พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับล่าสุดได้มีการประกาศใช้เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2560 ซึ่งเป็น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับ 2
สำหรับคนที่ต้องใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นประจำ หรือทำงานเกี่ยวกับโลกออกไลน์ต้องพึงรู้ไว้เลยค่ะ เพราะหากใช้ไม่ระวัง เราอาจจะเผลอทำผิดกฎหมายได้ วันนี้เราเลยมาฟื้นความจำอีกครั้ง มาดูกันสักหน่อยว่า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์คืออะไร และมีเรื่องอะไรที่ชาวเน็ตอย่างเราไม่ควรทำ รู้เอาไว้ เราจะได้ไม่ทำผิดค่ะ
ยาวไป อยากเลือกอ่าน? (TL;DR)
- พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คืออะไร
- กรณีศึกษา: การทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
- 8 เรื่องที่ห้ามทำ ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
- 1. เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ชอบ (มาตรา 5-8)
- 2. แก้ไข ดัดแปลง หรือทำให้ข้อมูลผู้อื่นเสียหาย (มาตรา 9-10)
- 3. ส่งข้อมูลหรืออีเมลก่อกวนผู้อื่น หรือส่งอีเมลสแปม (มาตรา 11)
- 4. เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลทางด้านความมั่นคงโดยมิชอบ (มาตรา 12)
- 5. จำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งเพื่อนำไปใช้กระทำความผิด (มาตรา 13)
- 6. นำข้อมูลที่ผิดพ.ร.บ.เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ (มาตรา 14)
- 7. ให้ความร่วมมือ ยินยอม รู้เห็นเป็นใจกับผู้ร่วมกระทำความผิด (มาตรา 15)
- 8. ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงภาพ (มาตรา 16)
- สรุป
- ตาคุณแล้ว
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คืออะไร
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าค่ะว่า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่กำลังจะพูดถึงนี้คืออะไร
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก็คือพระราชบัญญัติที่ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ค่ะ ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่ว่านี้ก็เป็นได้ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค สมาร์ตโฟน รวมถึงระบบต่างๆ ที่ถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ด้วย ซึ่งเป็นพ.ร.บ.ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อป้องกัน ควบคุมการกระทำผิดที่จะเกิดขึ้นได้จากการใช้คอมพิวเตอร์ หากใครกระทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นี้ ก็จะต้องได้รับการลงโทษตามที่พ.ร.บ.กำหนดไว้ค่ะ
ปัจจุบันมีคนใช้คอมพิวเตอร์ รวมถึงสมาร์ตโฟนเป็นจำนวนมาก บางคนก็อาจจะใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ แต่บางคนก็อาจใช้สิ่งนี้ทำร้ายคนอื่นในทางอ้อมด้วยก็ได้
เราอาจจะได้ยินข่าวเรื่องการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์อยู่บ้าง ซึ่งบางเหตุการณ์ก็สร้างความเสียหายไม่น้อยเลย เพื่อจัดการกับเรื่องพวกนี้ เลยต้องมีพ.ร.บ.ออกมาควบคุม ในเมื่อการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเรื่องใกล้ตัวเรา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ก็เป็นเรื่องใกล้ตัวเราเช่นกันค่ะ หากเราไม่รู้เอาไว้ เราอาจจะเผลอไปทำผิด โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจก็ได้
