ในยุคที่การหาลูกค้าใหม่และการรักษาลูกค้าเก่าเป็นเรื่องที่ท้าทาย การมีเครื่องมือ CRM เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเล็กหรือใหญ่
การเลือกใช้ CRM ที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่จะช่วยในการจัดการข้อมูลลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการการขายอีกด้วย
ในบทความนี้ ผมจะมาเปรียบเทียบระหว่าง HubSpot & Pipedrive
ซึ่งตัว Module ของ HubSpot ที่ผมจะเอามาเปรียบเทียบกับ Pipedrive คือ HubSpot Sales Hub เพราะเป็นตัวที่มีฟีเจอร์ที่ตรงกันที่สุด และก็เป็นตัวที่ใช้สำหรับการทำ CRM for B2B เลย
ต้องบอกว่าการเปรียบเทียบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสองเครื่องมือ CRM ที่ได้รับความนิยมมากๆ แต่ผมจะพยายามให้ดีที่สุดเพื่อให้คุณสามารถเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้นะครับ
ถ้าพร้อมแล้ว มาอ่านกันได้เลยครับ!
Note: บทความนี้เป็นบทความ Editorial ที่อ้างอิงประสบการณ์และวิจารณญาณของผมซึ่งเป็นผู้เขียนบทความนี้เป็นหลัก ซึ่งในบางเรื่องคุณอาจจะเห็นด้วย และบางเรื่องคุณอาจจะเห็นต่าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับ สิ่งสำคัญคือคุณควรจะต้องไปพิจารณาเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจใช้งานจริงด้วยครับ
อ่านเพิ่มเติม: 6 ขั้นตอนในการเลือก CRM ให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
ยาวไป อยากเลือกอ่าน?
ข้อมูลเบื้องต้นของ HubSpot Sales Hub & Pipedrive
HubSpot Sales Hub

HubSpot Sales Hub เป็นเครื่องมือที่มีฟีเจอร์หลากหลาย ไล่ตั้งแต่การจัดการ Pipeline, การทำใบเสนอราคา รวมไปถึงการส่งอีเมลและทำการ Track อีเมลที่ส่งไปหาลูกค้า
ซึ่ง HubSpot Sales Hub นั้นเป็น Module ที่สร้างอยู่บน HubSpot CRM ซึ่งเปรียบเสมือนที่เก็บข้อมูลหลัก
นอกจากนั้น HubSpot Sales Hub แล้ว HubSpot ยังมี Hub อื่นๆ อีกหลายอย่าง คือ HubSpot Marketing Hub, HubSpot Service Hub, HubSpot Content Hub, HubSpot Commerce Hub และ HubSpot Operations Hub ซึ่งทุกๆ Hub จะเชื่อมต่อกันหมด
จุดเด่นมากๆ ของ HubSpot คือเป็น MarTech ที่มี UX/UI ที่ใช้งานง่าย
Pipedrive

