Blog

[กรณีศึกษา] Purpose-driven Marketing ด้วย AI & Creativity ของ Pedigree

• 11 กุมภาพันธ์ 2025

Share on

Share on

กรณีศึกษานี้เป็นของ Pedigree แบรนด์อาหารสุนัขระดับโลก ที่เชื่อว่าสุนัขทุกตัวสมควรได้รับความรักและมีบ้านที่อบอุ่น

กรณีศึกษาของ Pedigree

เรื่องราว Campaign ของ Pedigree

ลองนึกภาพตาม… 🐕

ทุกวันนี้ เวลาเราเปิด Social Media เราจะเจอคลิปน่ารักๆ ของเหล่าสุนัขที่มีเจ้าของ ขนฟู ตาใส วิ่งเล่นอย่างมีความสุข แต่ความเป็นจริงที่เราอาจมองข้ามคือ ยังมีสุนัขอีกนับล้านตัวที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ข้างถนน ไม่มีบ้าน ไม่มีคนรัก

Pedigree เห็นปัญหานี้และพบว่า… สาเหตุสำคัญที่คนไม่อยากรับเลี้ยงสุนัขจรจัดคือ “ภาพลักษณ์แรกพบ”

เมื่อเห็นสุนัขจรจัดที่ดูซอมซ่อ ขนเก่า สกปรก คนส่วนใหญ่มักจะ

  • รู้สึกสงสาร แต่ไม่กล้าเข้าใกล้
  • กังวลเรื่องโรคติดต่อ
  • ไม่มั่นใจในการเลี้ยงดู

แต่ความจริงคือ… สุนัขจรจัดทุกตัวมีศักยภาพที่จะเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักได้ พวกเขาแค่ต้องการโอกาส

Pedigree จึงจับมือกับ Microsoft สร้างนวัตกรรมที่ช่วยให้คนมองเห็น “ความน่ารักที่ซ่อนอยู่” ของสุนัขจรจัด

พวกเขาพัฒนา “Adoptable Social Filter” โดยใช้ AI ที่ถูก Train ด้วยภาพสุนัขที่มีเจ้าของนับหมื่นภาพ เพื่อให้ AI เรียนรู้ว่า

  • ขนที่สะอาด ฟู นุ่ม ควรมีลักษณะอย่างไร
  • ดวงตาที่เป็นประกายควรมีแววตาแบบไหน
  • ท่าทางที่ดูน่ารัก น่าเลี้ยงเป็นอย่างไร

เมื่อใครก็ตามพบเจอสุนัขจรจัด และอยากช่วยหาบ้านให้ สามารถ

  1. ถ่ายรูปสุนัข
  2. อัพโหลดผ่านฟิลเตอร์
  3. AI จะทำการ Transform ภาพให้ดูสดใส น่ารัก
  4. แถมข้อมูลการติดต่อรับเลี้ยง

ทันทีที่โพสต์ ภาพสุนัขจรจัดที่ดูไม่น่าสนใจ จะกลายเป็นภาพที่ทำให้ผู้คนหยุดเลื่อน หยุดดู และอยากให้โอกาส

ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่การแต่งภาพให้สวยหลอกตา แต่เป็นการเปิดมุมมองใหม่ ให้คนเห็นว่า “ทุกชีวิตมีความสวยงาม ถ้าได้รับโอกาส”

ที่สำคัญ ฟิลเตอร์นี้ไม่ได้สร้างภาพลวงตา แต่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของสุนัขแต่ละตัว ว่าพวกเขาสามารถสวยงาม และมีความสุขได้ หากมีคนรักและดูแล

ผลลัพธ์ Campaign ของ Pedigree

Campaign นี้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่วัดผลได้จริงหลายอย่าง ตั้งแต่

  1. มีการใช้งานฟิลเตอร์มากกว่า 500,000 ครั้ง
  2. เพิ่มโอกาสการรับเลี้ยงสุนัขจรจัดขึ้น 73%
  3. สร้างการรับรู้เรื่องการรับเลี้ยงสุนัขจรจัดในวงกว้าง
  4. เปลี่ยนทัศนคติของผู้คนต่อสุนัขจรจัด
  5. มีสุนัขจรจัดได้บ้านใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

Shifu’s Learnings จาก Campaign ของ Pedigree

1. Tech for Good ที่จับต้องได้

เทคโนโลยีอย่าง AI ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แต่ต้องตอบโจทย์และแก้ปัญหาได้จริง การผสมผสาน AI กับความคิดสร้างสรรค์สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม

2. Perception is Reality

การเปลี่ยนการรับรู้คือกุญแจสำคัญ Campaign นี้ไม่ได้แค่แต่งภาพให้สวย แต่เปลี่ยนมุมมองและทัศนคติของผู้คนที่มีต่อสุนัขจรจัด

3. Purpose-led Marketing ต้องลงมือทำจริง

การทำการตลาดเพื่อสังคมที่ดีต้องสร้าง Solution ที่ใช้งานได้จริง วัดผลได้จริง ไม่ใช่แค่สร้างคอนเทนต์ให้คนดูแล้วรู้สึกดี

ดูเผินๆ Metrics ต่างๆ เหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับยอดขายของ Pedigree เลย แต่จริงๆ เกี่ยวอย่างมาก เพราะมันเป็นการสร้างภาพจำที่ดีให้กับคนรักสุนัขทุกคน ซึ่งคนเหล่านี้แหละคือลูกค้าของ Pedigree

ในอนาคตเวลาที่พวกเขาจะเลือกซื้ออาหารให้สุนัขของพวกเขา Pedigree จะเป็นหนึ่งใน Top of Mind อย่างแน่นอน

สรุป Campaign ของ Pedigree

และนี่คือกรณีศึกษาของ Pedigree ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตสุนัขจรจัดด้วยพลังของ AI และ Creativity

การผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับความเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์ ทำให้ Pedigree สามารถเปลี่ยน “ภาพแรกพบ” ของสุนัขจรจัดให้กลายเป็นโอกาสในการได้บ้านใหม่

การใช้ Technology ที่ Advance แบบ Pedigree อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การเปลี่ยน Perception ของคนเป็นสิ่งที่ทำได้เพียงแค่ใส่ความคิดสร้างสรรค์ของคุณลงไป

และสุดท้าย สำหรับ Campaign ของ Pedigree นี้ แสดงให้เห็นว่าการทำการตลาดที่ดีไม่ได้แค่สร้างยอดขาย แต่ยังสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้สังคมได้อีกด้วย

ลองดูรายละเอียด Campaign เพิ่มได้จากคลิปด้านล่างครับ

Share on

Bank Sitthinunt

Writer

Bank Sitthinunt

เจ้าของเว็บไซต์ Content Shifu นอกจากเรื่อง Inbound Marketing, Digital Marketing และ MarTech แล้ว ยังสนใจเรื่อง Entrepreneurship, Productivity, Self-Development และ Talent Development รวมถึงเป็นแฟนตัวยงของทีม Manchester United อีกด้วย

More From Me