คุณมีไอเดียที่คิดว่าคนน่าจะชอบ แต่คุณก็ยังไม่อยากเสี่ยงที่จะลงทุนก็จะแน่ใจว่าจะมีคนมาซื้อของๆ คุณ

สิ่งที่คุณต้องการ คือการทดสอบตลาดว่ากลุ่มเป้าหมายจะจ่ายเงินจริงๆ หรือไม่โดยที่ยังไม่ได้พัฒนา product หรือแค่ต้องการหาเหตุผลให้เพื่อนคุณสนับสนุนโปรเจกต์ที่คุณทำอยู่

….Crowdfunding อาจเป็นคำตอบสำหรับธุรกิจของคุณ

Crowdfunding คือการระดมทุนโดยตรงกับคนทั่วไปที่ไม่ใช่ VC (Venture Capital) ไม่ใช่ธนาคาร และไม่ใช่การขอยืมเงินเพื่อนหรือที่บ้าน และที่ดีกว่าคือคุณไม่ต้องเสียหุ้นไม่ต้องจ่ายค่าดอกเบี้ย

Shifu แนะนำ
ถึงแม้ว่าประสบการณ์ของ Mike กับการ Raise Funding บน Kickstarter นั้นจะใช้กับตลาดไทยไม่ได้โดยตรง (เพราะ Kickstarter ไม่เปิดให้คนไทย/บริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย Raise Fund ผ่าน Platform ของพวกเขา) แต่พวกเราคิดว่าภายใต้เรื่องราวที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องในบทความนี้นั้น แฝงไปด้วยบทเรียนเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การทำการตลาดหลายๆ อย่างที่คุณสามารถเอาไปปรับใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็น Startup, SME หรือเป็นพ่อค้าแม่ขายก็ตาม

ถ้าพร้อมแล้ว เลื่อนลงไปอ่านวิธีการที่คุณ Mike ขอเงินทุนผ่าน Crowdfunding Platform ได้เลย : )

แบงค์

ป.ล. 1 ถ้าใจคุณกระหายที่จะ Raise Fund ผ่านการทำ Crowdfunding และคุณอยากจะทำมันในระดับ Global Scale ผมแนะนำให้คุณลองไปดู Indiegogo ครับ เพราะ Startup สาย Hardware ของไทยอย่าง Drivebot ก็เคยเข้าไประดมทุนที่นี่ได้เป็นหลักล้านบาทมาแล้ว

ป.ล. 2 ถ้าคุณคิดระดับ Global Scale นั้นมันใหญ่เกินไป หรือสินค้าของคุณไม่ได้เหมาะกับต่างชาติสักเท่าไหร่ ผมแนะนำให้ลองไปดู Crowdfunding Platform ของไทยครับ มีอยู่หลายเจ้าเลย ที่ผมรู้จักก็จะมี Dreamaker, Asiola, Ruckdee, Meefund, Sinwattana และ Afterword แต่จะเจ้าก็จะมีจุดที่โฟกัสต่างกันไป ลองศึกษาเพิ่มเติมดูนะครับ

คำถามคือแล้วทำไมคนทั่วไปที่ไม่รู้จักคุณต้องมาช่วยคุณด้วย?

คนทั่วไปอาจบริจาคให้โปรเจกต์ที่คุณทำถ้ามันน่าสนใจตรงกับสิ่งที่เขาศรัทธา หรือถ้าเกิดขึ้นแล้วจะส่งผลดีต่อโลกต่อสังคม ถ้าไม่ใช่โปรเจกต์การกุศล คุณอาจได้เงินบริจาคมาบ้าง แต่คงไม่เพียงพอ ดังนั้นคุณต้องนำเสนอรางวัล หรือสิทธิประโยชน์ที่คนที่สนใจระดมทุนให้กับโปรเจกต์ของคุณ อาจจะเริ่มจากการมีรายชื่อคนสนับสนุนบนเว็บไซต์ ไปจนถึงของที่ระลึก หรือส่วนลดสำหรับสินค้า หรือบริการที่คล้ายๆ pre-order และให้ส่วนลด

