ในยุคที่การตลาดดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำธุรกิจ เราก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์เป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งที่นักการตลาดควรจะต้องโฟกัสมากขึ้น โฆษณาออนไลน์ที่พวกเราพบเห็นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งประเภทของสินค้าหรือบริการที่อยู่ในโฆษณาก็มีความหลากหลายมากขึ้น วิธีการนำเสนอโฆษณาก็มีความแปลกใหม่มากขึ้น

ถ้าเกิดเราเป็นนักการตลาดดิจิทัลที่ต้องใช้สื่อโฆษณาออนไลน์ในการทำการตลาดอยู่เสมอ สิ่งเหล่านี้เป็นตัวบอกได้ชัดเจนครับว่า เราคงต้องเหนื่อยขึ้น ใช้สมองมากขึ้น กว่าจะผลิตงานโฆษณาดี ๆ ออกมาสักอันได้ คงไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป

ทำไมคุณถึงควรหัดเริ่มต้นลงโฆษณา Facebook

สื่อโฆษณาออนไลน์ที่เป็นที่นิยมสูง และได้รับความนิยมจากนักการตลาดดิจิทัลทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยหนึ่งสื่อที่คงจะไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือ Facebook Ads นั่นเอง จากการสำรวจอย่างต่อเนื่องในหัวข้อ Global Digital Reports ของ We Are Social ร่วมกับ Hootsuite ทำให้เรารู้ว่า ผู้ใช้งาน (MAUs – Monthly Active Users) ของ Facebook จากทั่วโลกมีมากที่สุดเมื่อเทียบกับ MAUs ของ Social Media อื่น และมีจำนวนเพิ่มขึ้นตลอดเวลา และล่าสุดก็มีตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 2.7 พันล้านเมื่อเดือน ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา

สำหรับสถิติที่น่าสนใจสำหรับการใช้งาน Facebook ในประเทศไทยนั้น Facebook Ads ยังคงเป็นแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ที่มีจำนวนคนสามารถเห็นโฆษณาได้มากที่สุดถึง 51 ล้านคน สถิติเหล่านี้เป็นตัวการันตีได้ชัดเจนว่า การทำโฆษณาผ่าน Facebook Ads ในประเทศไทยนั้นมีโอกาสที่จะถูกส่งไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน เนื่องจากมีผู้ใช้งานอยู่มาก สื่อโฆษณา Facebook Ads จึงถูกหยิบมาใช้อยู่เสมอ และเชื่อว่าหลายคนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่น่าจะต้องเคยทำโฆษณาผ่าน Facebook Ads มาบ้างแล้วไม่มากก็น้อยครับ

ในปี 2563 ก็เป็นปีที่ Facebook มีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของการทำโฆษณา ก็มีกฎเกณฑ์ข้อบังคับต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งหน้าจอผู้ใช้งานก็เรียกได้ว่ายกเครื่องเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด ทำให้หลายๆ คนที่คุ้นเคยกับการใช้งานหน้าจอแบบเก่าต้องมานั่งเรียนรู้กันใหม่ และจำนวนของคนที่สามารถเห็นโพสต์ของเพจเราแบบที่ไม่ต้องยิงโฆษณาไปหา ก็ยังคงมีจำนวนน้อยและมีแนวโน้มจะลดลงไปเรื่อยๆ

ผลที่ตามมาคือ เจ้าของเพจที่ต้องการให้โพสต์มีคนเห็นมากขึ้น ก็ต้องหันมาพึ่งพาการทำโฆษณาผ่าน Facebook Ads กันมากขึ้นไปอีก ทำให้เกิดการแย่งชิงพื้นที่สื่อโฆษณาบน Facebook Feed มากขึ้น รวมทั้งพื้นที่อื่น ๆ ที่โฆษณา Facebook สามารถแสดงได้เช่น Instagram, Facebook Messenger หรือ Facebook Audience Network ก็มีการแย่งชิงพื้นที่มากขึ้นเช่นกัน

