ปี 2025 กำลังจะเป็นปีที่ธุรกิจความงามและสุขภาพ (Beauty & Wellness) เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงใหญ่ เนื่องด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในหลายมิติ ทั้งในแง่ของความกังวลเรื่องสุขภาพ ความเชื่อมั่นในแบรนด์ และความต้องการส่วนบุคคลที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
มาดูกันว่าปีนี้จะมีเทรนด์อะไรที่ต้องจับตาพร้อมกลยุทธ์ที่จะพาธุรกิจของคุณเติบโตในยุคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สรุปจากงาน Industry Insights: Beauty & Wellness โดย Digital Tips x Nielsen ใน Session: Beauty & Wellness Marketing Trends: Navigating 2025 and Beyond อัปเดตเทรนด์การตลาดดิจิทัลสำคัญสำหรับธุรกิจ Beauty & Wellness โดยคุณมัณฑิตา จินดา, Founder and Managing Director of Digital Tips Academy
4 Customer Trends 2025 ในอุตสาหกรรม Beauty & Wellness
1. Wiser Wallet: การใช้จ่ายอย่างตั้งใจมากขึ้น
ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น ผู้บริโภคเปลี่ยนจากการซื้อตามอารมณ์มาเป็นการใช้จ่ายอย่างตั้งใจ มองหา Value for Money มากขึ้น
สถิติสำคัญ
- 72% ของผู้บริโภคกังวลเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้เปลี่ยนมาซื้อสินค้าที่คุ้มค่าและมีคุณภาพ
- 57% ของลูกค้าในกลุ่มบิวตี้หาข้อมูลเชิงลึกก่อนซื้อ โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ
- การซื้อแบบทันที (Impulse Purchase) ลดลงจาก 18% ในปี 2024
ผลกระทบต่อธุรกิจ
- สร้าง Trust และความโปร่งใส: แบรนด์ควรแสดงความน่าเชื่อถือด้วยการสื่อสารถึงคุณค่าสินค้าอย่างตรงไปตรงมา
- มอบ Value for Money: แสดงให้ลูกค้าเห็นว่าสินค้า/บริการของคุณคุ้มค่าอย่างไร เช่น การชูจุดเด่นว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีคุณภาพสูงและให้ผลลัพธ์เทียบเท่าการรักษาทางการแพทย์
2. Skintellectual: ความรู้เรื่องส่วนผสมและความโปร่งใส
ในปีนี้ผู้บริโภคไม่เพียงแต่สนใจผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลลัพธ์ดี แต่ยังมองถึงส่วนผสม ที่มาของสินค้า ไปจนถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
- ผู้บริโภคในยุคนี้ศึกษาเรื่องส่วนผสม ความปลอดภัย และที่มาของผลิตภัณฑ์มากขึ้น
- ลูกค้าต้องการแบรนด์ที่มีความซื่อสัตย์และโปร่งใสเกี่ยวกับส่วนผสมหรือผลกระทบต่อทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
คำแนะนำสำหรับธุรกิจ
- ให้รายละเอียดครบถ้วน: พัฒนาแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถอ่านส่วนผสมของผลิตภัณฑ์และเข้าใจได้ง่าย เช่น เว็บไซต์หรือ QR Code หลังสินค้า
- โปรโมทประโยชน์เชิงสุขภาพ: ทำคอนเทนต์ให้ความรู้เพื่อสื่อถึงประโยชน์ของส่วนผสม เช่น การใช้อินโฟกราฟิกอธิบายส่วนประกอบสำคัญ
3. Lack of Trust: ความเชื่อมั่นในแบรนด์ที่ลดลง
ความเชื่อมั่นในข้อมูลบนโลกออนไลน์กำลังสั่นคลอน เพราะผู้บริโภคมองว่าคอนเทนต์บางส่วนอาจไม่เป็นความจริง

สถิติอ้างอิง
- 59% ของผู้บริโภคสงสัยว่าคอนเทนต์เกี่ยวกับสุขภาพที่พบในสื่อดิจิทัลอาจเป็นเพียงโฆษณา
- 71% ของ Gen Z และ Y หาข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง เช่น รีวิวจาก KOL และเว็บไซต์
กลยุทธ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่น
- สร้าง Community และ UGC (User-Generated Content): กระตุ้นให้ลูกค้าแชร์ประสบการณ์จริงในการใช้งานผลิตภัณฑ์
- ใช้ Influencers อย่างระมัดระวัง: เลือก KOL ที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายไว้ใจ และมีชื่อเสียงในความโปร่งใส
4. Prioritizing Healthspan: ความสำคัญของคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนและสุขภาพจิต
ในปัจจุบันผู้คนไม่ได้สนใจเพียงแค่ “การมีชีวิตที่ยืนยาว” แต่ยังมุ่งเน้นการมีสุขภาพกายและใจที่ดีควบคู่กัน

แนวโน้มสำคัญ
- Mental Health ถูกยกให้เป็นประเด็นสุขภาพอันดับต้น โดย WHO
- 54% ของผู้บริโภคทราบว่าควรทานวิตามินอะไรเพื่อดูแลสุขภาพตัวเอง
- แบรนด์ควรมองมิติของ Health Conscious มากขึ้น โดยเฉพาะ Mental Health
- 1 ใน 2 ของผู้บริโภคเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะแแข็งแรงขึ้นในปี 2029 เทียบกับปัจจุบัน
สิ่งที่แบรนด์ต้องทำ
- ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มสุขภาพจิต: เช่น น้ำมันหอมระเหย เครื่องนอนผ่อนคลาย หรืออาหารเพื่อสุขภาพ
- สร้างแนวทางสื่อสารใหม่ที่เน้น Well-being: เช่น แคมเปญที่เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์กับการเพิ่มความสุขหรือความสงบ
5 กลยุทธ์สร้างธุรกิจ Beauty & Wellness ให้เติบโตในปี 2025
1. Meet the Needs of Consumers: ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างแท้จริง
การหาข้อมูล Insight ของผู้บริโภคและตอบสนองสิ่งที่พวกเขาต้องการเป็นสิ่งสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น L’Oreal ที่ค้นพบว่าการทำสีผม Ombre Hair กำลังเป็นเทรนด์ จึงพัฒนาชุดทำผมที่บ้านเพื่อเติมเต็มความต้องการ
Key Takeaways
- ใช้เครื่องมืออย่าง TikTok Creative Center และ Facebook Ads Library เพื่อหาเทรนด์สินค้าหรือ Niche ที่ยังไม่มีคนทำตลาด
- ลงทุนใน SEO และค้นหาข้อมูล Insight ที่จะช่วยทำให้จุดประกายสิ่งใหม่ และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่น่าสนใจใหม่ๆ ได้
- ใช้ Insights ในการส่งมองคอนเทนต์ที่ทำให้เกิดการ Engage ในช่วงเวลาที่ผู้บริโภคต้องการ
- รับฟังในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และตอบสนองความต้องการของลูกค้า
2. Personalized Marketing: การตลาดที่เฉพาะบุคคล
Insight สำคัญ
- 80% ของลูกค้าพร้อมซื้อจากแบรนด์ที่สามารถให้ประสบการณ์แบบ Personalized
- 59% สนใจซื้อผลิตภัณฑ์ Hair Care ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับพวกเขา
กลยุทธ์การทำ Personalization at Scale

- เก็บข้อมูลลูกค้า (First-Party Data) ด้วยแบบสอบถามในแอปหรือเว็บไซต์
- วิเคราะห์ข้อมูล: ทำ Segmentation ตามพฤติกรรม
- ส่งมอบคอนเทนต์และสินค้าให้ตรงจุด: เช่น ระบบแนะนำสินค้าในแบบเฉพาะบุคคล
ตัวอย่างที่น่าสนใจ
- OLAY: ลูกค้าเซลฟี่กับแอป รับการวิเคราะห์ และคำแนะนำผลิตภัณฑ์
- HUM: วิเคราะห์พฤติกรรมการทานอาหาร และแนะนำวิตามินที่เหมาะสม
3. Improve Customer Experience: ยกระดับประสบการณ์
ทำให้ลูกค้ารู้สึก “WOW” กับแบรนด์ เช่น การจัดกิจกรรมที่สร้างประสบการณ์ใหม่แก่ลูกค้า รวมถึงการกระตุ้นให้เกิด UGC
ทำยังไงให้เกิด UGC?

- ต้องทำให้ลูกค้าได้ประสบการณ์ที่ดีและว้าว
- มีพื้นที่ที่จะปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า
- Branded Hashtag เกิดจากการสื่อสารซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเกิดคอนเทนต์ใน Hashtag
- ตัวอย่าง: Rhode แบรนด์เครื่องสำอางที่สร้างคาเฟ่ขึ้นมาและสร้างประสบการณ์ทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจจนอยากทำคอนเทนต์แชร์คนอื่นต่อ
4. Leverage AI & Automation: นำเทคโนโลยีอัจฉริยะเข้ามาช่วย
ในยุคนี้ธุรกิจควรนำ AI เข้ามาช่วยในการยกระดับธุรกิจให้ทำงานได้ไวมากขึ้น เช่น ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูล หรือสร้างแคมเปญที่เร็วกว่า
5. Gen Z Marketing: เน้นความหลากหลายและสุขภาพจิต

Gen Y และ Z ใช้จ่ายกับสินค้าและบริการด้าน Beauty & Wellness มากกว่าคนรุ่นอื่นๆ แบรนด์ใดอยากคุยกับ Gen Z เรื่องของ Mental Wellness ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะนำเสนอให้คนวัยนี้ เพราะวัยนี้ให้ความสำคัญกับ Mental Health เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ การจะเข้าถึงคนกลุ่มนี้ได้แบรนด์สามารถนำเสนอถึงความหลากหลายได้ในหลายมิติ ไม่ว่าจะ Skin Tone, Body Shape, Age, Gender, Sexual Orientation และอื่นๆ อีกมากมาย
Key Statistics
- 25% ของ Gen Z รู้สึก Left Out จากโฆษณาด้าน Beauty
- 38% เลือกซื้อแบรนด์ที่ส่งเสริมความหลากหลาย
- 43% มีความสุขที่ได้เห็นความงามหลากหลายในโฆษณาด้านความงาม
- 57% แบรนด์ความงามควรช่วยลดการตีตราข้อบกพร่องต่างๆ
- 49% โฆษณาความงามควรทำให้คนรู้สึกดีกับตัวเอง
สรุป
ธุรกิจความงามและสุขภาพในปี 2025 ต้องทำความเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าในยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ คุณภาพชีวิต และความโปร่งใสของแบรนด์ การนำกลยุทธ์ด้าน Personalized Marketing, การพัฒนา UGC และการใช้ AI จะช่วยให้แบรนด์เติบโตและตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคที่คาดหวังคุณภาพที่สูงกว่าเดิม