ผมมีประสบการณ์ในการทำ crowdfunding แคมเปญสายแฟชั่น และระดมทุนได้กว่า 16,000 USD หรือกว่า 500,000 บาท บน Kickstarter ซึ่งเป็น crowdfunding platform ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

สำหรับทำสตาร์ทอัพด้านแฟชั่นในอเมริกา โปรเจกต์ส่วนใหญ่บน Kickstarter นั้นล้มเหลวในการระดมทุน

วันนี้ผมจะมาแชร์เทคนิคที่คงจะดีมากถ้าผมรู้ก่อนคิดจะทำ 

ก่อนอื่นมาดูกันว่าคุณควรทำ Crowdfunding สำหรับไอเดียนี้หรือเปล่า?

ถ้าไอเดียของคุณต้องการเงินลงทุนจำนวนมากแต่ยังเร็วเกินไปที่จะไปคุยกับ VC (Venture Capital) ถ้าคุณทำ market validation มาแล้วระดับนึงรู้สึกมั่นใจว่ากลุ่มเป้าหมายน่าจะซื้อ เลยอยากทดลองดูว่ากลุ่มเป้าหมายจะจ่ายเงินจริงหรือไม่ ถ้าคุณอยากขาย pre-order ให้กับเพื่อน และคนรู้จัก หรือถ้าคุณอยากได้ story มาทำให้สตาร์ทอัพคุณน่าสนใจน่าเชื่อถือขึ้น crowdfunding ช่วยได้

อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคิดคือ ใครคือกลุ่มเป้าหมายของคุณ Crowdfunding เป็นคอนเซปต์ที่ค่อนข้างใหม่ โดยเฉพาะกับคนไทย ดังนั้นถ้ากลุ่มเป้าหมายคุณไม่ใช่คนที่สนใจด้านเทคโนโลยี crowdfunding อาจไม่ใช่วิธีที่เหมาะสม

สิ่งที่คุณจะได้จากการทำ crowfunding ถ้าประสบความสำเร็จคือ ไม่ใช่แค่เงิน ลูกค้า และ story แต่คือลูกค้าที่เชื่อ และชื่นชอบในสิ่งที่คุณจะทำจริงๆ จนยอมเสี่ยงให้เงินคุณก่อน product จะทำเสร็จ และ community ของคนที่สนใจในเรื่องนั้น ซึ่งเป็นสิ่งมีค่ามาก

แล้วต้นทุนในการทำ Crowdfunding มีอะไรบ้าง?

คุณต้องเสียค่า fee ให้กับ platform ที่คุณเลือก เช่น Kickstarter เก็บ 7-8% ของเงินที่คุณระดมได้ ถ้าไม่ถึงเป้า ก็ไม่เสีย

สองคือค่าการตลาดในการพรีเซนต์ไอเดียของคุณผ่านการทำวีดีโอ รูปถ่าย และคอนเทนต์

สามคือเวลา เวลาที่คุณต้องใช้ในการวางแผน ในการทำสิ่งที่จะมาโชว์คนที่สนใจ และเวลาในการทำ marketing โปรโมทแคมเปญของคุณ ซึ่งถ้าคุณต้องการให้ได้ผลจริงๆ คุณอาจต้องเตรียมตัวอย่างน้อย 3 เดือน และอีก 1 เดือนสำหรับการ run แคมเปญ

หัวใจของการทำการตลาด Crowdfunding คืออะไร?