กรณีศึกษา: การทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
หลังจากมีการประกาศใช้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับที่ 2 ก็มีเคสที่เข้าข่ายกระทำความผิดพ.ร.บ.ออกมาให้เห็นกันบ้างค่ะ เพื่อสร้างความเข้าใจมากขึ้น เราเลยขอยกตัวอย่างเคสที่อาจผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาให้อ่านกันค่ะ
เคสแรก เป็นเคสที่ออกข่าวอย่างโด่งดังเช่นกัน เป็นกรณีที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งถ่ายรูปตึกที่มีลักษณะเอนๆ พร้อมโพสต์ข้อความประมาณว่า ตึกทรุดตัว ลงบนเฟสบุ๊ค เลยทำให้เกิดเป็นประเด็นที่หลายเอาตกอกตกใจไปกันใหญ่ แต่ต่อมาก็มีการเปิดเผยว่า ตึกที่เห็นนั้นเป็นเพียงดีไซน์ของตึกที่ตั้งใจจะให้เอนแบบนั้นอยู่แล้ว เลยทำให้เจ้าของโพสต์ถูกตำรวจเรียกสอบสวน เพราะเข้าข่ายความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14 (2) นำข้อความเท็จเข้าระบบคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จก่อให้เกิดความตื่นตระหนก
อีกกรณีหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ก็สามารถช่วยคุ้มครองผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์หรืออินเตอร์เน็ตได้ด้วย อย่างเช่นกรณีคดีของคุณบริบูรณ์ เกียงวรางกูล ที่ถูกตั้งข้อหาหมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) จากการโพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ตำรวจเข้าค้นบ้าน โดยอ้างอำนาจตาม มาตรา 44
ซึ่งคุณบริบูรณ์ได้ยื่นหนังสือร้องความเป็นธรรมต่อศาลว่า ปัจจุบันได้มีการใช้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 แล้ว โดยพ.ร.บ.ดังกล่าวได้ยกเลิกข้อความใน มาตรา 14 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับเดิม และบัญญัติใหม่ไว้ว่า ห้ามมิให้นำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้ลงโทษกับการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา จึงขอให้อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ผลก็คือ อัยการศาลจังหวัดราชบุรีมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีบริบูรณ์ในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
เราก็จะเริ่มเห็นว่า ได้เริ่มมีการใช้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กันอย่างจริงจัง และมีการปรับใช้ให้ตรงตามพ.ร.บ.ที่แก้ไข ไม่ใช่แค่จับกุมผู้ทำผิด แต่ยังคุ้มครองผู้ที่ไม่มีความผิดในพ.ร.บ.ฉบับที่ 2 แล้ว
8 เรื่องที่ห้ามทำ ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
เรามาดูกันต่อกันค่ะว่า แล้วข้อห้ามสำคัญ ที่ชาวเน็ต หรือคนทำงานออนไลน์อย่างพวกเราไม่ควรทำจะมีอะไรบ้าง
1. เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ชอบ (มาตรา 5-8)
หากเข้าไปเจาะข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ของคนอื่น โดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้อนุญาต (ละเมิด Privacy) หรือในเคสที่เรารู้จักกันดีก็คือ การปล่อยไวรัส มัลแวร์เข้าคอมพิวเตอร์คนอื่น เพื่อเจาะข้อมูลบางอย่าง หรือพวกแฮคเกอร์ ที่เข้าไปขโมยข้อมูลของคนอื่นก็มีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ค่ะ
