คอปเปอร์ บียอนด์ บุฟเฟต์ (Copper Beyond Buffet) ร้านอาหารบุฟเฟต์นานาชาติชื่อดังของเมืองไทย จัดงาน “Copper 9th Anniversary: ‘Beyond The Stars A Michelin Odyssey” เฉลิมฉลองการเดินทางสู่ดาวดวงใหม่ บนเส้นทางความสำเร็จระดับผู้นำ ตลอด 9 ปี จัดเต็มกลยุทธ์ธุรกิจสุดครบเครื่อง ตั้งเป้าดันรายได้ทะลุ 1,000 ล้าน ประเดิมด้วยโปรเจกต์ Collaboration ครั้งแรกกับ สองแบรนด์ไทยระดับโลก ชาตรามือ-สก็อตรังนก นำวัตถุดิบไฮไลต์จากทั้งสองแบรนด์ดังมารังสรรค์เป็นเมนูสุดพิเศษระดับเชฟมิชลินสตาร์ หวังปูพรมขยายฐานลูกค้าต่างชาติ ดันรายได้ทะยานแตะ 1,000 ล้าน ตอกย้ำการเป็น Best International Buffet in Southeast Asia

นางสาวพจนีย์ พินิจศักดิ์กุล ประธานกรรมการบริหารคอปเปอร์ บียอนด์ บุฟเฟต์ กล่าวว่า คอปเปอร์ บียอนด์ บุฟเฟต์ (Copper Buffet) สาขาแรกที่ศูนย์การค้า The Sense ปิ่นเกล้า ก่อตั้งขึ้นในปี 2559 ด้วยไอเดียของคุณพ่อ ที่ต้องการหาแมกเน็ตใหม่ เพื่อดึงทราฟฟิกให้ศูนย์การค้า ด้วยความที่ครอบครัวชอบกินอาหารบุฟเฟต์โรงแรม และร้านอาหารญี่ปุ่น จึงตั้งใจปลุกปั้นร้านอาหารบุฟเฟต์ ที่รวมทั้งสองความชอบไว้ด้วยกัน พร้อมยกระดับประสบการณ์สุดพรีเมียม ผ่านคุณภาพของอาหารและบริการที่ฉีกกรอบจากร้านอาหารบุฟเฟต์ทั่วไปในตลาด พร้อมแก้ Pain Point ของกลุ่มลูกค้าในย่านปิ่นเกล้า ที่ยังไม่มีร้านอาหารบุฟเฟต์พรีเมียมเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค
“ด้วยความที่เราเป็นแบรนด์ร้านอาหารน้องใหม่ ฐานลูกค้ายังไม่มาก แถมยังโฟกัสเรื่องคุณภาพของอาหารและวัตถุดิบแบบจัดเต็ม เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ทำให้ช่วงปีแรกที่เปิดตัว เราขาดทุนทุกเดือน หนักสุด คือ เดือนละล้าน แต่เราไม่ท้อ เพราะด้วยเป้าหมายที่คุณพ่อมองว่า เราเปิดร้านอาหารเพื่อดึง Traffic เข้าศูนย์การค้าต่อให้เราจะขาดทุน เพราะตั้งใจมอบประสบการณ์ในมื้ออาหารที่ดีที่สุดให้ลูกค้าก็คุ้มค่าหากเทียบกับการที่เราต้องเอางบไปลงกับการตลาดหรือการจัดอีเวนต์ ซึ่งหลังจากใช้เวลาร่วม 2 ปี ค่อย ๆ สร้างชื่อ สั่งสมประสบการณ์ และ Connection จนฐานลูกค้าค่อย ๆ เพิ่มจากหลักพันเป็นหลักหมื่นต่อเดือน ทำให้เรามี Economies of Scale สามารถบริหารต้นทุนวัตถุดิบได้ดีขึ้น และมีพาร์ตเนอร์ที่เข้ามาสนับสนุน หนึ่งในนั้น คือ Hungry Hub แพลตฟอร์มจองร้านอาหารชั้นนำของประเทศไทย ที่มาช่วยเรื่องระบบจองคิว ทำให้เราสามารถแก้ปัญหาการจองคิวแบบเดิมๆ ที่ใช้ระบบแมนนวล ซึ่งอาจจะเกิดการตกหล่น ผิดพลาด หรือ บางครั้งลูกค้าจองคิวแล้วไม่มาใช้บริการ ทำให้เสียโอกาสในการรับลูกค้า”

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สร้างความโดดเด่นและประสิทธิภาพในการบริหารธุรกิจ คือ การปฏิวัติวงการบุฟเฟต์ที่มักให้ลูกค้าไปตักอาหารมารับประทานเอง มาเป็นการสั่งอาหารผ่าน Order Station แล้วให้พนักงานมาเสิร์ฟ นอกจากจะทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ทานอาหารที่สะดวกสบาย ยังได้ลิ้มรสชาติอาหารที่ปรุงสดใหม่ แบบจานต่อจาน ช่วยลดขยะอาหาร และสามารถนำข้อมูลการสั่งอาหารของลูกค้า ไปวิเคราะห์ เพื่อหา Insight ศึกษาว่าเมนูเป็นเมนูยอดนิยม เมนูไหนไม่ได้รับความนิยมควรเปลี่ยนออก ยังทำให้สามารถบริหารจัดเตรียมวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้ บวกกับ เมื่อมีฐานลูกค้าที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธุรกิจเริ่มมี Economies of Scale สามารถพลิกธุรกิจกลับมาทำกำไร และเติบโตขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในแง่จำนวนลูกค้าและรายได้
นางสาวพจนีย์ ยังกล่าวด้วยว่า หนึ่งในก้าวสำคัญของ Copper Beyond Buffet ในปีที่ผ่านมา คือ การตัดสินใจขยายสาขาครั้งแรกในรอบ 8 ปี ไปยังศูนย์การค้า Gaysorn Amarin เป้าหมายหลักก็เพื่อติดปีกให้ Copper Beyond Buffet สามารถขยายฐานลูกค้าไปเจาะกลุ่มชาวต่างชาติมากขึ้น ตอกย้ำหมุดหมายใหม่ของแบรนด์ ในการไปสู่ Best International Buffet in Southeast Asia ซึ่งหลังจากเปิดตัวไป ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ในปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา Copper Beyond Buffet ทั้งสองสาขามีรายได้รวมอยู่ที่ราว 800 ล้านบาท มีอัตราการจอง (Occupancy Rate) อยู่ที่ 70% และ มีสัดส่วนลูกค้าไทยอยู่ที่ 65% และลูกค้าชาวต่างชาติ 35%