หนึ่งคือ ระบุกลุ่มเป้าหมาย คนประเภทไหนที่เขาจะสนใจไอเดียของคุณ คนประเภทไหนที่เขาพอจะเข้าใจและสนใจ crowdfunding กลุ่มคนที่สนใจในไอเดียของคุณ และสนใจใน crowdfunding คือกลุ่มเป้าหมายที่ทรงพลังที่สุด

สองคือ หาวิธีให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ และสนใจแคมเปญ

สามคือ ทำอย่างไรให้คนที่เห็นแคมเปญแล้วสนับสนุน

ข้อแรกนั้นขึ้นกับไอเดีย ค่อนข้างตรงไปตรงมา ผมจะไม่พูดถึงในที่นี้

ในส่วนข้อสองนั้น วิธีที่คนจะเห็นแคมเปญเรานั้นได้แก่ ง่ายสุดคือเพื่อนเราแชร์แคมเปญบนโซเชียลมีเดีย กลุ่มเป้าหมายเห็นจากอีเมล จากสื่อต่างๆ จากเว็บไซต์หรือบล็อกที่เขาอ่าน และจากโซเชียลมีเดียที่คุณจ่ายเงินลงโฆษณา

อีกหนึ่งช่องทางที่สำคัญคือ หน้าหลักของเวบไซต์ crowdfunding ที่เราใช้ crowdfunding platform ชั้นนำ เช่น Kickstarter มีสาวกจำนวนมากที่ชื่นชอบในคอนเซปต์ และมีความสุขกับการสนับสนุนโปรเจกต์บน Kickstarter คนกลุ่มนิ้มองหาไอเดียใหม่ๆที่พวกเขาสนใจเพื่อจะลงทุน และได้รับสินค้าหรือบริการมาใช้ การที่โปรเจกต์ของคุณได้รับการเลือกให้อยู่บนหน้าแรกของ Kickstarter ช่วย drive traffic มาที่หน้าโปรเจกต์ของคุณได้มหาศาล และไม่ใช่ผู้ใช้ทั่วไป แต่คือผู้ใช้ที่มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนโปรเจกต์ crowdfunding

ส่วน Google และ Adwords นั้นเป็นสิ่งที่ใช้เวลาและไม่เจาะจงกลุ่มเป้าหมาย ไม่ค่อยเหมาะกับ crowdfunding นัก

แล้วแคมเปญที่ดีควรเป็นอย่างไร?

หลังจากที่มีไอเดีย และตัดสินใจที่จะทำ Crowdfunding แล้ว คุณควรจะใช้เวลาในการดีไซน์รายละเอียด crowdfunding แคมเปญ เพราะหลังจากเปิดตัวบน Platform ไปแล้ว รายละเอียดหลายอย่างไม่สามารถแก้ไขได้

1. เป้าหมายระดมทุน

คำแนะนำของผมคือตั้งไว้ให้ต่ำที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ จำนวนคนที่อยากสนับสนุนโปรเจกต์ที่ระดมทุนสำเร็จแน่นอนมีมากกว่าจำนวนคนที่อยากสนับสนุนโปรเจกต์ที่ 70% หรือ 80% จากเป้าหมาย เวลาคนเห็นว่าโปรเจกต์นี้ระดมทุนสำเร็จ 150% เขาย่อมอยากเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ที่ชนะ อีกเหตุผลหนึ่งคือ % ต่อเป้าหมายเป็นหนึ่งใน algorithm ของ crowdfunding platform ชั้นนำ เช่น Kickstarter ที่ใช้ดูว่าโปรเจกต์นี้ฮิตหรือเปล่าควรจะเป็นโปรเจกต์แนะนำหรือเปล่า นอกจากนี้จากประสบการณ์ผม ต่อให้คุณมั่นใจว่าเพื่อนญาติ และคนรู้จักจะช่วยทั้งหมด N คน คิดเป็นเงิน Z บาท ผมแนะนำให้หารสอง หรือหารสาม คนรู้จักคุณย่อมอยากช่วยคุณอยู่แล้ว แต่การจะสนับสนุนคุณบน crowdfunding platform นั้น เขาต้องคลิกหลายคลิก ต้องสมัครสมาชิก ต้องใส่ข้อมูลบัตรเครดิต ซึ่งต้องใช้เวลา และความพยายาม

