Facebook เป็นสังคมออนไลน์ที่มีคนไทยสิงสถิตอยู่เป็นจำนวนมากที่สุด นอกจากการใช้เพื่อพูดคุยกับเพื่อน และอัปเดตข่าวสารแล้ว Facebook ยังเป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจชั้นยอดอีกด้วย

แต่แค่การทำธุรกิจบน Facebook เพียงอย่างเดียว มันก็คงไม่ใช่ทางเลือกที่ยั่งยืนในระยะยาว การมีเว็บไซต์ที่เปรียบเสมือนรังอันอบอุ่นก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน (อ่านเพิ่มเติม: เหตุผลที่คุณไม่ควรพึ่งแต่โซเชียลมีเดียในการทำธุรกิจ)

วันนี้ผมก็เลยอยากจะมาแนะนำฟีเจอร์ที่ (ไม่) ลับของ Facebook แต่หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้จัก หรือติดตั้งไม่เป็นอย่าง Facebook Pixel ที่เอาไว้ใช้ทำ Facebook Remarketing กับลูกค้าที่เข้าเว็บไซต์

ถึงแม้ว่าคุณจะรู้จักคำว่า Facebook Pixel และ Facebook Remarketing อยู่แล้ว ผมคิดว่าบทความนี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับคุณเช่นกันครับ

และเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังตอนท้ายๆ นะว่าทำไมผมถึงใช้คำว่า “หลอกหลอน” เป็นหนึ่งในคีย์เวิร์ดของชื่อบทความ 🙂

New call-to-action

รู้จักคำว่า Facebook Custom Audience, Facebook Pixel กับ Facebook Remarketing ก่อน

Facebook Custom Audience คือกลุ่มเป้าหมายบน Facebook ที่คุณสร้างขึ้นเอง ซึ่งแต่ละคนก็จะมี Custom Audience ต่างกันไปตามลักษณะกลุ่มเป้าหมาย

Facebook Pixel นั้นคือโค้ดจำนวนไม่กี่บรรทัดที่คุณสามารถเอาไปติดไว้บนเว็บไซต์ของคุณเพื่อทำให้ Facebook รู้จักมักคุ้นกับคนที่เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น เมื่อ Facebook รู้จักพวกเขาเหล่านั้นมากยิ่งขึ้นแล้ว เวลาคุณไปซื้อโฆษณา Facebook จะทำการ Remarketing หรือ เอาข้อมูลที่เก็บได้จากเว็บไซต์ของคุณมาบอกคุณได้ว่าคุณต้องยิงโฆษณาไปหาใคร

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Facebook Custom AudienceFacebook Pixel และ Facebook Remarketing

ป.ล. จริงๆ Facebook รู้นะว่าคนที่เข้ามาเว็บไซต์ของคุณชื่อเสียงเรียงนาม ความชอบ หรือความสนใจของคนนั้นๆ เป็นยังไง แต่ Facebook จะไม่บอกคุณเพราะว่าเขาต้องการเก็บเงินคุณในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะมากๆ นั่นเอง

วิธีการติด Facebook Pixel บนเว็บไซต์ และเริ่มทำ Facebook Remarketing

ถ้าคุณยังไม่มีเพจ Facebook ผมแนะนำให้ไปอ่านบทความวิธีการสร้างเพจ Facebook และถ้าคุณยังไม่มี Ad Account กับ Facebook ผมแนะนำให้ไปอ่านบทความวิธีการตั้งค่า Ad Account บน Facebook Business Manager ก่อนนะครับ

ถ้ามีเพจ และ Ad Account พร้อมแล้ว ก็มาลุยกันเลย

1. สร้าง Facebook Custom Audience

ขั้นแรกสุดของการสร้าง Facebook Custom Audience คือเข้าไปที่ Facebook Business จากนั้นกดปุ่มซ้ายบน แล้วเลือก Audience

