Blog

เจาะลึก Ad Rank เคล็ดลับพิชิตตำแหน่งโฆษณาบน Google Search Ads

• 11 มีนาคม 2025

Ad Rank

Share on

Share on

หากคุณกำลังค้นหาอะไรบางอย่างบน Google Search คุณน่าจะเคยเห็นโฆษณาหลายรายการปรากฏอยู่ด้านบนสุดของหน้าผลลัพธ์การค้นหาใช่ไหมครับ โดยธรรมชาติแล้ว สายตาของคุณก็คงจะค่อยๆ ไล่อ่านโฆษณาเหล่านั้นจากบนลงล่าง โฆษณาที่อยู่ตำแหน่งบนสุดจึงเป็นโฆษณาที่ถูกอ่านบ่อยที่สุดและมีโอกาสถูกคลิกมากที่สุด เมื่อเทียบกับโฆษณารายการต่อๆ ลงมา ลองคิดดูครับว่า ถ้านั่นเป็นโฆษณาของคุณ มันจะสามารถพาคนไปยังเว็บไซต์ของคุณได้มากมายขนาดไหน และคงจะทำให้คุณได้เป้าหมายทางการตลาดที่ต้องการมากขึ้นตามไปอย่างแน่นอน

ถ้าวันนี้คุณเป็นเพียงผู้ใช้งาน Google Search คนหนึ่ง ก็คงไม่ได้สนใจในเรื่องตำแหน่งโฆษณานี้มากมายนัก แต่ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องทำโฆษณา Google Search Ads ให้ดี คุณคงจะมองข้ามเรื่องนี้ไม่ได้แล้วล่ะครับ คุณควรจะต้องหาคำตอบให้ได้ว่า ทำยังไงที่โฆษณาของคุณจะไปปรากฏในตำแหน่งบนสุดได้ เพราะเมื่อเราลงเงินทำโฆษณาไปแล้วก็คงอยากได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

แน่นอนว่าในระบบของ Google Search Ads ต้องมีกระบวนการอะไรบางอย่างในการตัดสินใจว่าโฆษณาไหนควรอยู่ก่อนหลัง และกระบวนการที่ว่านี้คือการเปรียบเทียบค่า Ad Rank ของโฆษณาแต่ละชิ้นครับ หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า Ad Rank มาบ้าง แต่ถ้าคุณยังใหม่กับการทำโฆษณาประเภทนี้ คุณอาจยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ไม่ต้องกังวลครับ เพราะบทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกว่า Ad Rank คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และจะช่วยให้โฆษณาของคุณไปปรากฏในตำแหน่งที่ดีที่สุดได้อย่างไร

Ad Rank คืออะไร

Ad Rank คือค่าที่ระบบ Google Ads ใช้ในการตัดสินใจว่าโฆษณาประเภท Search ของคุณนั้นจะปรากฏในตำแหน่งใดบนหน้าผลลัพธ์การค้นหา (SERP: Search Engine Results Page) การที่โฆษณาแสดงอยู่ในตำแหน่งบนสุดของหน้า หรือแสดงในตำแหน่งอื่นๆ นั้น ล้วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับค่า Ad Rank นี้

ยิ่งไปกว่านั้น ค่า Ad Rank นี้ยังเป็นตัวตัดสินด้วยว่าโฆษณาของคุณจะมีโอกาสได้แสดงผลหรือไม่ เพราะการที่โฆษณาจะปรากฏได้นั้นก็ต้องมีคุณภาพในระดับที่ระบบ Google พอใจและยอมให้โฆษณาของคุณถูกแสดงได้