2. ระยะเวลา

ช่วงที่คุณ run แคมเปญเป็นช่วงที่คุณจะเหนื่อยมากๆ และช่วงเวลาที่คนจะสนับสนุนแคมเปญส่วนมากคือสามวันแรกและหนึ่งอาทิตย์สุดท้าย เพราะเป็นช่วงที่มี sense of urgency คำแนะนำของผมระยะเวลาในการ run Campaign ควรอยู่ที่ประมาณ 3-4 อาทิตย์

3. รางวัล

    1. คำแนะนำของผมคือมีรางวัลขั้นต่ำ 2 USD สำหรับคนที่อยากช่วยบริจาคอย่างเดียว เพราะจำนวนคนที่สนับสนุนโปรเจกต์เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ Kickstarter ใช้ดูว่าโปรเจกต์ของคุณน่าสนใจขนาดไหน และยังเป็นผลลัพธ์ที่คุณสามารถเอาไปโฆษณาได้
    2. รางวัลแต่ละประเภทต้องชัดเจนว่าพิเศษยังไง ทำไมถึงควรสนับสนุนตอนนี้ ไม่ควรรอให้คุณทำ product ให้เสร็จก่อน
    3. จำนวนประเภทของรางวัลก็ไม่ควรเยอะเกินไปจนคนอ่านงงและต้องคิดเยอะ

4. เนื้อหาบนหน้าแคมเปญ

    1. ควรทำให้สวย ดู professional และอ่านง่าย แบ่งเป็นหัวข้อ และใช้ graphic เข้ามาช่วย เพราะคนจำนวนไม่น้อยจะ scroll ผ่านอย่างรวดเร็ว
    2. ย่อหน้าแรกนั้นสำคัญมากต้องเขียนให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และน่าสนใจที่สุด
    3. ใส่ call to action ไว้หลายๆ จุดก็อาจช่วยกระตุ้นให้คนอ่านสนับสนุนแคมเปญได้
    4. มี social proof เพราะการสนับสนุนโปรเจกที่ทำโดยใครก็ไม่รู้ และเป็นแค่ไอเดียนั้นเสี่ยงอยู่แล้ว การมีโลโก้ของ media มี quote ของ influencers จะช่วยได้มาก

5. วีดีโอ

สำคัญมาก อาจจะมากที่สุดด้วย ต้องยอมลงทุน ต้องทำให้ดี ให้น่าเชื่อถือ น่าซื้อ พอดูจบต้องทำให้คนดูรู้สึกว่าอยากได้ product หรือ service นี้ มันตอบโจทย์ฉัน

ควรทำอะไรบ้างก่อน Launch

1. สร้างเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับไอเดียของคุณเพื่อเป็น url ที่คุณใช้โปรโมทช่วงก่อน launch ตัวเว็บนั้นควรจะดูดี เพราะนี่คือสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายที่คุณจะขอให้เขาให้เงินคุณโดยที่คุณยังไม่มี product เห็น (อ่านเพิ่มเติม: ทำไมต้องมีเว็บไซต์?)

2. สร้างระบบ mailing list และมีปุ่มบนเว็บไซต์ให้ผู้ใช้สามารถ subscribe ได้ คำแนะนำคือคุณควรมี incentive เพื่อให้คนอยากให้อีเมลกับคุณ อาจจะเป็น pdf หรือ ebook ในเรื่องที่กลุ่มเป้าหมายคุณสนใจ (อ่านเพิ่มเติม: Email Marketing 101)

3. Research เว็บไซต์ บล็อก influencers และ media ที่เกี่ยวข้องกับไอเดียของคุณและกลุ่มเป้าหมายคุณติดตาม

4. เริ่มสร้างความสัมพันธ์กับเว็บไซต์ บล็อก และ influencers ที่คุณ research มา ตาม Facebook Page, Twitter, Instagram ของพวกเขา และหาจังหวะ engage conversation