สิ่งเหล่านี้ยิ่งเป็นตัวบอกได้ชัดเจนว่า การทำโฆษณา Facebook Ads ให้มีประสิทธิภาพเป็นเรื่องที่ต้องใช้สมองมากขึ้นแน่นอน และคนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในการใช้งานที่ถูกต้อง เพื่อให้เม็ดเงินที่ใช้จ่ายในการทำโฆษณานั้นคุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะทำได้

พื้นฐานความรู้ในการใช้งาน Facebook Ads มีอยู่หลายเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องครับ แต่ในบทความนี้ ผมจะขอกล่าวถึงเรื่องง่าย ๆ ที่คนมักจะเข้าใจผิด แต่เป็นความรู้พื้นฐานสำคัญในการเริ่มต้นการใช้งาน ซึ่งการทำความเข้าใจมันให้ถูกต้องอย่างถ่องแท้ จะทำให้เราเริ่มใช้งานมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีโอกาสที่จะทำให้โฆษณาที่เราตั้งใจจะสร้างขึ้นมานั้นได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้อีกด้วย

มาดูกันครับว่า 5 เรื่องพื้นฐานที่คนมักจะเข้าใจผิดในการเริ่มทำ Facebook Ads มีอะไรบ้าง

Facebook for conversion

 

5 เรื่องพื้นฐาน Facebook Ads ที่คนมักจะยังเข้าใจผิด

1. Facebook Ads ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว มีหลายเรื่องที่ต้องคิดใหม่

ปัญหาที่มักจะเกิดขึ้น
ความเข้าใจแบบผิด ๆ ว่า Facebook Ads เป็นเครื่องมือที่ช่วยสรรค์สร้างให้ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยตัวของมันเอง เพียงแค่ทำตามสูตร หรือทำตามที่คนอื่น ๆ เค้าทำกัน

คำถามที่ผมมักจะได้ยินอยู่บ่อยครั้ง เช่น ช่วยบอกหน่อยว่าต้องเลือก Campaign Objective (วัตถุประสงค์) อะไร แล้วบอกหน่อยว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง ราคาต้นทุนที่ควรจะเป็นคือเท่าไร จำนวนกลุ่มเป้าหมายที่ควรเลือกนั้นอยู่ที่เท่าไรดี คำถามเหล่านี้อาจตีความได้ว่า ผู้ถามนั้นกำลังมองว่า Facebook Ads มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่ในความเป็นจริง มันเป็นเครื่องมือทางการตลาดเครื่องมือหนึ่ง ที่จะทำให้แผนการตลาดของเราสมบูรณ์ได้ ไม่ใช่เครื่องมือที่มีสูตรการทำ เหมือนที่เวลาเราทำอาหาร ใส่เครื่องปรุงลงไปตามสูตรแล้วก็อร่อยเหมือนกันทุกครั้ง มันมีปัจจัยอะไรอยู่หลายอย่างครับที่จะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของการทำการตลาดได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่นักการตลาดทั่วไปจะรู้กันดีอยู่แล้ว

เมื่อคุณมีแผนการตลาดที่ชัดเจน และเลือกที่จะใช้งาน Facebook Ads แล้ว การสร้างโฆษณานั้นถูกต้องเป็นไปตามแผนการที่วางไว้หรือไม่ มีอะไรที่คุณทำผิดไปหรือเปล่า มีการทำการทดสอบโฆษณาบ้างหรือไม่ (หรือหลายคนจะคุ้นเคยกับคำว่า A/B Testing ซึ่งจะอธิบายต่อไปในภายหลัง) และเมื่อคุณได้เริ่มให้โฆษณาแสดงผลและมีผลลัพธ์เกิดขึ้นแล้ว คุณรู้วิธีการติดตามผลลัพธ์ ประเมินผลลัพธ์ และปรับจูนโฆษณาได้เก่งฉกาจแค่ไหน พวกนี้เป็นเพียงตัวอย่างที่คุณน่าจะต้องคำนึงถึงก่อน มากกว่าการมองหาสูตรสำเร็จครับ