Pipedrive เป็น CRM ที่มุ่งเน้นไปที่การจัดการกระบวนการขายและการติดตามโอกาสในการขาย ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการดึงดูดลูกค้าไปจนถึงการปิดการขาย
Pipedrive มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการและจัดระเบียบข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีระบบการมองเห็นที่ชัดเจนเพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดตามการขายในแต่ละขั้นตอนได้ง่าย
โดยความโดดเด่นที่ทำให้ Pipedrive แตกต่างจากเครื่องมือ CRM อื่นๆ คือเน้นไปที่ความเรียบง่ายและใช้งานได้สะดวกที่สุดเพื่อให้ทีมขายสามารถโฟกัสไปที่การขายแทนที่จะเสียเวลากับระบบที่ซับซ้อน
นอกจากระบบ CRM แล้ว Pipedrive ยังมีเครื่องมือ LeadBooster, Web Visitors, Email Marketing และ Project Management ด้วย แต่ตัว CRM Pipeline Management ยังคงเป็นตัวหลักของ Pipedrive อยู่
HubSpot vs Pipedrive: สรุปความแตกต่างระหว่าง HubSpot Sales Hub & Pipedrive แบบเร็วๆ
หัวข้อ | HubSpot | Pipedrive |
---|---|---|
ฟีเจอร์ (Features) | ⭐️⭐️⭐️⭐️ ฟีเจอร์สำหรับการขายมากมายและโดดเด่น สามารถ Customize ได้ระดับหนึ่ง | ⭐️⭐️⭐️ โฟกัสไปในเรื่อง Pipeline Management |
ความง่ายในการใช้งาน (Ease of Use) | ⭐️⭐️⭐️⭐️ HubSpot ถึงจะใช้ได้ง่าย แต่ฟีเจอร์ที่หลากหลายอาจทำให้ผู้ใช้บางคนรู้สึกว่ามีความซับซ้อน | ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ มีการออกแบบที่ใช้งานได้ง่ายและทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ ได้รวดเร็ว |
การเชื่อมต่อ (Integration) | ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ มีการเชื่อมต่อที่หลากหลายกับแอปพลิเคชันต่างๆ ทำให้สามารถทำงานร่วมกับเครื่องมืออื่นได้สะดวก | ⭐️⭐️⭐️ มีการเชื่อมต่อที่หลากหลายอยู่ แต่ยังน้อยกว่า HubSpot |
รีพอร์ต (Reporting) | ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ ฟีเจอร์การรีพอร์ตที่ละเอียด ปรับแต่งได้เยอะ ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ | ⭐️⭐️⭐️ มีรายงานเบื้องต้นสำหรับการขายแบบพื้นฐาน |
ราคา (Pricing) | ⭐️⭐️⭐️ ราคาสูงกว่า โดยเฉพาะ Enterprise Plan | ⭐️⭐️⭐️⭐️ มีราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่าและทำให้คุ้มค่ามากขึ้นสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก |
สิ่งที่ HubSpot Sales Hub & Pipedrive มีเหมือนๆ กัน
Free Trial
ทั้งสองแพลตฟอร์มมีระบบทดลองใช้ฟรีที่ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์จริงก่อนตัดสินใจ
HubSpot ให้คุณใช้งานฟีเจอร์พื้นฐานได้ฟรีตลอดไป ในขณะที่ Pipedrive ให้ทดลองใช้ฟรี 14 วัน
Import/Export
ทั้งสองแพลตฟอร์มให้ความสะดวกในการนำเข้าหรือส่งออกข้อมูล ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการกับข้อมูลลูกค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าจาก CSV หรือการเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ
Pipeline Management
HubSpot และ Pipedrive ต่างก็มีฟีเจอร์การจัดการ Pipeline ที่ช่วยให้ทีมขายและการตลาดสามารถติดตามและจัดการโอกาสทางการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เปรียบเทียบ HubSpot vs Pipedrive โดยละเอียด
ฟีเจอร์ (Features)
HubSpot Sales Hub