5. ถ้าเป็น product ที่สามารถลองผลิตจำนวนน้อยๆได้ ให้ติดต่อไปเพื่อส่ง product ของคุณไปให้พวกเขาลองใช้

6. ติดต่อเว็บไซต์และบล็อกที่ research ไว้ เพื่อ offer เป็น guest post เขียนบทความลงเว็บของเขา

7. สร้าง Facebook Page, Twitter, และ Instagram และผลิตคอนเทนท์ที่กลุ่มเป้าหมายสนใจและให้คนอ่าน subscribe mailing list

8. Research community ออนไลน์ที่กลุ่มเป้าหมายเข้าบ่อยๆ ที่เมืองไทยที่ใหญ่สุดก็คือ Pantip และ Facebook Group แล้วเริ่มแสดงความเห็นในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง

9. ติดตั้ง google analytics บนเว็บไซต์ และหน้าแคมเปญ และคอยดูว่าช่องทางไหนมีประสิทธิภาพสุด แล้วปรับแผน และ resources

ควรทำอะไรบ้างช่วงใกล้ Launch

1. เขียน press release และส่งต่อไปยัง media ให้มากที่สุด อาศัยความสัมพันธ์ที่คุณได้สร้างไว้

2. List ชื่อเพื่อน ญาติ เพื่อนร่วมงานเก่า รุ่นพี่รุ่นน้องศิษย์เก่าจากสถาบันเดียวกัน และคนอื่นๆที่คุณพอสนิท แล้วจัดลำดับความสำคัญ และหา email ของพวกเขา

3. ส่งอีเมล Line หรือ Facebook message ไปหาคนเหล่านี้แล้วบอกรายละเอียดสิ่งที่คุณกำลังจะทำ และบอกเขาว่าแคมเปญเริ่มเมื่อไรและขอร้องให้พวกเขาช่วยสนับสนุนช่วยแชร์ ข้อความที่ส่งไปควรจะเขียนให้ personal กับแต่ละคน

4. สร้าง Facebook event สำหรับการเปิดตัว

5. ส่งอีเมลหาทุกคนใน mailing list ข้อความในอีเมลควรระบุถึงวันเวลาที่แคมเปญจะเริ่ม และขอร้องให้พวกเขาช่วยสนับสนุนช่วยแชร์

6. ส่งข้อความหา influencers และบล็อกที่คุณได้สร้างสัมพันธ์ไว้ว่า แคมเปญคุณจะเปิดตัวในวันไหน

7. Research แคมเปญบน platform เดียวกับเรา ที่ยังไม่ถึงเป้าแต่ใกล้ถึง และบริจาคจำนวนเล็กน้อยให้กับแคมเปญพวกนี้ ตอนนั้นผมบริจาค $1 เพื่อว่าเมื่อโปรเจกต์คุณเปิดตัวแล้ว คุณจะได้ขอการสนับสนุนจากพวกเขากลับ เพราะคนกลุ่มนี้จะเข้าใจคุณเป็นอย่างดี

ควรทำอะไรบ้างในวัน Launch

วันนี้เป็นวันสำคัญมาก คุณต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้จำนวนคนสนับสนุน และยอดเงินสนับสนุนให้ได้มากที่สุด เพื่อสร้าง momentum และทำให้ algorithm ของ crowdfunding platform รับรู้ว่าแคมเปญคุณเป็นที่นิยมมากจนคู่ควรกับการได้รับเลือกให้ไปโปรโมทบนหน้าแรก