อีกเรื่องที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการทำ Facebook Ads คือลักษณะของสินค้าหรือบริการที่คุณจะทำโฆษณาครับ แน่นอนว่าของที่แตกต่างกัน การทำการตลาดก็คงจะต้องมีแผนการที่แตกต่างกันไป นั่นเป็นการการันตีอีกครั้งว่า Facebook Ads ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว การใช้หลักการทำโฆษณา (Practices) ของธุรกิจอื่น ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งหรือไม่ใช่ก็ตาม ก็อาจเอามาช่วยดูประกอบได้ แต่ไม่ใช่ว่ายึดเป็นสรณะ การใช้ Practices ของเราเองที่ได้จากการทำโฆษณา Facebook Ads ครั้งก่อน ๆ กลับเป็นตัวสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้การทำโฆษณาสำเร็จลุล่วงได้ดีกว่าใช้ Practices ของธุรกิจอื่น

ทำความเข้าใจกันใหม่ครับ
การวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด (Marketing Strategies) มีความสำคัญในการทำการตลาดดิจิทัล รวมถึงการใช้ Facebook Ads ด้วย หากเรามีเป้าหมายในการทำ Facebook Ads เราจะสามารถประเมินได้ว่าผลลัพธ์ในการทำโฆษณานั้นตรงตามแผนที่เราวางไว้หรือไม่ มีอะไรที่เราจะต้องปรับจูน (Optimizing) เพิ่มเติมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น รวมทั้งวิเคราะห์ว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นสามารถเป็น Practices ให้เรานำไปใช้ต่อได้อย่างไรในอนาคต เรื่องพวกนี้ ผมมีสอนไว้ในคอร์ส Facebook Marketing for Conversion ที่ทำกับ Content Shifu ด้วยครับ

2. การสร้าง Facebook Ads ไม่ได้ทำผ่านแอปได้อย่างเดียว ควรโหลดอย่างอื่นมาใช้ด้วย

ปัญหาที่มักจะเกิดขึ้น
หากใช้งาน Facebook Ads ผ่านแอปพลิเคชัน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโฆษณา หรือการดูผลลัพธ์โฆษณา จะไม่สามารถใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชั่น ทำให้ไม่สามารถสร้างโฆษณาที่มีประสิทธิภาพที่สุดได้ รวมทั้งไม่สามารถใช้เครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยให้การทำโฆษณามีคุณภาพมากขึ้นได้

การสร้างโฆษณา Facebook Ads ผ่านแอปพลิเคชันหลักของ Facebook เป็นวิธีการสร้างโฆษณาที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากสร้างได้ง่าย สะดวก เพราะสามารถทำได้โดยตรงผ่านมือถือ และปุ่ม “Boost Post” ที่ให้เรากดทำโฆษณา พร้อมข้อความยั่วยวนจาก Facebook บนแอปนั้น ก็ชวนให้เรากดซื้อโฆษณาซะเหลือเกิน

ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันของ Facebook ที่ใช้ยิงโฆษณาได้ถึง 3 ตัวด้วยกันครับ นั่นคือ