จากนั้นกด Create Audience แล้วเลือก Custom Audience

เลือก Website Traffic

คุณสามารถเลือกได้ว่าตอนคุณจะสร้าง Custom Audience นั้นคุณจะเลือก 1. ใครก็ได้ที่เข้าเว็บไซต์ของคุณ (Anyone who visits your website) 2. คนที่เข้าไปบนเว็บไซต์ของคุณบางหน้า (People who visit specific web pages) 3. คนที่เข้าไปบนเว็บไซต์ของคุณบางหน้า แต่ไม่ได้เข้าหน้าอื่นๆ (People visiting specific web pages but not others)  4. คนที่ไม่ได้เข้าไปเว็บไซต์ของคุณเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง (People who haven't visited in a certain amount of time)

หรือคุณจะผสมวิธีทั้ง 4 แบบได้โดยการเลือก Custom Combination

นอกจากนั้นแล้วคุณยังสามารถกำหนดอายุของ Custom Audience ของคุณได้อีกด้วย ซึ่งอายุที่คุณเลือกได้มากที่สุดก็คือ 180 วัน นั่นก็หมายความว่าถ้าคนๆ นั้น ไม่ได้เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณเกิน 180 วันแล้ว คุณจะไม่สามารถใส่เขาอยู่ในรายชื่อ Custom Audience ได้

พอเลือกได้แล้วก็กด Create Audience จากนั้นคุณจะได้ Custom Audience เปล่าๆ มาหนึ่งชุดที่มี Size ของ Audience เป็น 0 และในช่อง Availability มันจะเขียนว่า Not Ready ซึ่งหมายความว่าคุณจะยังเอา Audience ชุดนี้ไปใช้ไม่ได้ จนกว่าจะติดตั้ง Facebook Pixel บนเว็บไซต์ และเริ่มมีคนเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ

2. ติดตั้ง Facebook Pixel บนเว็บไซต์

ขั้นตอนนี้อาจจะต้องใช้ความรู้ทางเทคนิคนิดหน่อย ถ้าทำไม่เป็นผมแนะนำว่าให้คุยกับ Developer ของคุณนะครับ

สิ่งแรกที่คุณต้องทำก็คือการเข้าไปที่ Facebook Business จากนั้นกดปุ่มซ้ายบน แล้วเลือก Event Managers

จากนั้นก็ให้กด Data Source เพื่อกด Createในหน้านั้น (สำหรับขั้นตอนนี้ผมไม่มีรูปมาโชว์นะครับ เพราะว่า Facebook อนุญาตให้สร้าง Facebook Pixel ได้แค่ 1 อันต่อ 1 Ad Account เท่านั้น แล้วผมก็ดันสร้าง Facebook Pixel ไปแล้วซะด้วย แต่ลองหาดูในหน้านั้นครับ รับรองว่าไม่ยาก)

พอกด Create Pixel มาแล้ว คุณจะได้ Code มา 1 ชุด

ขั้นต่อไปจะเริ่มยากแล้วครับ เพราะว่าคุณต้องเอา Code ที่ได้มาไปติดระหว่าง <head> และ </head> ในหน้าที่คุณต้องการจะ Track ถ้าทำไม่เป็น คุยกับ Developer โลดเลยครับ

tracking-code-manager

แต่ถ้าคุณใช้ WordPress ผมแนะนำให้ติด Plugin ฟรี (เมี่ยม) อย่าง Tracking Code Manager ซึ่งจะทำให้การใส่ Facebook Pixel (รวมไปถึง Google Analytics) เป็นเรื่องง่าย

หลังจากติด Code ลงบนเว็บไซต์แล้ว คุณก็ต้องรอให้มีคนเข้ามาเว็บไซต์ของคุณในระดับหนึ่งก่อน (หลักร้อย) คุณถึงจะสามารถใช้งาน Facebook Custom Audience ในการทำ Remarketing ได้

3. สร้าง Remarketing Ad บน Facebook

หลังจากที่คุณติด Facebook Pixel และสร้าง Facebook Custom Audience เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาไปทักทายคนที่เคยเข้าเว็บไซต์ของคุณบน Facebook ด้วยกลยุทธ์ Remarketing แล้วล่ะ!

