Google สร้างความฮือฮาอีกครั้งในงาน Google I/O 2025 Keynote ด้วยการเปิดเผยการอัปเดตครั้งใหญ่ของระบบ AI ภายใน Google Search และการเปิดตัว AI Mode ที่จะมาพลิกโฉมวิธีการใช้งานการค้นหา และฟีเจอร์ที่ช่วยให้การค้นหาฉลาดมากขึ้น พร้อมตอบโจทย์การใช้งานของแต่ละบุคคล
Content Shifu ขอสรุปไฮไลต์ในส่วนของ Search หรือที่ Google เรียกในงานนี้ว่า “AI Mode” มาให้ทุกคนอัปเดตกัน
อัปเดตการใช้งาน Gemini Models และ AI Overview
Google ได้เผยถึงศักยภาพของ Gemini Models ที่ทำให้ Search มีความฉลาดมากขึ้น และยังมี AI Overview ซึ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยในปัจจุบันมีการใช้งานจากผู้คนกว่า 1.5 พันล้านคน ใน 200 ประเทศทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงทำให้ผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น แต่ยังมีผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์และทำให้ผู้ใช้พึงพอใจมากขึ้นด้วย
ไฮไลต์จากการอัปเดตนี้:
- ในตลาดใหญ่ เช่น สหรัฐฯ และอินเดีย การใช้งาน AI Overview ช่วยเพิ่มจำนวนการค้นหาครั้งใหม่ได้ถึง 10%
- Google Lens ซึ่งใช้ AI ในการค้นหาข้อมูลด้วยภาพ มีการเติบโตขึ้นถึง 65% พร้อมการใช้งานที่มากกว่า 100 พันล้านครั้ง ภายในปีนี้

เปิดตัว AI Mode ประสบการณ์ใหม่ของการค้นหาผ่าน Google
ฟีเจอร์ใหม่นี้ถูกเรียกว่า AI Mode ซึ่งเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับการค้นหาข้อมูลแบบครบวงจร เราสามารถถามคำถามที่ซับซ้อนมากขึ้นและได้รับคำตอบที่แม่นยำได้ทันที (พร้อมให้ใช้ในสหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก)

คุณสมบัติเด่นของ AI Mode
1. ความสามารถในการรองรับคำถามที่ซับซ้อนหรือยาวขึ้น โดยมีความยาวมากกว่าการค้นหาแบบเดิมถึง 2-3 เท่า
2. ติดตามคำถามต่อเนื่องแบบสนทนาได้ เช่นเดียวกับการพูดคุยกับ AI
3. มีการใช้ Gemini 2.5 ซึ่งเป็น AI เวอร์ชันใหม่ล่าสุดใน AI Overview และ AI Mode เพื่อเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการตอบคำถาม

ฟีเจอร์เด่นของ AI Mode
1. Personal Context – ระบบให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล
AI Mode สามารถให้คำแนะนำที่ปรับตามความชอบหรือพฤติกรรมของเรา ด้วยการเชื่อมต่อแอปต่าง ๆ เช่น Gmail
ตัวอย่าง: ระบบสามารถแนะนำร้านอาหารที่มีโต๊ะกลางแจ้งและเหมาะกับเรา หรืออีเวนต์ในเมืองที่เรากำลังจะเดินทางไปได้

2. Deep Search – ความสามารถในการวิเคราะห์เชิงลึก
ฟีเจอร์นี้ช่วยให้เราค้นหาข้อมูลที่ซับซ้อนและแสดงผลการค้นหาในรูปแบบรายงานเชิงลึกได้
ตัวอย่าง: ถ้าเราถาม “เปรียบเทียบสถิติผู้เล่นเบสบอลที่ใช้ไม้ใหม่ในฤดูกาลนี้” ระบบจะสร้าง ตารางข้อมูลและกราฟแบบเรียลไทม์ พร้อมแหล่งอ้างอิงครบถ้วนออกมาให้


3. Project Mariner – ตัวช่วยสำหรับการจองและค้นหาสินค้า
AI Mode สามารถช่วยจัดการรวมถึงค้นหาสิ่งต่าง ๆ เช่น จองตั๋ว, จองร้านอาหาร, จัดการนัดหมาย ฯลฯ ได้


4. Search Live – การค้นหาแบบเรียลไทม์ผ่านกล้อง
ฟีเจอร์ Search Live ช่วยแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันผ่านการใช้กล้อง เช่น ซ่อมของใช้ในบ้าน, สอนการบ้าน, เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ แบบเรียลไทม์ ฯลฯ

AI Mode กับการชอปปิ้งออนไลน์และแฟชั่น
AI ยังพลิกโฉมการชอปปิ้งด้วยฟีเจอร์ขั้นสูง ดังนี้
1. แนะนำสินค้าอย่างชาญฉลาด
Google ใช้ Shopping Graph ที่มีสินค้ากว่า 50 พันล้านรายการ ซึ่งอัปเดตอย่างต่อเนื่อง เช่น เมื่อเราต้องการ “พรมสำหรับโซฟาสีเทา” ระบบจะช่วยค้นหาพรมที่เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็ก พร้อมคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเลือกสินค้า

2. ระบบลองเสื้อผ้าเสมือนจริง
AI Mode สามารถจำลองเสื้อผ้าให้เข้ากับรูปร่างของเราโดยใช้โมเดล 3 มิติ เพื่อแสดงรายละเอียดการพับ การยืด และลักษณะของเนื้อผ้า

3. ระบบติดตามราคาแบบเรียลไทม์
หากสินค้าที่เราสนใจมีราคาลดลง AI จะส่งแจ้งเตือนทันที พร้อมช่วยเหลือในการชำระเงินและการจัดส่งผ่าน Google Pay

💡 Shifu แนะนำ
นักการตลาดและสายงาน SEO ควรเริ่มปรับตัวเพื่อใช้ความสามารถ AI ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยสามารถทำได้ดังนี้:
– เน้นสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ และมีคุณภาพสูงขึ้น พร้อมอ้างอิงที่ชัดเจน
– อัปเดตข้อมูลสินค้า เช่น ราคาหรือภาพสินค้าให้ถูกต้องและน่าสนใจ
– เพิ่มการใช้ข้อมูลลูกค้า เพื่อทำแคมเปญและโฆษณาแบบเฉพาะบุคคล
สรุป
การอัปเดตเทคโนโลยี AI ใหม่นี้แสดงถึงก้าวย่างสำคัญที่ Google กำลังพยายามทำให้ Search เป็นมากกว่าเครื่องมือค้นหาข้อมูลทั่วไป แต่เป็นได้ถึงตัวช่วยในการจัดการงาน สร้างความสะดวกสบาย และตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ
ความเปลี่ยนแปลงนี้เป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย นักการตลาดและผู้ใช้งานควรปรับตัวเพื่อเตรียมพร้อมกับยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทอย่างมากในทุกกระบวนการ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ในการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า