Google Ads คำนวณค่า Ad Rank จากหลายปัจจัยครับ ซึ่งปัจจัยหลักๆ นั้นได้แก่

  • Maximum Bid คือจำนวนเงินมากที่สุดที่คุณยินดีจ่ายต่อคลิก คนทำโฆษณาส่วนใหญ่จะกำหนดค่านี้แบบอัตโนมัติ โดยให้ระบบ Google Ads ตัดสินใจแทน เพื่อความสะดวกในการสร้างโฆษณา และต้องยอมรับว่าระบบ Google Ads ก็สามารถคำนวณค่า Maximum Bid ให้โฆษณาของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ โดยดูจากจำนวนงบประมาณโฆษณาต่อวันที่คุณกำหนดไว้ และระบบก็จะ Bid ให้ตามความเหมาะสมครับ เพื่อให้โฆษณาสามารถแสดงต่อเนื่องได้นานที่สุดในแต่ละวัน แต่หากคุณไม่พอใจการทำงานแบบอัตโนมัตินี้ และต้องการตั้งค่า Maximum Bid เอง คุณก็สามารถทำได้เช่นกันครับ
  • Quality Score คือคะแนนคุณภาพ โดยเป็นคะแนนที่ให้กับ Keyword แต่ละตัวที่คุณใช้ในโฆษณา และมีความชัดเจนว่าจะเป็นตัวชี้วัดคุณภาพของโฆษณาของคุณในมุมมองของระบบ Google Ads โดยพิจารณาจาก 3 ส่วนคือ
    • Expected CTR (อัตราการคลิกผ่านที่คาดหวัง) โดยคาดการณ์ว่าผู้ค้นหามีแนวโน้มจะคลิกโฆษณาของคุณมากน้อยแค่ไหนเมื่อมันถูกแสดง โดยจะดูจากประวัติโฆษณาของคุณที่ผ่านมาครับ หากคุณต้องการให้ค่านี้สูงขึ้น คุณจะต้องใส่ใจในการเลือก Keyword โฆษณาที่มีประสิทธิภาพโดยยึดตามข้อมูลเป็นหลักไม่ใช่ยึดตามความรู้สึก เช่นการหาข้อมูลจาก Google Keyword Planner หรือการดูค่าผลลัพธ์โฆษณาที่เกิดขึ้นจาก Dashboard ของ Google Ads เป็นต้น
    • Ad Relevance (ความเกี่ยวข้องของโฆษณา) โดยดูว่าข้อความโฆษณาที่คุณได้เขียนขึ้นมานั้น มีความสัมพันธ์กับ Keyword ดีหรือไม่ หากมีความสัมพันธ์กันดีคุณก็จะได้ค่านี้สูง สำหรับคนทำโฆษณาสามารถดูแนวโน้มความสัมพันธ์นี้ว่าดีหรือไม่ จากค่า Ad Strength หรือคุณภาพของโฆษณา ที่ปรากฏอยู่ด้านบนของหน้าการสร้างข้อความโฆษณาครับ
    • Landing Page Experience (ประสบการณ์หน้า Landing Page) โดยดูว่าหน้า Landing Page บนเว็บไซต์ของคุณที่เป็นปลายทางของการคลิกโฆษณานั้น มีคุณภาพดีและมีความเกี่ยวข้องกับ Keyword ดีหรือไม่

นอกจากปัจจัยหลักทั้ง 3 ปัจจัยที่ได้กล่าวไปแล้ว ยังมีปัจจัยเพิ่มเติมที่มีส่วนทำให้ค่า Ad Rank สูงขึ้นอีกด้วย เช่น 

  • Ad Assets คือชิ้นงานของโฆษณาเพิ่มเติม หรือชื่อเดิมว่า Ad Extensions (ส่วนขยายของโฆษณา) เป็นสิ่งที่คุณสามารถเพิ่มเติมข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ข้อความโฆษณาของคุณมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น ดูน่าสนใจขึ้น และนำไปสู่การถูกคลิกที่มากขึ้นได้ เช่น Sitelink ที่เป็นลิงก์เพิ่มเติมจากหน้าอื่นๆ บนเว็บไซต์คุณ เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถคลิกแล้วโทรมาหาคุณได้เลย ที่อยู่ที่คลิกแล้วสามารถขอเส้นทางบน Google Maps มายังร้านค้าของคุณได้ รวมทั้งรูปภาพต่างๆ ฯลฯ ซึ่งคุณสามารถเพิ่มเติมสิ่งเหล่านี้ได้ตอนสร้างโฆษณาครับ หน้าที่ของคุณก็คือ ใส่ Ad Assets เหล่านี้ลงไปให้ได้มากที่สุด แต่ยังคงความเหมาะสมด้วย เพื่อให้ระบบ Google Ads มองว่าโฆษณาของคุณนั้นน่าดึงดูดและมีโอกาสจะถูกคลิกมากขึ้น
  • The Context of the Person’s Search คือบริบทของผู้ค้นหา เช่น ตำแหน่งที่อยู่และช่วงเวลาตอนที่กำลังค้นหา อุปกรณ์ที่ใช้ในการค้นหา ข้อความค้นหาที่ใช้ เป็นต้น ซึ่งเป็นตัวแปรที่จะส่งผลให้โฆษณาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทของผู้ค้นหามากกว่า มีโอกาสอยู่ในอันดับที่สูงกว่าตามไปครับ

Ad Rank คำนวณอย่างไร

ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ Google Ads ใช้สมการประมาณนี้ในการคำนวณค่า Ad Rank ครับ

Ad Rank = Maximum Bid x Quality Score x ปัจจัยเพิ่มเติม

ทำให้เราเข้าใจชัดเจนว่า เงินที่เยอะที่สุดไม่ได้ทำให้โฆษณาอยู่ในตำแหน่งบนสุดเสมอไป เงินที่คุณใช้ในการกำหนด Maximum Bid นั้นเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อค่า Ad Rank แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สะท้อนคุณภาพของโฆษณา เช่น Quality Score หรือ Ad Assets เป็นต้น ทำให้คนทำโฆษณา Google Search Ads ทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องใส่ใจในการทำโฆษณาให้ได้คุณภาพดีที่สุด ในอนาคตคุณอาจพบว่าโฆษณาที่มีคุณภาพสูงกว่าแต่เงินน้อยกว่า กลับชนะโฆษณาที่ลงเงินมากกว่าแต่คุณภาพต่ำกว่า และได้แสดงผลในอันดับสูงกว่าในหน้าผลลัพธ์การค้นหาอยู่บ่อยครั้งก็เป็นได้ครับ