บทลงโทษ
- เข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์: จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- เข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์: จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์และนำไปเปิดเผย: จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ดักรับข้อมูลคอมพิวเตอร์: จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. แก้ไข ดัดแปลง หรือทำให้ข้อมูลผู้อื่นเสียหาย (มาตรา 9-10)
ในข้อนี้จะรวมหมายถึงการทำให้ข้อมูลเสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมข้อมูลของผู้อื่นโดยมิชอบ หรือจะเป็นในกรณีที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อย่างเช่น กรณีของกลุ่มคนที่ไม่ชอบใจกับการกระทำของอีกฝ่าย แล้วต่อต้านด้วยการเข้าไปขัดขวาง ทำร้ายระบบเว็บไซต์ของฝ่ายตรงข้าม ให้บุคคลอื่นๆ ใช้งานไม่ได้ ก็มีความผิดค่ะ
บทลงโทษ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. ส่งข้อมูลหรืออีเมลก่อกวนผู้อื่น หรือส่งอีเมลสแปม (มาตรา 11)
ข้อนี้ก็เข้ากับประเด็นพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ หรือนักการตลาดที่ส่งอีเมลขายของที่ลูกค้าไม่ยินดีที่จะรับ หรือที่รู้จักกันว่า อีเมลสแปม หรือแม้แต่การฝากร้านตาม Facebook กับ IG ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ และยังรวมถึงคนที่ขโมย Database ลูกค้าจากคนอื่น แล้วส่งอีเมลขายของตัวเองค่ะ
บทลงโทษ
ถ้าส่งโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มา ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และถ้าส่งโดยไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธตอบรับได้โดยงาน ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หรือหากอยากทราบเทคนิคการขายบนโลกออนไลน์ที่แตกต่างและได้ผล ลองดูบทความทิ้งเทคนิคการขายแบบเดิมๆ เริ่มต้นวิธีใหม่ๆ และทำกำไร 1 ล้านใน 24 ชั่วโมง
4. เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลทางด้านความมั่นคงโดยมิชอบ (มาตรา 12)
โพสต์เกี่ยวกับเรื่องการเมืองที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายหรือความมั่นคงต่อประเทศ หรือโพสต์ที่เป็นการก่อกวน หรือการก่อการร้ายขึ้น ก็มีความผิดค่ะ เพราะมาตรา 12 ได้บอกไว้ว่าการเข้าถึงระบบหรือข้อมูลทางด้านความมั่งคงโดยมิชอบ หรือการโพสต์ข้อความในโลกออนไลน์ที่เข่าข่ายข้อมูลเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือทำให้ประชาชนเกิดอาการตื่นตระหนก และล่วงรู้ถึงมาตรการการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์และนำไปเปิดเผย
บทลงโทษ
- กรณีไม่เกิดความเสียหาย: จำคุก 1-7 ปี และปรับ 2 หมื่น – 1.4 แสนบาท
- กรณีเกิดความเสียหาย: จำคุก 1-10 ปี และปรับ 2 หมื่น – 2 แสนบาท
- กรณีเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย: จำคุก 5-20 ปี และปรับ 1 แสน – 4 แสนบาท
5. จำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งเพื่อนำไปใช้กระทำความผิด (มาตรา 13)
- กรณีทำเพื่อเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ตามมาตรา 5-11 (หรือข้อ 1-3 ในบทความนี้) ต้องจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีผู้นำไปใช้กระทำความผิด ผู้จำหน่ายหรือผู้เผยแพร่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วย