  • แอปพลิเคชันหลัก Facebook ที่ไอคอนเป็นตัวเอฟสีขาวบนพื้นสีฟ้า เป็นแอปหลักที่เราใช้เล่น Facebook กันนั่นเองครับ สามารถใช้ทำโฆษณาได้โดยการเข้าไปที่ Facebook Page ที่เราดูแล และกดปุ่ม “Boost Post” หรือ “Promote”
  • แอปพลิเคชัน Facebook Business Suite  แอปล่าสุดที่ Facebook พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้จัดการดูแลธุรกิจบน Facebook Page และ Instagram Business Profile ของเราได้สะดวกในที่เดียว ซึ่งการที่เราสามารถสร้างโฆษณาได้ด้วยวิธีเดียวกับแอปแรก คือการกดปุ่ม “Boost Post” หรือ “Promote” ที่ปรากฏอยู่นั่นเอง – เหมาะสำหรับดูแลเพจมาก ๆ
  • แอปพลิเคชัน Facebook Adverts Manager (ตัวจัดการโฆษณา) ที่ไอคอนเป็นรูปวงกลมสีเขียวอมฟ้าบนพื้นสีขาว แอปตัวนี้เป็นของ Facebook เช่นกัน ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ในการทำ Facebook Ads โดยเฉพาะ ซึ่งเราสามารถสร้างโฆษณาได้ละเอียดกว่าแอป 2 ตัวแรก แถมมีวัตถุประสงค์ให้เลือกที่หลากหลายกว่า สามารถใช้ดูผลลัพธ์โฆษณาได้สะดวกกว่า รวมทั้งสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงโฆษณาได้ง่าย แอปตัวนี้เหมาะมากที่จะใช้ในการมอนิเตอร์ผลลัพธ์ของโฆษณา เนื่องจากใช้งานผ่านมือถือ ทำให้สามารถดูผลลัพธ์ได้อย่างต่อเนื่อง – สำหรับคนทำแอดโดยเฉพาะ

ถึงแม้ว่าการสร้างโฆษณา Facebook Ads ผ่านแอปพลิเคชัน จะเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงก็ตาม แต่ก็ยังไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดครับ ในความเป็นจริงเราสามารถทำโฆษณา Facebook Ads ได้เอง ผ่านช่องท างอื่นที่ไม่ใช่แอปได้อีกด้วยครับ นั่นคือการสร้างโฆษณาผ่านเว็บไซต์ www.facebook.com บนคอมพิวเตอร์นั่นเอง ซึ่งจะได้การใช้งาน Facebook Ads แบบเต็มประสิทธิภาพ ครบทุกฟังก์ชั่นครับ

การสร้างโฆษณาผ่านเว็บไซต์ www.facebook.com บนคอมพิวเตอร์ เราจะไม่สร้างโฆษณาโดยการเข้าไปที่เพจ แล้วกดปุ่ม “Boost Post” นะครับ แต่จะทำผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า Ads Manager (ตัวจัดการโฆษณา) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้สร้าง Facebook Ads ได้ละเอียดที่สุด มีวัตถุประสงค์การทำโฆษณาให้เลือกใช้ครบถ้วนทุกแบบ อีกทั้งเครื่องมือที่จะช่วยทำให้ Facebook Ads มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็มีให้ใช้ผ่านช่องทางนี้ทั้งหมด จึงเป็นช่องทางในการสร้างโฆษณาที่ดีที่สุดครับ

ทำความเข้าใจกันใหม่ครับ
การทำโฆษณาผ่าน Facebook Ads ให้มีประสิทธิภาพที่สุดนั้น เราจำเป็นต้องใช้ช่องทางในการสร้างโฆษณาที่มีฟังก์ชั่นให้เลือกใช้งานครบถ้วนที่สุด นั่นคือการใช้งานผ่านเว็บไซต์ www.facebook.com บนคอมพิวเตอร์ ตัวอย่าง หากเราต้องการกำหนดกลุ่มเป้าหมายโดยใช้ Custom Audience หรือ Lookalike Audience เราจะไม่สามารถสร้างได้บนแอปพลิเคชันของ Facebook ครับ นอกเหนือจากการสร้างโฆษณาแล้ว การดูผลลัพธ์โฆษณา Facebook Ads ผ่านเว็บไซต์ www.facebook.com บนคอมพิวเตอร์มีข้อดีกว่าการดูผ่านแอป คือ ตัวชี้วัด (Metrics) ผลลัพธ์โฆษณามีให้เลือกมากกว่า มีเป็นร้อย ๆ ตัวชี้วัด และยังสามารถ Breakdown ดูข้อมูลผลลัพธ์แยกย่อยตามหมวดหมู่ที่ต้องการได้อีกด้วย