HubSpot Sales Hub มาพร้อมกับฟีเจอร์การขายที่ครบครัน ตั้งแต่การติดตามอีเมล ไปจนถึงระบบอัตโนมัติที่ซับซ้อน
เครื่องมือการติดตามผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของ HubSpot ช่วยให้ทีมขายเห็นพฤติกรรมของลูกค้าแบบเรียลไทม์ และสามารถติดต่อได้ในจังหวะที่เหมาะสม (เช่นเห็นว่าใครเปิดอีเมลไหน อ่าน Document อะไรบ้าง)
Sequences ใน Sales Hub ช่วยให้ทีมขายสร้างการติดต่อแบบอัตโนมัติที่ดูเหมือนส่งจากอีเมลส่วนตัว ช่วยประหยัดเวลาในการส่งอีเมลติดตามผล
นอกจากนั้นแล้วคุณยังสามารถรวม Conversation จาก Email, Chat, Facebook Messenger ไว้ในที่เดียวได้อีกด้วย
ข้อด้อยคือมันอาจจะขาดการเชื่อมต่อแบบ Native กับ LINE OA (ติดตั้ง Plugin เสริมได้) ทำให้ประสบการณ์การ Support ลูกค้าอาจจะไม่ไร้รอยต่อ ในกรณีที่คุณขายของผ่าน LINE OA ด้วย
Score: ⭐️⭐️⭐️⭐️
Pipedrive
ในทางกลับกัน Pipedrive มุ่งเน้นไปที่การจัดการกระบวนการขายที่เฉพาะเจาะจง โดยคำนึงถึงความสำคัญของการติดตามโอกาสทางการขายและการเปิดการขาย
สิ่งที่ Pipedrive เด่นมากๆ คือมีระบบ Pipeline Management ที่่ใช้งานง่าย ช่วยให้ทีมขายสามารถติดตามลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Smart Contact Data ของ Pipedrive ช่วยรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากโซเชียลมีเดียและแหล่งข้อมูลออนไลน์โดยอัตโนมัติ
แม้ว่าฟีเจอร์ของ Pipedrive จะไม่ได้ครบถ้วนเหมือน HubSpot แต่ก็มีฟีเจอร์พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการขายในปัจจุบันนี้ที่มากพอสมควร
Score: ⭐️⭐️⭐️
ความง่ายในการใช้งาน (Ease of Use)
HubSpot Sales Hub
HubSpot Sales Hub มีฟีเจอร์ที่ค่อนข้างเยอะ แต่ Interface ถือว่าใช้งานไม่ยากเลย
เวลาพวกเขามีการ Launch ฟีเจอร์ใหม่ๆ ขึ้นมา เขาจะมี Tutorial สอนให้เข้าใจได้ง่ายๆ รวมถึงพวกเขายังมี Knowledge Base และ HubSpot Academy ที่ช่วยให้คุณเข้าใจเครื่องมือของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น
Score: ⭐️⭐️⭐️⭐️
Pipedrive
เมื่อพูดถึงความง่ายในการใช้งาน Pipedrive ถือว่าทำได้ดีมากๆ ในข้อนี้ ด้วยการออกแบบที่ใช้งานง่าย ซึ่งผู้ใช้สามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วและเข้าใจได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากนัก
ในหน้าแรกของเว็บไซต์ พวกเขาเขียนไว้เลยว่า Pipedrive เป็น easy and effective CRM for closing deals
Score: ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️
การเชื่อมต่อ (Integration)
HubSpot Sales Hub

HubSpot Sales Hub มีจุดแข็งด้านการเชื่อมต่อ ด้วย Ecosystem ที่กว้างและรองรับการเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชันมากกว่า 1,000 รายการ
นอกจากการเชื่อมต่อกับ HubSpot Marketing Hub, HubSpot Service Hub, HubSpot Content Hub และ HubSpot Commerce Hub แล้ว Application สำคัญอย่าง HubSpot Operations Hub ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อ (แบบ 2 ทาง คือทั้งส่งและรับข้อมูล) กับ Application ตัวอื่นๆ ได้ รวมไปถึง พวกเขายังมี Marketplace ที่พร้อมเปิดให้ทุกคนมาเชื่อมต่อ
Score: ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️
Pipedrive

Pipedrive เองก็มีการเชื่อมต่อที่หลากหลาย แต่ถ้าเป็น Native Integration พวกเขาจะเชื่อมต่อ Application ที่โฟกัสเรื่องการขายซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจที่ต้องการความหลากหลายในการเชื่อมต่อและความยืดหยุ่นรู้สึกว่ามันยังไม่เพียงพอ
Score: ⭐️⭐️⭐️
รีพอร์ต (Reporting)
HubSpot Sales Hub