- กรณีทำเพื่อเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ มาตรา 12 ต้องจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีผู้นำไปใช้กระทำความผิด ผู้จำหน่ายหรือผู้เผยแพร่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วย
6. นำข้อมูลที่ผิดพ.ร.บ.เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ (มาตรา 14)
ในความผิดมาตรา 14 จะระบุโทษการนำข้อมูลที่เปิดพ.ร.บ.เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ข้อความผิดด้วยกันคือ
- โพสต์ข้อมูลปลอม ทุจริต หลอกลวง (อย่างเช่น ข่าวปลอม โฆษณาธุรกิจลูกโซ่ที่หลอกลวงเอาเงินลูกค้า และไม่มีการส่งมอบของให้จริงๆ เป็นต้น)
- โพสต์ข้อมูลความผิดเกี่ยวกับความมั่งคงปลอดภัย
- โพสต์ข้อมูลความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ก่อการร้าย
- โพสต์ข้อมูลลามก ที่ประชาชนเข้าถึงได้
- เผยแพร่ ส่งต่อข้อมูล ที่รู้แล้วว่าผิด (อย่างเช่น กด Share ข้อมูลที่มีเนื้อหาเข้าข่ายความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ก็มีความผิดค่ะ )
บทลงโทษ
หากเป็นการกระทำที่ส่งผลถึงประชาชน ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นกรณีที่เป็นการกระทำที่ส่งผลต่อบุคลใดบุคคลหนึ่ง ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (แต่ในกรณีอย่างหลังนี้สามารถยอมความกันได้)
7. ให้ความร่วมมือ ยินยอม รู้เห็นเป็นใจกับผู้ร่วมกระทำความผิด (มาตรา 15)
กรณีนี้ถ้าเทียบให้เห็นภาพชัดๆ ก็เช่น เพจต่างๆ ที่เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็น แล้วมีความคิดเห็นที่มีเนื้อหาผิดกฎหมายก็มีความผิดค่ะ แต่ถ้าหากแอดมินเพจตรวจสอบแล้วพบเจอ และลบออก จะถือว่าเป็นผู้ที่พ้นความผิด
บทลงโทษ
แต่ถ้าไม่ยอมลบออกต้องได้รับโทษ ถือว่าเป็นผู้กระทำความผิดตามมาตร 14 ต้องได้รับโทษเช่นเดียวกันผู้โพสต์ หรือแสดงความคิดเห็นทางออนไลน์ แต่ถ้าผู้ดูแลระบบพิสูจน์ได้ว่า ตนได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการแจ้งเตือนแล้วไม่ต้องรับโทษ
8. ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงภาพ (มาตรา 16)
ความผิดข้อนี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเด็นหลักคือ
• การโพสต์ภาพของผู้อื่นที่เกิดจากการสร้าง ตัดต่อ หรือดัดแปลง ที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อย่างเช่นกรณีที่เอาภาพดาราไปตัดต่อ และตกแต่งเรื่องขึ้นมา จนทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย ก็ถือว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ค่ะ
• การโพสต์ภาพผู้เสียชีวิต หากเป็นการโพสต์ที่ทำให้บิดามารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย
บทลงโทษ
หากทำผิดตามนี้ ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท
ส่วนใครที่อยากอ่าน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 หรือฉบับที่ 2 ต่อเพิ่มเติม สามารถอ่านฉบับเต็มได้ที่เว็บไซต์ทางการนี้เลยค่ะ
สรุป