3. Facebook Ads ไม่ได้มีแต่การ Boost Post (Ads จริงๆ เลือกได้ 13 จุดประสงค์)

ปัญหาที่มักจะเกิดขึ้น
ไม่ว่าต้องการใช้ Facebook Ads เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดอะไรก็ตาม เช่น ต้องการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ ต้องการให้คนเห็นเยอะๆ ต้องการเพิ่มยอดขาย ฯลฯ ก็ Boost Post ซะทุกที ซึ่งการ Boost Post ไม่ได้จะทำให้ได้ผลลัพธ์ทุกอย่างที่ต้องการแน่ ๆ  จริง ๆ แล้ว การ Boost Post เป็นการทำให้โพสต์นั้นเกิดการมีส่วนร่วมเยอะๆ เช่น Like, Share, Comment เป็นต้น แล้วมันสะท้อนไปหาวัตถุประสงค์ทางการตลาดที่ต้องการได้จริงหรือเปล่า
Shifu แนะนำ
สำหรับใครที่ต้องการ Like เพิ่มขึ้นแบบฟรีๆสามารถเรียนรู้จากบทความ 20 วิธีปั๊มไลค์ Facebook Like ฟรีๆ (ไม่ต้องเสียเงินโฆษณา) โดยไม่ผิดกฎ ควบคู่ไปด้วยก็ได้ครับ

การสร้างโฆษณา Facebook Ads มีอะไรมากกว่าแค่การกดปุ่ม “Boost Post” นะครับ อย่างที่ได้เกริ่นไปบ้างแล้วก่อนหน้านี้ในเรื่องของวัตถุประสงค์โฆษณาที่สามารถเลือกได้หลากหลายตอนที่เราสร้างโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบัน Facebook Ads ก็มี Campaign Objectives (วัตถุประสงค์การทำโฆษณา) ให้เลือกมากถึง 13 วัตถุประสงค์ (ข้อมูล ณ เดือน ก.พ. 64) โดยที่การ “Boost Post” นั้น เป็นเพียง 1 ใน 13 วัตถุประสงค์นั่นเอง ซึ่งชื่อวัตถุประสงค์จริงๆ ของการกดปุ่ม “Boost Post” คือ Post Engagement (การมีส่วนร่วมกับโพสต์)

วัตถุประสงค์ทั้ง 13 อย่างที่ว่านั้น เราสามารถเห็นได้ครบถ้วนชัดเจนเมื่อเราสร้างโฆษณาผ่านเว็บไซต์ facebook.com บนคอมพิวเตอร์ครับ ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่ตาม Marketing Stage ชัดเจนคือ Awareness (การรับรู้) – Consideration (การพิจารณา) – Conversion (คอนเวอร์ชั่น) โดยหน้าที่ของผู้สร้างโฆษณานั้นจะต้องทำการเลือกวัตถุประสงค์ให้ถูกต้อง ตรงตามวัตถุประสงค์ในการทำการตลาดในครั้งนั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์โฆษณาที่มีประสิทธิภาพ ตรงตามความต้องการที่สุด

ทำความเข้าใจกันใหม่ครับ
Facebook Ads มีวัตถุประสงค์ในการทำโฆษณาให้เลือกใช้ที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละวัตถุประสงค์โฆษณานั้นมีความแตกต่างกันชัดเจนเรื่องหนึ่งคือ ตัวผลลัพธ์หลักที่ Facebook จะช่วยทำให้เกิดจำนวนมากขึ้นนั่นเองครับ ตัวอย่าง หากเราต้องการทำให้กลุ่มเป้าหมายของโฆษณาเห็นโพสต์เราเยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ วัตถุประสงค์ที่เราต้องเลือกใช้ในการทำโฆษณา Facebook Ads คือ Reach (การเข้าถึง) ไม่ใช่การ Boost Post หรือ Post Engagement (การมีส่วนร่วมกับโพสต์)