ทั้งนี้เพื่อเป็นการฉลองการก้าวสู่ปีที่ 9 Copper Beyond Buffet ตั้งใจสร้างมิติใหม่ให้วงการบุฟเฟต์อีกครั้ง ด้วยการ Collaboration กับสองแบรนด์ดังชื่อดังระดับโลก อย่าง “สก็อตรังนก” ผู้นำด้านตลาดรังนกแท้จากธรรมชาติ และ “ชาตรามือ” ผู้นำตลาดของชาไทยและเครื่องดื่ม พร้อมเชิญสองเชฟมิชลินชื่อดัง อย่าง เชฟไฮเคิล โจฮาริ เชฟมิชลิน 1 ดาว จากร้าน AVANT และเชฟแท็ป ศุภสิทธิ์ ก๊กผล เชฟมิชลิน 1 ดาว จากร้าน CODA Bangkok มาร่วมรังสรรค์เมนูสุดพิเศษมากกว่า 20 เมนู โดยนอกจากจะสร้างประสบการณ์ระดับ Fine Dining เพื่อตอกย้ำความพิเศษของการ Collaboration ครั้งแรกของแบรนด์ ยังมีการนำวัตถุดิบไฮไลต์ของทั้งสองแบรนด์ มารังสรรค์ใหม่ ร่วมกับวัตถุดิบคุณภาพสูงและเป็นที่นิยมของคนทั่วโลก ด้วยเทคนิคการปรุงขั้นสูง และเสิร์ฟทุกเมนูในรูปแบบของไฟน์ไดนิ่ง จนเป็นเมนูสุดเอ็กซ์คลูซีฟทั้งเมนูอาหารคาว ของหวาน และเครื่องดื่มแบบไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน

พร้อมเปิดตัว 4 พาร์ตเนอร์ที่จะมาร่วมขับเคลื่อนความสำเร็จไปกับ Copper Beyond Buffet ได้แก่ S-Pure แบรนด์ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และอาหารเกรดพรีเมียม อันดับ 1 Foodiva บริษัทผู้นำเข้าเนื้อเกรดพรีเมียมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย Qfresh ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารทะเล ภายใต้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ Hungry Hub แพลตฟอร์มจองร้านอาหาร ที่ใหญ่และมีเครือข่ายมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย
สำหรับเป้าหมายในปีนี้ นางสาวพจนีย์ เชื่อมั่นว่าด้วยแผนธุรกิจที่เดินเกมรุกต่อเนื่อง และ การต่อยอดจุดแข็งเดิมของแบรนด์ ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพมาเป็นอันดับหนึ่ง เน้นสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารใหม่ ๆ ให้ลูกค้า ยกระดับเมนูอาหารให้หลากหลายและมีความพิเศษยิ่งขึ้นอย่างสม่ำเสมอ บวกกับการพัฒนาบุคลากร และระบบหลังบ้านในการนำดาต้ามาต่อยอดเพื่อเข้าถึงอินไซต์ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น จะทำให้ในปี พ.ศ. 2568 Copper Beyond Buffet สามารถดันรายได้รวมแตะ 1,000 ล้าน
“ในส่วนของการขยายสาขาเพิ่มเติม ณ ตอนนี้ ยังรอจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม เพราะด้วยโมเดลร้าน และ คอนเซ็ปต์ของ Copper Beyond Buffet ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย โจทย์สำคัญคือ หากการขยายสาขาแล้วทำให้เราต้องลดคุณภาพ เรายอมมีสองสาขาดีกว่า เพราะแบรนด์ของเราขับเคลื่อนด้วยคุณภาพของโปรดักต์ ปัจจุบันเรานิยามตัวเองว่าเป็นธุรกิจขนาดกลาง ที่เติบโตแบบธุรกิจขนาดกลางที่เติมโตแบบธุรกิจครอบครัว ค่อย ๆ ขยายฐานลูกค้า เพื่อพิชิตเป้าหมาย 1,000 ล้าน พร้อมเดินหน้าสู่การเป็น Best International Buffet in Southeast Asia แม้จะเป็นเส้นทางที่ท้าทาย แต่เราเชื่อว่าด้วยศักยภาพของแบรนด์ที่เราสั่งสมมาตลอด 9 ปี ความมุ่งมั่นตั้งใจของทีมงานที่มีความแข็งแกร่ง เราจะสามารถพิชิตเป้าหมายนี้ได้แน่นอน” นางสาวพจนีย์กล่าวทิ้งท้าย