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 หรือฉบับที่ 2 ปัจจุบันมีผลบังคับใช้แล้ว ถ้าเราเป็นคนหนึ่งที่คลุกคลีกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ หรืออินเตอร์เน็ต ก็ควรจะรู้เกี่ยวกับพ.ร.บ.นี้ไว้ค่ะ เพราะเราจะได้ไม่เผลอไปทำความผิด อย่างน้อยๆ ต้องระวัง 8 ประเด็นที่เราได้เขียนเอาไว้เลยค่ะ อีกทั้งการมีพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ขึ้นมา ก็ถือว่าเป็นการควบคุมการใช้งานคอมพิวเตอร์ในระดับหนึ่ง และในทางหนึ่งก็ช่วยคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้งานด้วย
ตาคุณแล้ว
คราวนี้ก็ถึงเวลามาทบทวนประเด็นที่เราไม่ควรทำเวลาใช้งานคอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต แม้เราจะไม่มีเจตนาจะก่อความผิดอะไร แต่บางทีด้วยความที่ไม่รู้ก็อาจทำให้เราลงมือกระทำความผิดไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้ ดังนั้น รู้เอาไว้ไม่เสียหาย เพื่อจะได้ไม่มีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ค่ะ
มาตรา 14
– 3 ปี หรือ 6หมื่น หรือเปล่าครับ
กรณีผมแชท line กับแฟน ไม่ได้ใช้ LINE PC แต่คุยเรื่อง เกี่ยวกับ ข้อมูลส่วนตัว รวมทั้ง เกี่ยวกับการโอนเงิน ในกรณีที่ แฟนผมลบไลน์ไป เขาบอกว่า มีคนแฮก แต่เขากลับลบไลน์ออกไป บอกว่าเข้าไม่ได้ เปลี่ยนไลน์ใหม่
เเล้วไม่มีข้อมูลที่คุยกันไว้ แต่มีที่ผมฝ่ายเดียว เราจะสามารถนำหลักฐานที่ผมมีแจ้งได้ไหมเพราะตอนนร้ผใรู้ความจริงว่าเขาคบคนอื่นแล้วเงินที่เขาคุยทางไลน์กับผมหลักฐานจะสามารถใช้ได้ไหมหากมีเเค่ทางผม
การที่เรานำข้อมูลที่เป็นความจริงไปโพสต์ซึ่งไม่ได้ปกปิดใบหน้า และไม่ได้ตัดต่อ ไม่ได้ลงชื่อ แล้วทางคนที่โดนโพสต์ไปแจ้งความเอาผิดในเรื่องที่เขาได้รับความอาย เราจะมีความผิดถึงขั้นจำคุกแบะปรับหรือไม่
ขออนุญาตนำบทความไปใส่ในโปรเจ็คนะครับ จะเอาเนื้อหาในบทความใส่ในแอพเกี่ยวกับ พรบ.คอมฯ60 เพื่อใช้เป็นสื่อในการเรียนการสอนครับ ขอบคุณครับ
กรณี เข้าไปในระบบผู้อื่น แล้วนำมาเพยแพร่ เรื่องการเงิน บทลงโทษ
ผมโดนแฮ๊กข้อมูล และโดนปลอมเฟสขึ้นมาใหม่ ทำให้ผมเสียหายเสียชื่อเสียงและอับอาย ผมจะทำอย่างไรดีคับ และผมจะมีความผิดมั้ยครับ
ออกจากงานถูกต้อง แต่โดนบริษัทโพสพ้นสภาพอ่านแล้วสื่นว่สเหมือน ฉ่อโกง คนเข้าใจผิดหมดเลย เสียหายมากแบบนี้เราฟ้องได้มั้ยคะ
ผมโดนขู่จะยิง เน็ตผม
เขาไม่ยอมคืนเงินผม15W และด่าผมด้วย เขามีแอพยิงเน็ตไว้ครอบครอง
ขออนุญาตคัดลอกบทความไปประกอบการนำเสนอหน้าชั้นเรียนนะครับ ขอบคุณมากครับ
มีคนโพสภาพประจานว่าหนีหนี้ทั้งที่เราย้ายที่ทำงานและยังส่งดอกร้อยละ20อยู่เขาเห็นเราย้ายจะเอาคืนทั้งหมดไปรบกวนคนแก่ที่บ้านด้วยลงรูปลงคำพูด เขาผิดไหมคะ
พอดีเมื่อหายปีก่อนเคยสมัครเว็ปหาคู่หาแฟนเว็ปนึง ซึ่งมีข้อมูลไลน์เบอร์โทรและเฟ้ค ต้องจะลบบัญชีออกจากระบบเว็ปนั่นแต่ทำไม่ได้ ควรทำยังดีครับ พยามแจ้งคนดูแลเว็ปติดต่อไม่ได้เลย ชื่อบัญชี yuui999
ถ้าโดนคนอื่นโพสให้ร้ายด่าเราแล้วเอ่ยชื่อเล่นและชื่อจริงเรา อย่างนี้เรียกผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์รึป่าว
มีคนเอารูปเราไปโพสต์ลงโซเชียลแล้วใช้คำพูดว่ากล่าวเสียหาย แจ้งความกลับได้ป่าวคะ
ใช่ค่ะ อยากรู้เหมือนกัน
คือ มีเพื่อนคนนึงลอกข้อสอบ แล้วเพื่อนก็ถ่ายรูปแล้วนำไปเผยแพร่ต่อๆกันนี่เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ไหม
แต่ไม่มีการดัดแปลงเลย
มีคนนำรูปภาพไปโฟสและประจานทางเสียๆๆหายๆๆ
ค่ะต้องทำไงค่ะแจ้งความเลยได้ไหมค่ะ