1. โพสต์ทุกช่องทาง แชร์ทั้งบน Timeline ตัวเอง บนเพจ และตาม Facebook Group

2. ส่งอีเมลหาทุกคนว่าแคมเปญคุณได้เปิดตัวแล้ว และ mention ในอีเมลว่า การสนับสนุนจากคุณในช่วงวันสองวันแรกเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยสร้าง momentum และช่วยดันให้แคมเปญ ไปอยู่บนหน้าแรกของเว็บไซต์ crowdfunding

3. ส่งหา media และ influencers ทุกคนว่า แคมเปญคุณได้เปิดตัวแล้ว

4. ส่ง message หา owner ของแคมเปญที่คุณได้บริจาคไปว่า คุณชอบโปรเจกค์ของเขา และได้สนันสนุน X USD และแนะนำโปรเจกต์ของคุณและขอการสนับสนุนกลับ

Launch ไปแล้ว ทำอะไรได้อีกบ้างเพื่อให้ได้ยอดเงินสนับสนุนมากที่สุด

1. ส่งอีเมลไปหาทุกคนอีกครั้งหลังเปิดตัวไปได้สองวันเพื่ออัปเดตและขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุน

2. คอยโพสต์อัปเดตเกี่ยวกับโปรเจกต์คุณผ่าน newsletter

3. Research แคมเปญที่มีกลุ่มเป้าหมายคล้ายคลึงกับคุณ และมีจำนวนคนสนับสนุนที่ใกล้เคียงกัน แล้วนำเสนอ cross promotion คือคุณโปรโมทแคมเปญของเขาให้กับผู้สนับสนุนแคมเปญคุณ และขอให้เขาโปรโมทแคมเปญคุณให้กับผู้สนับสนุนของเขา (จริงๆ จะมากกว่า หรือน้อยกว่าก็ได้ ถ้ามากกว่า ก็เสนอว่าจะโปรโมทแค่โปรเจกต์ของเขาเท่านั้นใน newsletter ฉบับนั้น)

4. จัดประกวดแข่งขันสำหรับคนที่สนับสนุนโปรเจกต์คุณแล้ว เป้าหมายคือทำอย่างไรให้คนพวกนี้แชร์ และบอกต่อแคมเปญของคุณให้มากที่สุด

5. ถ้าแคมเปญของคุณทะลุเป้า ให้เขียน press release ชิ้นใหม่ แล้วส่งให้ media ทุกที่

6. ในช่วงหนึ่งอาทิตย์ก่อนหมดแคมเปญ ส่งอีเมลหาคนที่ยังไม่ได้สนับสนุนอีกหนึ่งครั้ง เพื่อให้พวกเขารู้ถึงเดดไลน์ และความเร่งรีบ และโพสย้ำบนโซเชียลมีเดีย

7. ส่ง message หาคนที่สนับสนุนแคมเปญคุณและได้รางวัลขั้นต่ำเพื่อให้พวกเขาเพิ่มเงินสนับสนุนคุณ เช่น ได้สินค้าหนึ่งชิ้น ว่า ถ้าคุณสนับสนุนเราเพิ่มอีก Y USD คุณจะได้สินค้าอีกหนึ่งชิ้นในราคาสุดพิเศษ

สรุป

สิ่งที่ยากสำหรับ crowdfunding ไม่ใช่แค่การหาไอเดียที่ใช่ แต่คือการลงทุนใช้เวลาวางแผนโปรโมทอย่างจริงจังและเป็นระบบ เพื่อใช้ช่วงเวลาก่อนเปิดตัวและช่วงเวลาเปิดตัวให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไอเดียดีเลิศ แต่ถ้าไปไม่ถึงกลุ่มเป้าหมายในจังหวะเวลาที่ถูกต้องก็อาจล้มเหลวได้

ตาคุณแล้ว

คุณคิดยังไงกับ crowdfunding บ้าง? คิดว่ามันจะเวิร์ค หรือไม่เวิร์คกับประเทศไทย หรือคิดว่ามันจะเอาไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ยังไงบ้าง มาคุยกันต่อได้ในคอมเมนต์เลยครับ : )