4. โฆษณา Facebook Ads ไม่ได้ถูกสร้างโดย Facebook Page 

ปัญหาที่มักจะเกิดขึ้น
ความสับสนระหว่างการใช้งาน Facebook Page กับ Facebook Ads จะเกิดขึ้นบ่อย ๆ เช่น คนที่ดูแลเพจหลาย ๆ เพจมักจะเข้าใจว่า การสร้างโฆษณาให้กับเพจที่ต่างกัน เป็นการสร้างมาจากคนละที่ คนละบัญชีกัน สามารถแยกบิลค่าใช้จ่ายโฆษณากันได้ทุกครั้ง รวมทั้งความเข้าใจว่าระบบการทำโฆษณาทุกอย่างทำบน Facebook Page ดังนั้นเวลาดูผลลัพธ์โฆษณาจึงสามารถดูจาก Facebook Page ได้เท่านั้น

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนมักจะเข้าใจผิดเยอะที่สุด เนื่องจากคนส่วนใหญ่ทำโฆษณา Facebook Ads โดยกดปุ่ม “Boost Post” ผ่านหน้า Facebook Page เลยมีความเข้าใจว่า เราใช้ Facebook Page ในการสร้างโฆษณา Facebook Ads

ในความเป็นจริงนั้น Facebook Ads ถูกสร้างจาก Facebook Profile หรือบัญชี Facebook ส่วนตัวที่เราใช้เชื่อมต่อกับเพื่อนเรา โดยบัญชี Facebook Profile จะไปสร้าง Ad Account (บัญชีผู้ใช้โฆษณา) เพื่อใช้ทำโฆษณาอีกทีครับ เพียงแค่เราต้องแจ้งว่าโฆษณาที่เราทำนั้นเป็นการทำให้กับ Facebook Page ไหนแค่นั้น

ขอขยายความในเรื่องนี้ให้เข้าใจมากขึ้นซักหน่อยครับ..

Ad Account ที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น เป็นประเภทที่เรียกว่า “Personal Ad Account” ซึ่งถูกสร้างโดยตรงจาก Facebook Profile จริง ๆ แล้วยังมี Ad Account อีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า “Business Ad Account” ซึ่งถูกสร้างจากเครื่องมือ Business Settings บน Facebook Business Manager ซึ่งเหมาะจะใช้กับองค์กรที่มีความซับซ้อนในการใช้งาน Facebook สำหรับธุรกิจ เช่น Digital Agencies ที่ต้องดูแลลูกค้าหลาย ๆ ที่ หรือองค์กรหน่วยงานที่ต้องมีคนดูแล Facebook หลายคน มีเพจที่ต้องดูแลมากมาย หรือมี Ad Account ที่ต้องใช้งานหลายบัญชี เป็นต้น

โดยที่เจ้า Business Settings ที่ว่านี้เป็นตัวจัดการบัญชีธุรกิจของ Facebook ที่ต้องสร้างจาก Facebook Profile อยู่ดี สรุปคือ ไม่ว่าจะเป็น Ad Account ประเภทไหนก็ตามที่ใช้สร้างโฆษณา ก็มีรากฐานการสร้างมาจาก Facebook Profile ทั้งนั้นครับ

วันหนึ่งเมื่อเรากดปุ่ม “Boost Post” ใน Facebook Page ใดก็ตาม ต้องเข้าใจให้ถูกต้องนะครับ ว่า Facebook จะไปดูว่าเรากำลังล็อคอินบัญชี Facebook Profile อันไหนอยู่ และใช้ Ad Account ที่ถูกสร้างจากบัญชีนั้นในการสร้างโฆษณา และเหมือนเป็นการบอก Facebook ไปในตัวว่าเรากำลังทำโฆษณาให้กับ Facebook Page ไหนนั่นเองครับ