ขอเรียนถามครับ คือว่าผมโดน ถูกลูกน้องโพสทำนองทำนองดูหมิ่น เหยียดหยาม ให้เพื่อนที่ติดตามเข้าใจผิด ว่าเราดูถูกเค้า เพราะเราเป็นหัวหน้าเค้าบางทีก็คุยเล่นกับเค้าบ้าง แต่การปฏิบัติของเค้าบกพร่องต่อหน้าที่บางทีเราแค่ยกเป็นเาื่องตัวอย่างให้คนอื่นรับทราบเท่านั้นไม่คิดจะลงโทษอะไรให้เพียงแค่แก้ไขปรับปรุงตัวเอง แต่เขาก็โพสไลน์กลับท้าทายให้ลงโทษแต่ผมก็เงียบไม่โต้ตอบ แต่ทำประวัติไว้เฉยๆ และประมาณ20วันต่อมาพนักงานคนดังกล่าวก็ได้ทำผิดอีก ผมก็ได้ไลน์แจ้งให้ไปแก้ไขงานและก็ไม่ว่าอะไร แต่สังเกตพฤติกรรมพนักงานหน้าซีดกลัวจะโดนความผิดเพราะตัวเองเคยท้าทายหัวหน้าเอาไว้ แต่ผมก็เฉยๆไว้ก่อน ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาพนักงานคนนั้นก็จะไม่ค่อยพูดจาแบบสมัยสนุกสนานแบบแต่ก่อน ผมก็ไม่สนใจอะไรจนกระทั่งเดือนต่อมาผู้บริหารระดับสูง ได้ติเตีียนการทำงานของทั้งแผนกฯโดยรวมช่วงเช้า และช่วงเย็นผมก็ได้เรียกประชุมโดยรวมทั้งแผนกฯแต่บังเอิญเหลือเกินในช่วงสายๆของวันนั้นหลังจากที่ผมเลิกประชุมกับหัวหน้าฝ่ายต่างๆแล้ว ได้เดินไปเข้าห้องน้ำที่ล็อบบี้ของที่ทำงานได้พบว่าชักโครคทั้งห้องน้ำชายและหญิงสกปรกมีคราบน้ำปัสสาวะไม่ได้กด และอุจจาระของแขกในชักโครคผมก็ถ่ายรูปเอาไว้เพื่อจะได้ยกเป็นตัวอย่างสอนงานแก่พนักงานใหม่ และพอถึงเวลาประชุมแค่ผมเปิดรูปให้ดู และอธิบายยังไม่ทันจบพนักงานคนนั้นก็พูดสวนแบบอารมณ์ไม่ดีอาการขึงขัง ทำให้ผมก็อารมณ์เสียชั่ววูปเหมือนกันที่ไม่ให้เกียรติให้อธิบายให้จบเสียก่อน ก็เลยพูดสวนกลับไปในทำนองถ้าไม่พอใจงานที่ตนเองทำอยู่ก็ขอความกรุณาช่วยผมหน่อยคือช่วยไปเซ็นใบลาออกให้ด้วย แล้วไปอยู่ในสถานที่ที่หัวหน้าเอาอกเอาใจ อุ้มเราทำงาน แล้วเขาก็เงียบและแสดงอาการไม่พอใจ นั่งฟังผมประชุมกับพนักงานคนอื่นๆจนเสร็จ แล้วก็เลิกประชุม หลังจากกลับบ้านแล้วก่อนสี่ทุ่มกำลังจะเข้านอนพอดีกำลังจะเข้านอนพอดีมีโพสของพนักงานคนนี้เด้งออกมามีข้อความว่า”ทำตัวเป็นเจ้าพ่อ ซักวันจะเป็น(ด๊อกตัวหนึ่ง)ปากกับใจตรงกันหน่อย” แล้วก็มีเพื่อนๆของเค้า7-13คนแสดงความคิดเห็นไปต่างๆนาๆในแง่ลบหมด(ที่ผมได้อ่านโพสนี้เพราะลูกน้องอีกคนเป็นเพื่อนกับเค้าแล้วกดถูกใจเพื่อให้ผมได้อ่านเพราะน้องคนนี้ได้เป็นเพื่อนกับผม)ผมก็ได้แชร์กลับแบบอารมณ์ช้่ววูบว่า”ถ้าหมายถึงผม ก็ขอขอบคุณอย่างมากๆและดีใจอย่างมากๆที่ได้รู้จักธาตุแท้ของลูกน้องที่ได้ห้อยปริญญาอย่างคุณ”ซักพักก็ได้รับแจ้งจากเฟสบุ๊คว่าการแชร์โพสนี้ไม่สามารถอ่านได้ และมีผู้อ่านได้เพียงตัวเค้าเพื่อนผมแค่สองคนเท่านั้นที่ได้กดถูกใจแล้วผมก็ลบข้อความที่แชร์ทิ้ง ซักพักเค้าก็ลบข้อความทิ้ง แล้วก็โพสทำนองต่อวว่าผมอีกสองสามครั้ง แต่ผมก็ไม่โต้ตอบ และก็ได้ถ่ายคำโพสเหล่านั้น และคำแสดงความคิดเห็นของเพื่อนเค้าไว้ทั้งหมดครับ ขอถามครับว่า ข้อความที่เค้าโพสต่อว่าผมและคำแสดงความคิดเห็นทั้งหมดของเค้าและเพื่อนๆของเค้า ผมสามารถไปแจ้งความและดำเนินข้อหมิ่นประมาทได้มั๊ยครับ
ขออนุญาติ นำบทความมาประกอบในงานวิจัยบทที่2 นะครับ
ผมแจ้งครับมีคนนำข้อมูลหลอกหลวงมาทำเพจครับโอนเงินไปแล้วไม่ยอมส่งรายำการให้คับ
ข้อมูลดีมากๆเลยค่ะขออนุญาตใช้พิมพ์ลงพิวเจอร์บอร์ดจัดแสดงในหน่วยงานนะค่ะ
ขออนุญาตตอบแทนคุณนุชผู้เขียนนะคะ
ยินดีค่ะ ดีใจที่บทความของเว็บเราเป็นประโยชน์นะคะ
[…] […]
[…] […]