HubSpot Sales Hub มีระบบรายงานที่ครอบคลุมและละเอียด สามารถ Customize แดชบอร์ดเองได้ตามความต้องการ
พวกเขาฟีเจอร์ที่สามารถสร้างรายงานที่ละเอียดและครอบคลุมได้ ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์เปรียบเทียบความสำเร็จของ Campaign ต่างๆ รายงานที่ดีเหล่านี้ช่วยให้ทีมหรือผู้จัดการสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและมีแนวทางมากขึ้น
Score: ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️
Pipedrive
Pipedrive มีรายงานพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการขาย เช่น การคาดการณ์รายได้ และประสิทธิภาพของทีมขาย
รายงานของ Pipedrive เน้นความเรียบง่ายและเข้าใจง่าย แต่อาจไม่ลงลึกในรายละเอียดเท่า HubSpot
Score: ⭐️⭐️⭐️
ราคา (Pricing)
HubSpot Sales Hub


คุณสามารถใช้งานฟีเจอร์พื้นฐานของ HubSpot ได้ฟรีๆ 2 Users เมื่อใช้ HubSpot CRM ถ้ามากกว่านั้น ราคาเริ่มต้นพวกเขาจะอยู่ที่ $15 ต่อเดือนต่อผู้ใช้ (จำนวน Pipeline Limit อยู่ที่ 2 Pipelines)
และเมื่อคุณต้องการฟีเจอร์ที่ Advance ขึ้น เช่นการเพิ่มจำนวน Pipeline หรือการสร้าง Email Sequences ราคาจะกระโดดไปค่อนข้างสูง โดยเฉพาะ Enterprise Plan ที่ราคาอยู่ที่ $150 ต่อเดือนต่อผู้ใช้งาน
Score: ⭐️⭐️⭐️
Pipedrive

Pipedrive ไม่มีตัวฟรีใช้งาน แต่มี Free Trial 14 วัน และ Plan เริ่มต้นของพวกเขาอยู่ที่ $14 ต่อเดือนต่อผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นตัวที่ถือว่ามีฟีเจอร์พื้นฐานครบครัน
สำหรับตัว Enterprise Plan จะอยู่ที่ $79 ต่อเดือนต่อผู้ใช้งาน
Score: ⭐️⭐️⭐️⭐️
สรุป HubSpot vs Pipedrive: เครื่องมือไหน เหมาะกับใคร?
HubSpot Sales Hub เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่ที่ต้องการระบบการขายที่ครบวงจร
ทีมขายที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกและระบบอัตโนมัติขั้นสูงจะได้ประโยชน์สูงสุดจาก HubSpot Sales Hub
Pipedrive เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงกลางที่ต้องการ CRM ที่ใช้งานง่าย
ทีมขายที่เน้นการจัดการ Pipeline และต้องการเริ่มใช้งานได้ทันทีจะพบว่า Pipedrive ตอบโจทย์ได้ดี
ซึ่งการเลือกระหว่าง HubSpot Sales Hub และ Pipedrive ควรพิจารณาจากขนาดทีม งบประมาณ และความซับซ้อนของกระบวนการขายของคุณ
สุดท้ายแล้ว CRM ที่ดีที่สุดคือ CRM ที่ทีมของคุณใช้งานจริงและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขายได้อย่างเป็นรูปธรรมครับ
ตาคุณแล้ว
หวังว่าเนื้อหาในบทความ HubSpot vs Pipedrive นี้จะทำให้คุณเห็นภาพมากยิ่งขึ้นนะครับ และถ้าคุณอยากจะเห็นภาพมากขึ้นว่าเครื่องมือแต่ละตัวเป็นอย่างไร วิธีการที่ดีที่สุดคือการไปทดลองจริงครับ ซึ่งคุณสามารถทดลองใช้ MarTech ทั้ง 2 ตัวได้ฟรีๆ ครับ