ทำความเข้าใจกันใหม่ครับ
หากเราเข้าใจโครงสร้างของ Facebook คือสามารถแยกกันออกได้ว่า Facebook Page กับ Facebook Ads เป็นเหมือนคนละระบบกัน แต่ถูกเชื่อมโยงกันด้วย Facebook Profile เราจะรู้ว่า การสร้างโฆษณา การดูผลลัพธ์โฆษณา ด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด รวมทั้งการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการทำโฆษณา Facebook Ads นั้น ไม่ได้อยู่ใน Facebook Page แต่อยู่ในระบบ Facebook Ads รวมทั้งบิลค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณานั้นก็สามารถแยกกันด้วย Ad Account ซึ่งหากเราใช้ Ad Account เดียวกันในการทำโฆษณาให้กับ Facebook Page หลายเพจ เราจะไม่สามารถแยกบิลค่าใช้จ่ายเป็นเพจ ๆ ได้ครับ

5. ชิ้นงานโฆษณาของ Facebook Ads ไม่ใช่โพสต์ใดโพสต์หนึ่งในเพจเสมอไป

ปัญหาที่มักจะเกิดขึ้น
หลายครั้งที่เรามักจะเห็นโพสต์โฆษณาบน Facebook มีลูกเล่นที่หลากหลาย เช่น มีชื่อปุ่ม (CTA Button) ที่ไม่เหมือนกัน มีรูปแบบที่แปลกตา เช่น Collection Ads หรือบางครั้งเราจะเห็นโฆษณาที่มีฟอร์มให้กรอก เป็นต้น ซึ่งโพสต์โฆษณาเหล่านี้ ไม่สามารถทำได้โดยการโพสต์บน Facebook Page แน่นอน แล้วจะสร้างมันได้อย่างไร

สำหรับใครที่ทำ Facebook Ads มามากในระดับหนึ่งน่าจะพอรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เพื่อป้องกันการสับสนหรือเข้าใจผิด เลยต้องเน้นย้ำอีกทีว่า ชิ้นงานที่เราสามารถนำมาทำเป็นโฆษณาของ Facebook Ads ได้นั้นสามารถทำได้ 2 แบบครับ