เข้าไปที่ Facebook Business จากนั้นกดปุ่มซ้ายบน แล้วเลือก Ads Manager

จากนั้นกดปุ่ม Create Ads หรือ Create Campaign แล้วเลือกจุดประสงค์ของ Ads และตั้งชื่อ Campaign

ในหัวข้อ Custom Audiences ให้คุณคลิ๊กช่อง Add Custom Audiences or Lookalike Audiences แล้วเลือก Custom Audience ของคุณ

จากนั้นก็ให้ทำเหมือนการซื้อ Ad ปกติเลย เพียงแต่ว่า Ad คราวนี้ของคุณจะเฉพาะเจาะจงกว่ามาก เพราะคุณกำลังยิง Ad ไปหาคนที่เคยเข้าเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งมันจะมีโอกาสส่งผลให้ราคาถูกลง และ Conversion สูงกว่าเดิม

เทคนิคที่ว่านี้ก็คือเทคนิค Remarketing นั่นเอง

ถ้าคุณยังไม่เคยซื้อ Facebook Ads ผมแนะนำให้ไปอ่านบทความ ง้ายง่าย วิธีการสร้างโฆษณา Facebook สำหรับมือใหม่ ดูครับ

New call-to-action

Facebook Custom Audience และเทคนิค Remarketing เอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง?

Facebook Custom Audience นั้นสามารถเอาไปทำ Remarketing ได้หลากหลายรูปแบบ และแต่ละวิธีการใช้งานนั้นก็ควรจะถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ที่ต่างกัน ลองมาดูกันเลยดีกว่ามันสามารถเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง

1. สื่อสารกับคนที่เคยเข้าเว็บไซต์ของคุณ

วิธีนี้เป็นวิธีพื้นฐานสำหรับการใช้งาน Facebook Custom Audience ในการทำ Remarketing ซึ่งวิธีนี้ตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ว่า ถ้าเขาเคยเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณแล้ว แสดงว่าเขาคงสนใจของที่อยู่บนเว็บไซต์ของคุณอยู่ไม่น้อย

เวลาคุณมีบทความใหม่ หรือสินค้าใหม่ที่อัปโหลดขึ้นเว็บไซต์ การ Remarketing (โปรโมตให้กับคนที่เคยเข้าเว็บไซต์ของคุณ) จะทำให้ราคาของค่าโฆษณาจะต่ำกว่า และ Conversion สูงกว่า

Shifu แนะนำ

big-commerce-remarketing

ตัวอย่างการทำ Facebook Remarketing ก็เช่นเว็บไซต์ BigCommerce ผมเคยเข้าไปดูเว็บไซต์ BigCommerce แค่ 1-2 ครั้งเท่านั้น แต่โฆษณาบน Facebook ของ BigCommerce นั้นตามมาบน Profile ส่วนตัวผมอยู่บ่อยๆ

Content Shifu เองก็ใช้ Facebook Remarketing เพื่อโปรโมตบทความให้กับคนที่เคยเข้ามายังเว็บไซต์เป็นบ้างครั้ง

2. ขยายฐานลูกค้า

วิธีการนี้ทำได้ง่ายๆ โดยการสร้าง Lookalike Audience หรือคนที่มีพฤตกรรม, ความคิด, ความชอบใกล้เคียงกับฐานลูกค้าเดิมของคุณ

การสร้าง Lookalike Audience ของคนที่เคยเข้าไปยังเว็บไซต์ของคุณ (Facebook Custom Audience) นั้นก็ใช้หลักการเดียวกับการสร้าง Lookalike ของคนที่กดไลก์เพจ Facebook ของคุณ

Shifu แนะนำ
วิธีการทำ Lookalike Audience ของคนที่เคยเข้าไปยังเว็บไซต์ของคุณนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการเข้าไปที่ Facebook Business จากนั้นกดปุ่มซ้ายบน แล้วเลือก Audience

จากนั้นกด Create Audience แล้วกด Create Lookalike Audience และใช้ส่วนของ Source ให้เลือก Facebook Custom Audience ที่คุณเคยสร้างไว้แล้ว

ในส่วนของ Audience Size นั้น ยิ่งเลือกตัวเลขน้อยเท่าไหร่ Lookalike ที่ออกมาจะมีความคล้ายกับ Audience เดิมเท่านั้น

