ในปี 2025 ประเทศไทยกำลังเผชิญทั้งโอกาสและความท้าทายครั้งสำคัญ ทั้งจากกระแส Mega Trends ระดับโลก ภาษีศุลกากรที่กำลังปรับตัว และปัจจัยการเปลี่ยนแปลงในสังคม หนทางเดียวที่จะคว้าโอกาสคือการปรับตัวตามเทรนด์และมองหาจุดแข็งของประเทศ
ในบทความนี้จะพาไปดู อนาคตธุรกิจ 2025 จากงาน FUTURE TRENDS AHEAD SUMMIT 2025 ใน Session: Thailand Ahead 2025: Economic & Business Outlook โดย จรินทร์ ทรงราชา, WHA Group และ ดร.กฤตณัฐ สายเชื้อ, ประธานสภาพัฒน์
4 Mega Trends ที่ต้องรู้ สำหรับนักการตลาดและธุรกิจ
1. AI & Automation: ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่คือการพัฒนาธุรกิจที่ดึงศักยภาพมนุษย์ได้สูงที่สุด
2. Sustainability: เทรนด์ธุรกิจสีเขียวเติบโต – ตั้งแต่ Green Logistics ไปจนถึง Circular Economy
3. Aging Society: ไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ พร้อมศักยภาพเป็นฐานการรักษาพยาบาลระดับโลก
4. Health&Wellness: คนยุคใหม่ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ธุรกิจด้าน Wellness จะมาแรง
อนาคตของแต่ละอุตสาหกรรมในประเทศไทย
1. Future of Logistics – ไทยมีศักยภาพเป็น “แหล่งผลิตสินค้าทั่วโลก”
- Green Logistics: ลูกค้าเน้นการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- AI & Automation: ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการส่งสินค้า
Shifu’s Comment: ไทยอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งเอเชีย แต่ธุรกิจจะต้องให้ความสำคัญกับ Green Logistics เพื่อรักษาฐานลูกค้าสากลที่ต้องการโซลูชันขนส่งที่ยั่งยืน และใช้ AI & Automation ในการบริหารจัดการเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความรวดเร็ว
2. Future of Mobility – การขนส่งในอนาคต
- Battery Innovation: นวัตกรรมแบตเตอรี่ที่จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรม EV
Shifu’s Comment: การแข่งขันในอุตสาหกรรม EV และ Autonomous Vehicles กำลังเดือด แต่ไทยมีโอกาสสร้างจุดแข็งผ่านการพัฒนา Battery Innovation และสนับสนุนการลงทุนในเทคโนโลยีการขนส่งอัจฉริยะ ธุรกิจยานยนต์ไทยควรเร่งปรับตัวเพื่อแข่งขันกับผู้ผลิตระดับโลก
3. Future of Industrial Development – อุตสาหกรรมยุคใหม่
- Green Industrial Parks: การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเน้นพลังงานสะอาดและลดของเสีย
- Circular Concept: ใช้ทรัพยากรอย่างหมุนเวียนเพื่อลดขยะ
- Embedded Technologies: นำเทคโนโลยี IoT, Cloud, Automation เสริมศักยภาพการจัดการ
Shifu’s Comment: ความยั่งยืนคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในยุคนี้ การสร้างนิคมอุตสาหกรรมที่ใช้ ทรัพยากรหมุนเวียน (Circular Economy) และประยุกต์ใช้ Embedded Technologies เช่น IoT และ Automation จะช่วยเพิ่มมูลค่าและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
4. Future of Energy – พลังงานเพื่อโลกอนาคต
- Renewable Energy: พลังงานสะอาดยืนหนึ่งในการลดคาร์บอน
- Nuclear & Hydrogen Solutions: สนับสนุนนวัตกรรมพลังงานใหม่
- AI-Driven Energy Management: ใช้ AI จัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
Shifu’s Comment: พลังงานสะอาดไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับประเทศที่ต้องการคงความน่าเชื่อถือด้านการลงทุน การพัฒนา Renewable Energy ควบคู่กับการนำ AI เข้ามาจัดการพลังงานจะช่วยลดต้นทุนในระยะยาวและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน
5. Future of Utilities – ระบบสาธารณูปโภคยุคยั่งยืน
- Water Digitalization: การใช้ระบบ SCADA และ GIS ช่วยจัดการน้ำอย่างแม่นยำ
- Resource Recovery: เพิ่มการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ เช่น พลังงานหมุนเวียนและวัสดุเหลือใช้
- Eco-Friendly Solutions: สร้างการผลิตที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
Shifu’s Comment: ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Utilities ในไทยควรเริ่มเปลี่ยนมาใช้ Water Digitalization และโซลูชันแบบ Eco-Friendly อย่างจริงจัง เพื่อสร้างความมั่นคงในการจัดการทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด พร้อมตอบสนองความต้องการของโลกที่หันมาให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์น้ำ
6. Future of Technologies – พลังเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก
- AI & Hybrid Computing: ยกระดับการคำนวณและตัดสินใจ
- Ambient Intelligence: เซนเซอร์และ IoT เชื่อมโยงข้อมูลแบบ Real-Time
- Post-Quantum Cryptography: นวัตกรรมรักษาความปลอดภัยข้อมูลในยุคควอนตัม
- Polyfunctional Robots: หุ่นยนต์ที่หลากหลายการใช้งาน
Shifu’s Comment: การเตรียมพร้อมรับมือกับเทคโนโลยีแห่งอนาคต เช่น Quantum Security, Hybrid Computing และ AI จะทำให้ธุรกิจของไทยก้าวเข้าสู่การแข่งขันระดับโลกได้เร็วขึ้น การลงทุนใน R&D และจับตาเทคโนโลยีเหล่านี้คือสิ่งจำเป็น
3 เสาหลักของการพัฒนาที่ยั่งยืนในไทย
- การเติบโตทางเศรษฐกิจ (Economic Growth)
- การปกป้องสิ่งแวดล้อม (Environmental Protection)
- ความเท่าเทียมในสังคม (Social Equality)
3 สร้าง เพื่ออนาคตประเทศไทย
- สร้างคน: พัฒนาทักษะใหม่ๆ เช่น AI, Data, Cyber Literacy
- สร้างสู้: เสริมแกร่งด้วยการเป็น “ฐานการรักษาพยาบาล” และเพิ่มมูลค่าสินค้าอุตสาหกรรม Niche
- สร้างโอกาส: ส่งเสริมโอกาสธุรกิจจาก SME และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและ Logistics
สรุป
ไม่ว่าจะธุรกิจประเภทใด การพัฒนาในอนาคตต้องยึดโยงกับ 3 เสาหลัก “เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งนี้จะไม่เพียงเพิ่มความยั่งยืนให้ธุรกิจ แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความมั่นคงของประเทศ
“สร้างคน” ด้วยการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในยุคดิจิทัลจะช่วยให้ไทยยังคงแข่งขันได้ในยุคของ AI & Automation,
“สร้างสู้” ด้วยการเสริมจุดแข็งในด้านอุตสาหกรรมเฉพาะทาง
และ “สร้างโอกาส” ให้ SME และการท่องเที่ยวไทย ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้เศรษฐกิจ
ประเทศไทยกำลังเผชิญการแข่งขันอย่างท้าทายจากจีนและประเทศอื่นๆ การมุ่งขับเคลื่อน “สร้างคน สร้างสู้ สร้างโอกาส” พร้อมคว้า Mega Trends จะช่วยให้ธุรกิจไทยเติบโตและรักษาความสามารถในการแข่งขันได้