Content Shifu ได้มีโอกาสไปเข้าร่วมงาน The Entrepreneur Forum 2025 ที่จัดโดยลงทุนแมนมา และเนื้อหานี้คือเนื้อหาที่สรุปเนื้อหาที่สรุปมาจากหนึ่งใน Session ในงาน ซึ่ง Speaker คือคุณหนุ่ย การตลาดวันละตอน และคุณดลชัย นักกลยุทธ์การสร้างแบรนด์
แบรนด์และการตลาดคืออะไร?
– คนมักจะเข้าใจผิดว่ากำลังขายสินค้าอยู่ แต่จริงๆ ทุกธุรกิจคือต้องขายแบรนด์ด้วย ซึ่งแบรนด์คือการสร้างความรู้สึก
– การทำการตลาดคือการสร้างประสบการณ์ที่ดี เมื่อไหร่ที่ประสบการณ์สะดุด แสดงว่าการทำการตลาดนั้นๆ อาจจะไม่ดีแล้ว
อยากสร้างแบรนด์ให้เจ๋งในยุคนี้ต้องทำอย่างไร?
– การสร้างแบรนด์เป็นศิลปะไม่ใช่วิทยาศาสตร์ การสร้างแบรนด์คือการสร้างการรับรู้สุทธิของคน และสิ่งเหล่านี้จะต้องอยู่ตลอดไปให้ได้ เพราะการสร้างแบรนด์คือเรื่องระยะยาว และอยู่เหนือเหตุผลของการสร้างสินค้า
– บริษัทที่ดีที่สุดในโลก จริงๆ แล้วขายความรู้สึก ไม่ใช่ขายสินค้า ยิ่งเน้นความรู้สึกเท่าไหร่ ความสัมพันธ์ก็จะดีเท่าไหร่ เมื่อมีความสัมพันธ์ จะขายอะไรก็ง่าย
– อยากขายของให้ดี ต้องขายตามความฝันของคน คนฝันอะไร อยากได้อะไร ธุรกิจต้องสร้างแบรนด์ให้ไปตอบโจทย์สิ่งนั้น
– ยุคนี้การทำแบรนด์ไม่ใช่การทำให้ธุรกิจชมตัวเอง แต่ต้องทำให้ลูกค้าเป็น Hero ในเรื่องราวของเขา
– เมื่อก่อนธุรกิจขายด้วย Unique Selling Points คือจุดเด่นสินค้าของแบรนด์ ปัจจุบันคือธุรกิจต้องขาย Persona หรือบุคลิกของแบรนด์
– เวลามองแบรนด์ต้องมองแบรนด์เป็นมนุษย์ เวลาจะสร้างแบรนด์ ต้องดูว่าเรามีความเชื่อ จิตวิญญาณ และเหตุผลของการมีอยู่ไหม ซึ่งธุรกิจสามารถทำให้แบรนด์เป็นมนุษย์มากขึ้นได้ด้วยการเข้าใจ Brand Archetype
ทำความรู้จักกับ Brand Archetype
– Brand Archetype คือบุคลิกของแบรนด์และเฟรมเวิร์คในการทำ Storytelling มีทั้งหมด 12 ชนิด
– หรืออย่างไปรษณีย์ไทย มี Brand Archetype คือ Companion หรือการเป็นเพื่อน และ Navigator คือสามารถนำทางได้ทุกรูปแบบ เขาต้องการส่งทุกความสัมพันธ์สู่ความสำเร็จ
– ตัวอย่างเช่น ICONSIAM มี Brand Archetype คือ Hero และ Collaborator เพราะเขาอยากให้ห้างนี้เป็นตัวแทนของประเทศไทยให้เฉิดฉายไปสู่ชาวโลก
– อีกตัวอย่างคือบางจาก มี Brand Archetype คือ Change Master และ Collaborator ที่เน้น Green Innovation และไม่ทำให้ใครเสีย
– เวลาเลือก Brand Archetype ต้องสามารถหาหยินหยางของแบรนด์ให้ได้ คือต้องหาสิ่งที่เหมือนจะแตกต่างกันแต่ส่งเสริมกันได้อย่างลงตัว
การวัดผลและเครื่องมือในการวัดผลการสร้างแบรนด์
– สิ่งสำคัญของการวัดผลคือต้องมี Data ซึ่งเราต้อง Collect the Dot และ Connect the Dot
– ตัวอย่างเรื่อง Office Syndrome ที่ไม่ใช่แค่คนวัยทำงาน แต่คนวัยเรียนเองก็มีปัญหาเรื่องนี้มากขึ้น (เรียนเยอะ ใช้ Tablet เยอะ เล่นเกมเยอะ) และคนที่เป็นคนกลุ่มที่เลิฟเกาหลีมากๆ (ยืนดูคอนเสิร์ต) ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่คนสร้างแบรนด์สามารถเอาไปใช้เป็น Guideline ในการสร้างแบรนด์ได้
– เปรียบเทียบง่ายๆ ถ้าคนสร้างแบรนด์คือเชฟขายอาหาร คนเก็บข้อมูลคือคนควานหาวัตถุดิบ
– บางธนาคารออกบัตรมาเป็นลายการ์ตูน ลายศิลปิน หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าทำไมทำแบบนั้น แต่ธนาคารกวาดข้อมูลความสนใจของคนอยู่ข้างหลังแบบเงียบๆ เพื่อดูว่าฐานลูกค้าของเขาจะสนใจเรื่องอะไร
– การวัดผลเรื่องแบรนด์คือการวัดปริมาณการพูดถึง และการวัด Sentiment (อารมณ์ของคนที่มีต่อแบรนด์) ซึ่ง Social Listening Tools ต่างๆ สามารถจับได้
3I: องค์ประกอบในการสร้างแบรนด์
– Insight: ต้องมีข้อมูล ความสนใจ ความต้องการของลูกค้า
– Intelligence: ต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการสร้างแบรนด์ รวมถึงในธุรกิจของตัวเอง
– Intuition: ต้องมีลางสังหรณ์ ซึ่งลางสังหรณ์มาจากประสบการณ์
คำแนะนำทิ้งท้ายในการทำการสร้างแบรนด์และทำการตลาดให้ประสบความสำเร็จ
– ทำ Marketing ในแบบที่ตัวเองรัก คือลองคิดว่าตัวเองเป็นลูกค้าดูว่าอยากถูกทำการตลาดด้วยแบบไหนใส่ ทำให้ตัวเองอยากเป็นลูกค้าของตัวเอง
– ถ้าอยากเรียนรู้การทำการตลาดให้ดี ให้ลองไปใช้สินค้าหรือบริการแบบ Luxury เช่นลองไปพักที่โรงแรม 5, 4, 3 ดาวดู
– Branding is what you are, marketing is what you do. สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ก่อนเลยคือคุณเป็นใคร จากนั้นถึงจะตามมาด้วยการกระทำและการพูด