  • ชิ้นงานโฆษณาแบบแรก เรียกว่า Published Post” คือเลือกโพสต์ใดโพสต์หนึ่งใน Facebook Page หรือ Instagram Business Profile ของเรามาเป็นชิ้นงานโฆษณา นี่คือวิธีปกติทั่วไปที่ใครหลาย ๆ คนทำกัน เช่นการกดปุ่ม “Boost Post” ใต้โพสต์ไหน ก็เหมือนเป็นการเลือกโพสต์นั้นมาเป็นชิ้นงานโฆษณาครับ แต่ต้องบอกกลับกันด้วยว่า การใช้ Published Post นี้ไม่ได้จำเป็นต้องทำโฆษณาแบบ Boost Post หรือชื่อวัตถุประสงค์อย่างเป็นทางการว่า Post Engagement อย่างเดียวนะครับ ยังมีวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่สามารถใช้ Published Post เป็นชิ้นงานโฆษณาได้เช่นกัน เช่น Reach หรือ Messages
  • ชิ้นงานโฆษณาแบบที่สอง เรียกว่า Unpublished Post” คือการสร้างชิ้นงานโฆษณาขึ้นมาใหม่เลยตอนสร้างโฆษณาครับ ซึ่งเราจำเป็นจะต้องเลือกตั้งแต่ Visual Format, Photos, Videos, CTA Button ฯลฯ เรียกได้ว่ามาเริ่มสร้างโพสต์กันใหม่เลย และโพสต์นี้จะไม่ปรากฏอยู่ใน Facebook Page ของเรา ถึงแม้ว่าจะทำโฆษณาเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตาม เรียกได้ว่าลอย ๆ อยู่ในระบบโฆษณา เราเลยเรียกมันว่า Unpublished Post แปลว่าโพสต์ที่ไม่ได้ถูกเผยแพร่ลงในเพจนั่นเอง หรืออาจจะเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ด้วยว่า Ad Post ครับ ชิ้นงานโฆษณาประเภทนี้มักจะมีประสิทธิภาพดีกว่าแบบแรก เพราะจะมีลูกเล่นในการสร้างที่เยอะกว่า และการนำไปใช้งานก็สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ทำโฆษณาที่หลากหลายขึ้นอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น
    • โพสต์โฆษณาที่เราไม่ได้ต้องการให้ทุกคนเห็น เช่น โปรโมชั่นสำหรับลูกค้าเก่า เป็นต้น
    • การทำ A/B Testing ชิ้นงานโฆษณา โดยที่เราไม่ต้องโพสต์ชิ้นงานโฆษณาทุกชิ้นลงในเพจก่อน
    • การสร้างโพสต์โฆษณาที่มี Visual Format พิเศษ เช่น Collection หรือ Carousel ที่มีปุ่ม เป็นต้น
ทำความเข้าใจกันใหม่ครับ
ชิ้นงานโฆษณาบน Facebook Ads นั้น ไม่ได้จำเป็นจะต้องถูกสร้างและเผยแพร่บน Facebook Page ก่อนทุกครั้ง เราสามารถสร้างชิ้นงานโฆษณาที่ลอย ๆ อยู่ในระบบ Facebook Ads ได้ครับ โดยเรียกว่า Unpublished Post หรือ Ad Post ซึ่งจะมีลูกเล่นในการสร้างและนำไปใช้งานที่หลากหลายกว่า ทำให้โฆษณามีการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้เรามีโอกาสจะใช้เม็ดเงินทำโฆษณาให้คุ้มค่าขึ้นด้วย รวมทั้งถ้าพบว่าชิ้นงานโฆษณาแบบ Unpublished Post ชิ้นไหนทำงานได้ดี เราก็ยังสามารถจะเผยแพร่มันลงไปใน Facebook Page ในภายหลังได้อีกด้ว

สรุป

และทั้งหมดนี้ก็เป็น 5 เรื่องง่าย ๆ ที่คนทั่วไปมักจะเข้าใจผิดกันอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นเรื่องหลักที่ควรจะทำความเข้าใจให้ถูกต้องก่อนจะเริ่มใช้งาน Facebook Ads ครับ เราจะเห็นได้เลยว่า Facebook Ads นั้นไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัว แถมวิธีการใช้งานก็มีรายละเอียดอยู่มากพอสมควร เริ่มตั้งแต่การเข้าใจเครื่องมือและวิธีการสร้างโฆษณาให้ถูกต้อง การเลือกวัตถุประสงค์ให้ตรงตามที่ต้องการ และการเลือกวิธีการนำเสนอโพสต์ให้เหมาะสมที่สุด

สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างของ “เส้นผมบังภูเขา” ยอดฮิตที่ผมเห็นอยู่บ่อยครั้ง และไม่อยากให้เส้นผมเหล่านี้มาบดบังเส้นทางสู่การทำ Facebook Ads อย่างมีประสิทธิภาพของคุณครับ

ตาคุณแล้ว

ตอนนี้ผมก็หวังว่าทุกท่านจะมองเห็นภาพการใช้งาน Facebook Ads ได้ชัดเจนขึ้น รวมทั้งมีความรู้ความเข้าใจในการจะเริ่มใช้งานมันอย่างถูกต้อง และพร้อมสำหรับเทคนิคการทำ Facebook Ads ที่คุณสามารถติดตามเพิ่มเติมกันต่อได้ในบทความหน้าครับ