Blog

ศิลปะแห่งการสร้างแบรนด์และการตลาดแห่งปี 2025

• 11 มีนาคม 2025

Share on

Share on

Content Shifu ได้มีโอกาสไปเข้าร่วมงาน The Entrepreneur Forum 2025 ที่จัดโดยลงทุนแมนมา และเนื้อหานี้คือเนื้อหาที่สรุปเนื้อหาที่สรุปมาจากหนึ่งใน Session ในงาน ซึ่ง Speaker คือคุณหนุ่ย การตลาดวันละตอน และคุณดลชัย นักกลยุทธ์การสร้างแบรนด์

แบรนด์และการตลาดคืออะไร?

– คนมักจะเข้าใจผิดว่ากำลังขายสินค้าอยู่ แต่จริงๆ ทุกธุรกิจคือต้องขายแบรนด์ด้วย ซึ่งแบรนด์คือการสร้างความรู้สึก

– การทำการตลาดคือการสร้างประสบการณ์ที่ดี เมื่อไหร่ที่ประสบการณ์สะดุด แสดงว่าการทำการตลาดนั้นๆ อาจจะไม่ดีแล้ว

อยากสร้างแบรนด์ให้เจ๋งในยุคนี้ต้องทำอย่างไร?

– การสร้างแบรนด์เป็นศิลปะไม่ใช่วิทยาศาสตร์ การสร้างแบรนด์คือการสร้างการรับรู้สุทธิของคน และสิ่งเหล่านี้จะต้องอยู่ตลอดไปให้ได้ เพราะการสร้างแบรนด์คือเรื่องระยะยาว และอยู่เหนือเหตุผลของการสร้างสินค้า

– บริษัทที่ดีที่สุดในโลก จริงๆ แล้วขายความรู้สึก ไม่ใช่ขายสินค้า ยิ่งเน้นความรู้สึกเท่าไหร่ ความสัมพันธ์ก็จะดีเท่าไหร่ เมื่อมีความสัมพันธ์ จะขายอะไรก็ง่าย

– อยากขายของให้ดี ต้องขายตามความฝันของคน คนฝันอะไร อยากได้อะไร ธุรกิจต้องสร้างแบรนด์ให้ไปตอบโจทย์สิ่งนั้น

– ยุคนี้การทำแบรนด์ไม่ใช่การทำให้ธุรกิจชมตัวเอง แต่ต้องทำให้ลูกค้าเป็น Hero ในเรื่องราวของเขา

– เมื่อก่อนธุรกิจขายด้วย Unique Selling Points คือจุดเด่นสินค้าของแบรนด์ ปัจจุบันคือธุรกิจต้องขาย Persona หรือบุคลิกของแบรนด์

– เวลามองแบรนด์ต้องมองแบรนด์เป็นมนุษย์ เวลาจะสร้างแบรนด์ ต้องดูว่าเรามีความเชื่อ จิตวิญญาณ และเหตุผลของการมีอยู่ไหม ซึ่งธุรกิจสามารถทำให้แบรนด์เป็นมนุษย์มากขึ้นได้ด้วยการเข้าใจ Brand Archetype

ทำความรู้จักกับ Brand Archetype

– Brand Archetype คือบุคลิกของแบรนด์และเฟรมเวิร์คในการทำ Storytelling มีทั้งหมด 12 ชนิด

– หรืออย่างไปรษณีย์ไทย มี Brand Archetype คือ Companion หรือการเป็นเพื่อน และ Navigator คือสามารถนำทางได้ทุกรูปแบบ เขาต้องการส่งทุกความสัมพันธ์สู่ความสำเร็จ

– ตัวอย่างเช่น ICONSIAM มี Brand Archetype คือ Hero และ Collaborator เพราะเขาอยากให้ห้างนี้เป็นตัวแทนของประเทศไทยให้เฉิดฉายไปสู่ชาวโลก

– อีกตัวอย่างคือบางจาก มี Brand Archetype คือ Change Master และ Collaborator ที่เน้น Green Innovation และไม่ทำให้ใครเสีย

– เวลาเลือก Brand Archetype ต้องสามารถหาหยินหยางของแบรนด์ให้ได้ คือต้องหาสิ่งที่เหมือนจะแตกต่างกันแต่ส่งเสริมกันได้อย่างลงตัว

การวัดผลและเครื่องมือในการวัดผลการสร้างแบรนด์

– สิ่งสำคัญของการวัดผลคือต้องมี Data ซึ่งเราต้อง Collect the Dot และ Connect the Dot

– ตัวอย่างเรื่อง Office Syndrome ที่ไม่ใช่แค่คนวัยทำงาน แต่คนวัยเรียนเองก็มีปัญหาเรื่องนี้มากขึ้น (เรียนเยอะ ใช้ Tablet เยอะ เล่นเกมเยอะ) และคนที่เป็นคนกลุ่มที่เลิฟเกาหลีมากๆ (ยืนดูคอนเสิร์ต) ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่คนสร้างแบรนด์สามารถเอาไปใช้เป็น Guideline ในการสร้างแบรนด์ได้

– เปรียบเทียบง่ายๆ ถ้าคนสร้างแบรนด์คือเชฟขายอาหาร คนเก็บข้อมูลคือคนควานหาวัตถุดิบ

– บางธนาคารออกบัตรมาเป็นลายการ์ตูน ลายศิลปิน หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าทำไมทำแบบนั้น แต่ธนาคารกวาดข้อมูลความสนใจของคนอยู่ข้างหลังแบบเงียบๆ เพื่อดูว่าฐานลูกค้าของเขาจะสนใจเรื่องอะไร

– การวัดผลเรื่องแบรนด์คือการวัดปริมาณการพูดถึง และการวัด Sentiment (อารมณ์ของคนที่มีต่อแบรนด์) ซึ่ง Social Listening Tools ต่างๆ สามารถจับได้

3I: องค์ประกอบในการสร้างแบรนด์

– Insight: ต้องมีข้อมูล ความสนใจ ความต้องการของลูกค้า

– Intelligence: ต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการสร้างแบรนด์ รวมถึงในธุรกิจของตัวเอง

– Intuition: ต้องมีลางสังหรณ์ ซึ่งลางสังหรณ์มาจากประสบการณ์

คำแนะนำทิ้งท้ายในการทำการสร้างแบรนด์และทำการตลาดให้ประสบความสำเร็จ

– ทำ Marketing ในแบบที่ตัวเองรัก คือลองคิดว่าตัวเองเป็นลูกค้าดูว่าอยากถูกทำการตลาดด้วยแบบไหนใส่ ทำให้ตัวเองอยากเป็นลูกค้าของตัวเอง

– ถ้าอยากเรียนรู้การทำการตลาดให้ดี ให้ลองไปใช้สินค้าหรือบริการแบบ Luxury เช่นลองไปพักที่โรงแรม 5, 4, 3 ดาวดู

– Branding is what you are, marketing is what you do. สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ก่อนเลยคือคุณเป็นใคร จากนั้นถึงจะตามมาด้วยการกระทำและการพูด

Share on

Bank Sitthinunt

Writer

Bank Sitthinunt

เจ้าของเว็บไซต์ Content Shifu นอกจากเรื่อง Inbound Marketing, Digital Marketing และ MarTech แล้ว ยังสนใจเรื่อง Entrepreneurship, Productivity, Self-Development และ Talent Development รวมถึงเป็นแฟนตัวยงของทีม Manchester United อีกด้วย

More From Me