แนวทางการทำโฆษณาเพื่อเพิ่มค่า Ad Rank

จากที่ผมได้อธิบายการจัดอันดับโฆษณา Google Search Ads และรายละเอียดของค่า Ad Rank ไปแล้วนั้น ลองมาดูแนวทางเบื้องต้นในการทำโฆษณาเพื่อเพิ่มค่า Ad Rank ให้กับโฆษณาของคุณ เพื่อให้คุณสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ดีขึ้นกันครับ

  • สร้างโฆษณาที่น่าสนใจและตรงประเด็น
    ใช้ข้อความโฆษณาที่มีความเกี่ยวข้องกับ Keyword และดึงดูดความสนใจของผู้ค้นหา อย่าลืมใส่คำกระตุ้นการตัดสินใจ (CTA: Call-to-Action) ที่ชัดเจนและตรงกับผลลัพธ์ที่ต้องการ นอกจากนี้การจัดกลุ่ม Keyword ในแต่ละ Ad Group ให้สอดคล้องขึ้น ก็จะช่วยให้คุณเขียนข้อความโฆษณาได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
  • ปรับปรุงหน้า Landing Page ของโฆษณาให้ดียิ่งขึ้น
    หน้า Landing Page ของคุณควรมีคุณภาพดี โหลดเร็ว อยู่บนเว็บไซต์ที่มีความปลอดภัยสูง และสามารถปรับการแสดงผลไปตามอุปกรณ์ที่ใช้ค้นหาได้ รวมทั้งควรมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาและ Keyword ที่เลือกใช้ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้ค้นหา
  • เลือกใช้ Ad Assets อย่างเหมาะสม
    เพิ่มส่วนขยายของโฆษณา เช่น Sitelinks หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ หรือรูปภาพ เป็นต้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้โฆษณาของคุณ และมีโอกาสให้โฆษณาของคุณถูกคลิกได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์เพิ่มขึ้นตามไป
  • หมั่นตรวจสอบผลลัพธ์โฆษณาอยู่เสมอ
    ควรดูผลลัพธ์โฆษณาที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ คุณจำเป็นต้องเข้าใจความหมายของค่าตัวชี้วัดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับค่า Ad Rank นี้ รู้วิธีการตั้งค่า Dashboard ของ Google Ads ให้แสดงค่าตัวชี้วัดเหล่านี้ คอยตรวจสอบดูว่าการแข่งขันของโฆษณาเราเทียบกับคู่แข่งเป็นอย่างไร ถ้าโฆษณาทำงานไม่ดี ตรงส่วนไหนที่คุณสามารถปรับจูนแก้ไขได้เพื่อให้โฆษณามีโอกาสแสดงผลในตำแหน่งที่สูงที่สุดได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังช่วยให้คุณใช้งบประมาณโฆษณาได้คุ้มค่าที่สุดอีกด้วยครับ

สรุป

Ad Rank เป็นค่าที่ระบบ Google Ads ใช้ในการตัดสินว่าโฆษณาจะมีการจัดเรียงตำแหน่งในหน้าผลลัพธ์การค้นหาอย่างไร โฆษณาที่มี Ad Rank สูงกว่าก็ย่อมได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า โดยค่า Ad Rank นี้ประกอบด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น Maximum Bid, Quality Score, Ad Assets และ The Context of the Person’s Search การเข้าใจ Ad Rank และแนวทางการเพิ่มค่าดังกล่าวจะช่วยให้โฆษณาของคุณปรากฏในตำแหน่งที่ดีขึ้น คุ้มค่ากับงบประมาณที่ลงทุนไป และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย นำพาผลลัพธ์ทางการตลาดกลับมาสู่คุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตาคุณแล้ว

หากคุณกำลังทำโฆษณา Google Search Ads อยู่ ลองพิจารณาว่าคุณได้ปรับปรุง Ad Rank ของคุณแล้วหรือยัง คุณอาจเริ่มต้นด้วยการปรับข้อความโฆษณา ปรับปรุงหน้า Landing Page และเพิ่มส่วนขยายในโฆษณา เพื่อให้โฆษณาของคุณประสบความสำเร็จได้อย่างที่ตั้งใจครับ

Share on

Pong Siripong

Writer

Pong Siripong

วิทยากรด้าน Facebook Marketing ของ Content Shifu มีประสบการณ์บรรยายและให้คำปรึกษาแก่องค์กรชั้นนำมาแล้วหลากหลายอุตสาหกรรม

More From Me