3. ตามลูกค้ากลับมาซื้อของ

สำหรับเว็บไซต์ eCommerce บ่อยครั้งจะเจอปัญหาที่ว่าลูกค้าเข้าไปถึงหน้าซื้อของ หรือหน้าจ่ายเงินแล้ว ลูกค้ากลับไม่ยอมซื้อซะอย่างนั้น หลายๆ ครั้งลูกค้าอาจจะไม่ต้องการสินค้านั้นแล้ว แต่บางครั้งลูกค้าอาจจะต้องไปทำธุระอย่างอื่นก่อน ทำให้ลืมกลับมาซื้อ

Shifu แนะนำ
วิธีการตามลูกค้ากลับมาซื้อของ สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการเข้าไปที่ Facebook Business จากนั้นกดปุ่มซ้ายบน แล้วเลือก Audience

จากนั้นกด Create Audience, Custom Audience และ Website Traffic แล้วเลือก คนที่เข้าไปบนเว็บไซต์ของคุณบางหน้า แต่ไม่ได้เข้าหน้าอื่นๆ (People visiting specific web pages)

ใส่ URL ที่คุณอยากให้รวม และแยกอยู่ใน Custom Audience ลงไป

วิธีนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณดึงดูดลูกค้าที่ลืมซื้อกลับมาซื้อของได้

4. ทักทายเพื่อนเก่า

บางครั้งคนอาจจะเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ แต่ยังไม่ซื้อของ เพราะเขาอาจจะเห็นว่าสินค้าของคุณไม่ตรงกับความต้องการของเขา และก็ไม่กลับเข้ามาดู มาชม มาช๊อปยังเว็บไซต์ของคุณอีกเลย

ข่าวดีคือ Facebook ยังจะสามารถช่วยคุณเก็บข้อมูลของคนเหล่านี้เอาไว้ได้ และเมื่อถึงเวลาที่คุณมีสินค้าใหม่ออกมา หรือว่ามีโปรโมชั่นที่คิดว่ามันต้องทำให้คนเหล่านั้นต้องหันกลับมามองแล้วละก็ คุณสามารถซื้อโฆษณาเพื่อ Remarketing คนเหล่านั้นได้

นอกจากสร้าง Facebook Custom Audience จากเว็บไซต์แล้ว สามารถสร้างจากแหล่งอื่นด้วยได้ไหม?

ได้ครับ

การสร้าง Facebook Custom Audience นั้นยังสามารถทำได้ผ่านการอัปโหลดอีเมลของลูกค้าของคุณ, ผ่านแอพพลิเคชันมือถือ หรือแม้กระทั่งการสร้าง Custom Audience สำหรับคนที่ชอบมาไลก์ คอมเมนต์ และแชร์เพจ Facebook ของคุณด้วย

สรุป

reaction-to-frequency-of-retargeted-online-ads

การทำ Facebook Remarketing นั้นเหมือนจะเป็นแนวคิดที่ดี แต่ผลการวิจัยจาก Inskinmedia นั้นบอกว่า 23% ของคนที่เห็น Retargeted Ads เป็นจำนวน 3 ครั้ง หรือน้อยกว่านั้นรู้สึกว่า Ads มันน่ารำคาญ และถ้าคนเห็น Ads นั้นๆ มากกว่า 10 ครั้งเมื่อไหร่ คนจะเปลี่ยนจาก รำคาญ เป็น โกรธ แทน

เพราะฉะนั้น ในความคิดผมก็คือ การที่คุณจะทำ Remarketing นั้น คุณจะต้องคิดให้ดีก่อนว่าสิ่งที่คุณจะสื่อสารนั้นเป็นสิ่งที่ลูกค้าอยากรู้รึเปล่า ถ้าเป็นสิ่งที่มอบคุณค่า คนก็น่าจะยินดีที่จะเห็นอยู่แล้ว แต่ถ้าเน้นแต่การขาย ขาย ขาย คนก็อาจจะรู้สึกไม่ดีกับแบรนด์ของคุณได้

การตามไปหลอกหลอนเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าทำได้ แต่ถ้ามากเกินไป และถ้าของที่คุณส่งไปหลอกหลอนนั้นไม่ใช่ของดี มันก็คงจะไม่โอเค

ตาคุณแล้ว

คุณเคยทำ Facebook Remarketing รึยังครับ? ได้ผล ไม่ได้ผล ยังไงบ้าง? มาคุยกันต่อในคอมเมนต์ได้นะ 🙂

 

New call-to-action