช่วยให้แบรนด์หรือธุรกิจเติบโต (Business Growth) มีกำไรมากขึ้นจากผลลัพธ์ที่สูงขึ้นและค่าใช้จ่ายลดต่ำลง

ทำ SEO ให้ติดอันดับต้นๆ ต้องทำอะไรบ้าง

เมื่ออ่านถึงตอนนี้ ผมเชื่อว่า คุณน่าจะสนใจทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ของคุณแล้ว คำถามคือ วิธีการทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับดี จะเริ่มต้นอย่างไร ต้องทำอะไรบ้าง

โดยไม่ว่าคุณจะทำ SEO ด้วยตัวเอง หรือ จ้าง Agency ทำ การรู้ภาพรวมว่า SEO ต้องทำอะไรบ้าง เป็นเรื่องจำเป็น เพราะหากคุณเข้าใจ คุณจะสามารถกำหนดเป้าหมายของการทำ SEO ได้อย่างถูกต้อง และสื่อสารกับ Agency ได้อย่างชัดเจน ส่งผลให้ SEO Campaign ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้

โดยขั้นตอนการทำ SEO ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้

วิธีการทำ SEO 2021
  1. เข้าใจหลักการทำงานของ Search Engine
  2. ทำ Keyword Research หาและเลือกคำค้นมาใช้กับเว็บไซต์
  3. เข้าใจ Site Structure หรือโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีต่อ SEO
  4. ปรับแต่งเว็บเพจให้มีติดอันดับ  (On – Page SEO) 
  5. ทำ Link Building เรียก Backlink คุณภาพ
  6. ตรวจสอบอันดับบน Search Engine

หากคุณต้องการเรียนรู้วิธีการทำ SEO ที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏบนอันดับต้นๆของผลการค้นหา สอนแบบ Step by Step ตั้งแต่พื้นฐานจนทำได้ด้วยตัวเอง มือใหม่ก็ทำได้ ดูที่

วิธีทำ seo 2022 แบบ Step by Step รู้ครบในโพสเดียว

 

จ้างทำ SEO vs ทำเอง แบบไหนดี

ประเด็นสุดท้ายและเป็นประเด็นคำถามยอดฮิตคือ ในทางปฏิบัติ เราควรจ้าง บริษัทรับทำ SEO หรือ ทำ SEO ด้วยตัวเองดี

คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับทรัพยากรและเป้าหมาย โดยบางบริษัท เจ้าของหรือพนักงานมีความเชี่ยวชาญในการทำ SEO อยู่แล้ว ก็อาจเลือกทำด้วยตัวเองเพราะประหยัดงบและควบคุมการทำ SEO ได้ง่าย

ส่วนบางบริษัท อาจไม่เคยมีประสบการณ์ทำ SEO มาก่อน หรือ บางที่มีอยู่แล้ว แต่มีเงินทุนพอสมควร ก็อาจเลือกจ้างบริษัทรับทำ SEO หรือ Agency ที่มีประสบการณ์ เพราะเป็นการใช้เงินทำงาน สามารถทำให้เว็บไซต์ติดอันดับดีๆได้เหมือนกัน โดยไม่ต้องทำเองแต่อย่างใด

โดยคุณสามารถสศึกษาข้อดีข้อเสีย และรายละเอียดต่างๆ ของการจ้างทำ vs ทำ SEOเอง ได้อย่างละเอียดตามบทความข้างล่าง

สรุป

SEO ย่อมาจาก Search Engine optimization คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับการทำงานของ Search Engine ส่งผลให้ Search Engine เข้าใจง่ายว่า เว็บไซต์เกี่ยวข้องกับอะไร และ ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์แก่ผู้คนอย่างไรบ้าง

โดยปัจจุบัน การทำ SEO มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจออนไลน์ เพราะเป็นหนึ่งเครื่องมือทางการตลาดที่ช่วยเพิ่มปริมาณ Organic Traffic ส่งผลให้ปริมาณผู้ชมเว็บไซต์พุ่งสูง โดยไม่ต้องเสียเงินโปรโมทมากมาย

ซึ่งผมเชื่อมั่นว่า หลังจากที่คุณอ่านบทความนี้จบ ความรู้เรื่อง SEO ที่ได้ จะช่วยให้คุณนำไปประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มโอกาสทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอนครับ