แม้แต่เจ้าพ่อวงการไอที ผู้บุกเบิก Microsoft อย่าง Bill Gate ยังเคยพูดไว้ว่า ‘Content is King’ หรือ ‘คอนเทนต์คือราชา’ 


แสดงให้เห็นว่าคอนเทนต์ เป็นสิ่งที่สำคัญมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะ Content คือคำตอบที่คนกำลังมองหา และถ้าไม่มี Content เราจะไม่สามารถ ‘สื่อสาร’ กับลูกค้าของเราได้เลย บวกกับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของโลกออนไลน์ ยิ่งทำให้คนสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ได้สะดวก รวดเร็ว และง่ายดายมากยิ่งขึ้น แสดงว่ายิ่งเราสามารถสร้างคอนเทนต์ที่เกือบทุกคนสามารถรับรู้และเข้าใจ ‘สาร’ ที่เราจะสื่อ สินค้าและบริการของเราจะยิ่งเติบโตและงอกเงยมาเท่านั้น

Content is King by Bill Gates

หลายๆ คนอาจจะยังไม่เข้าใจชัดเจนว่าอะไรคือความหมายของประโยคนี้ งั้นเรามาเริ่มเลยดีกว่า

Content is King คืออะไร มีความหมายอย่างไร

จากบริบทของประโยค คุณสามารถรับรู้ถึงความทรงพลังของ Content ที่มีต่อโลก Digital Marketing ที่ใครๆ ก็สามารถแวะเยี่ยมชมได้ทุกเมื่อ และแน่นอนว่าถ้ายิ่งสามารถบริหารจัดการ Content ให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน ส่งผ่านสื่อที่เหมาะสม และถ่ายทอดให้กับคนที่ต้องการรับฟัง คุณก็จะยิ่งมีแนวโน้มที่จะสำเร็จในการทำ Content และที่สำคัญก็คือ Content ไม่ได้มีแค่รูปแบบของการเขียนเพียงอย่างเดียว ยังมีแบบรูปภาพ วีดิโอ อินโฟกราฟิก และอะไรอื่นๆ ที่เรานับเป็น ‘สาร’  


เพราะฉะนั้นถ้าเราสร้างเนื้อหาภายในสื่อเป้าหมายของเราได้เป็นรูปแบบและมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเว็บไซต์หรือช่องทางของเราก็จะยิ่งผ่านหูผ่านตาผู้คนมากขึ้นเท่านั้น ขอแค่รู้เป้าหมายว่ากำลังส่ง ‘สาร’ ให้ใครและต้องการอะไรเป็นสิ่งตอบแทนจากพวกเขา เห็นหรือยังว่าทำไมใครใครถึงบอกว่า Content is King

ความสำคัญของ Content ในฐานะราชา

data never sleeps 4.0

สถิติจาก Marketing Profs นั้นบอกว่าในทุกๆ วัน จะมีคนโพสต์บทความมากกว่า 2 ล้านโพสต์

Infographic จาก Domo นั้นบอกไว้อีกด้วยว่า ในปัจจุบันนี้ ทุกๆ 1 นาทีจะมีคนโพสต์ Facebook จำนวน 2.5 ล้านคอนเทนต์, มีคน Tweet บน Twitter มากกว่า 3 แสนครั้ง, มีคนโพสต์รูปลง Instagram กว่า 220,000 รูป, มีคนอัปโหลดวีดีโอขึ้น YouTube เป็นเวลามากกว่า 72 ชั่วโมง นอกจากนั้นแล้วคอนเทนต์ยังถูกส่งไป Platform ต่างๆ อีกมากมายอีกด้วย

คอนเทนต์มากมายต่างหลั่งไหลขึ้นมาบนโลกออนไลน์เกินกว่าที่คนจะเสพไหว อำนาจค่อยๆ ไหลจากมือของผู้ผลิตคอนเทนต์ไปยังผู้เสพคอนเทนต์

และนั่นคือคำตอบที่ว่า Content is King คืออะไร ทำไมใครๆ ก็พูดประโยคนี้ และแน่นอนว่าในโลกของ Content Marketing จะมีเพียงราชาปกครองอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีราชินีมายืนเคียงข้างด้วย มาดูกันต่อดีกว่าว่า Queen ในที่นี้คืออะไร 

Context is Queen ราชินีตัวจริงแห่ง Content Marketing

คอนเทกซ์ ถ้าแปลเป็นไทยจะหมายความว่า บริบท ซึ่ง Adwhite ได้ให้คำนิยามของคำว่าคอนเทกซ์ไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า คอนเทกซ์ คือการส่งคอนเทนต์ที่ใช่ ในเวลาที่ใช่ ให้กับคนที่ใช่

และแน่นอนว่าต่อให้ Content จะยิ่งใหญ่เพียงไหน ย่อมต้องมีแผนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ 

คอนเทนต์ที่ใช่

Content is King and the audience's platforms

ถ้า Content is King แล้วจะเป็น King ในรูปแบบไหนละ? คุณต้องคิดก่อนว่าคอนเทนต์ที่คุณจะส่งนั้นจะเป็นบทความ, รูปภาพ, วีดีโอ หรืออินโฟกราฟฟิก

นอกจากนั้นแล้ว จากตัวอย่างของ Rock the Deadline ข้างบน คุณก็ต้องคิดอีกด้วยว่าคอนเทนต์นั้นๆ จะเหมาะกับช่องทางไหนเช่น ถ้าเป็นบล็อกก็อาจจะผสมคอนเทนต์หลายๆ รูปแบบ แต่เน้นบทความเป็นหลัก, ถ้าเป็น Instagram ก็ควรจะเป็นรูป และวีดีโอ, ถ้าเป็น YouTube ก็ควรจะเป็นวีดีโอ และถ้าเป็น Facebook ก็เป็น… อะไรก็ได้ (ขออนุญาติไม่เขียนถึง Social Media ตัวอื่นๆ นะครับ เพราะผมคิดว่าคนไทยน่าจะไม่ค่อยได้ใช้สักเท่าไหร่)

ถึงแม้ว่าคอนเทนต์ที่คุณอยากจะสื่อออกไปนั้นมันเหมือนกัน แต่รูปแบบและช่องทางที่คุณเลือกนั้น อาจจะให้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน 

เวลาที่ใช่

Sales Funnels for the buyers

เวลาในที่นี้ไม่ใช่เพียงแค่ว่าคุณจะเลือกปล่อยคอนเทนต์ของคุณในเวลาไหน แต่ประเด็นหลักสำหรับคำว่า “เวลาที่ใช่” คือคอนเทนต์นั้นๆ ควรจะปล่อยตอนที่คุณ และคนที่เสพคอนเทนต์ของคุณนั้นมีความสัมพันธ์กันถึงขั้นไหน

ลองดูรูปข้างบนที่เป็นตัวอย่างจาก powered by search ประกอบไปด้วยนะครับ

ถ้าเขาพึ่งรู้จักคุณครั้งแรก คอนเทนต์ของคุณก็ควรจะเป็นคอนเทนต์ที่ให้ความรู้ และส่งมอบคุณค่าอะไรบางอย่างให้กับคนนั้นๆ เช่นบทความ, วีดีโอแบบ How-to หรือเทมเพลตต่างๆ เป็นต้น

ถ้าเขารู้จักคุณมาสักระยะแล้ว และเขาอาจจะมีความสนใจในสินค้าของคุณ คอนเทนต์ของคุณก็ควรจะเป็นคอนเทนต์ที่ทำให้เขารู้จักคุณมากขึ้นอีกสักหน่อย เช่น  Case Study, eBook หรือวีดีโอแสดงตัวอย่างสินค้าของคุณ เป็นต้น

ถ้าเขาเริ่มรู้สึกสนใจในสินค้าของคุณ คอนเทนต์ของคุณก็ควรจะเป็นคอนเทนต์ที่ไขข้อข้องใจทุกอย่างทั้งหมดของเขา และทำให้เขาตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เช่น หน้าแสดงราคา, Free Demo หรือคูปองส่วนลด เป็นต้น

ถ้าคุณขาย ในช่วงเวลาที่ไม่ควรขาย แนวโน้มที่คนจะซื้อของของคุณก็คงจะต่ำ เช่นเดียวกัน ถ้าคุณไม่ยอมขาย ในช่วงที่ควรขาย คุณก็อาจจะเสียโอกาสที่จะขายของได้

คนที่ใช่

สิ่งที่สำคัญเหนืออื่นใดนอกจากคอนเทนต์ที่ใช่ และเวลาที่ใช่ แล้วคือคุณต้องส่งมอบคุณค่าที่คุณมีไปให้กับคนที่ใช่ สิ่งที่มีคุณค่ากับคนหนึ่งคน อาจจะไม่ได้มีความหมายกับคนอีกคนเลยก็เป็นได้

มันคงไม่เหมาะที่จะสอนจระเข้ให้ปีนต้นไม้

มันคงไม่เหมาะถ้าคุณจะทำคอนเทนต์เกี่ยวกับเรื่องการเขียนโปรแกรม ให้กับนักกีฬา

และมันคงไม่เหมาะที่จะจับคู่ราชา ให้กับราชินีที่ไม่ได้หลงรักในตัวราชา

วิธีการเบื้องต้นที่ใช้ตามหาคนที่ใช่ได้ดีที่สุดวิธีหนึ่งก็คือการทำ Buyer Personas ขึ้นมา เพื่อที่คุณจะได้เห็นภาพคนที่จะเข้ามาเสพคอนเทนต์ของคุณ

สรุป

คอนเทนต์ที่ดีเพียงอย่างเดียวนั้นอาจจะไม่ได้ช่วยให้คุณไปถึงฝั่งฝัน คุณต้องมีแผนการสำหรับ Context หรือวิธีการส่ง Content ที่ใช่ ในเวลาที่ใช่ ไปให้คนที่ใช่ด้วย

เมื่อใดก็ตามที่คุณสามารถผสาน Content และ Context เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืนแล้ว คอนเทนต์ของคุณจะเข้าไปถึงใจคนเสพ และในที่สุดแล้วมันจะวกกลับมาตอบโจทย์ธุรกิจของคุณอย่างแน่นอน

“Content is King while Context is Queen, and the lady runs the house :)”

ตาคุณแล้ว

การเปรียบเทียบระหว่างคอนเทนต์ Content is King / Context is Queen ของผมเป็นยังไงบ้าง? คุณชอบรึเปล่า? หรือว่ามันดูเข้าใจยากเกินไป? พิมพ์มาคุยกันต่อได้ในคอมเมนต์ได้เลยครับ : )

Shifu แนะนำ
ถ้าหากคุณสนใจอยากสร้าง “พระราชา” และจับคู่ “ราชินี” เพื่อสร้างเรื่องราวธุรกิจที่จบด้วยงานวิวาห์สมหวัง ราษฎรโห่ร้องบรรเทิงใจ คอร์สเรียน Content Marketing Blueprint คือ คอร์สเรียนที่ Content Shifu ออกแบบเพื่อศาสตร์ Content Marketing โดยเฉพาะตั้งแต่แก่นจนปลายทางผลลัพธ์การตลาด วางกลยุทธ์คอนเทนต์ที่ใช่ สร้างคอนเทนต์ที่ใช่ ส่งในเวลาที่ใช่ให้เหมาะกับคนที่ใช่ และ “ใช่” กับธุรกิจของคุณ

B2B-Batch2