Blog

นักทำ SEO จะทำอย่างไร เมื่อ AI Search เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค?

• 29 พฤษภาคม 2025

นักทำ SEO จะทำอย่างไร เมื่อ AI Search เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการค้นหาของผู้บริโภค? SEO ยังสำคัญอยู่ไหม ในวันที่ AI ตอบเก่งขึ้นเรื่อย ๆ!? แล้วทำยังไงให้เนื้อหาของเว็บไซต์เราไปโผล่ในคำตอบของ AI ได้บ้าง พร้อมป้ายยาเครื่องมือเช็กว่าเนื้อหาของเว็บเราได้ถูกโชว์ในการค้นหาผ่าน AI แล้วบ้างหรือยัง

Share on

Share on

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว AI (Artificial Intelligence) กำลังมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวิธีการที่ผู้คนค้นหาข้อมูลในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะเมื่อ AI Search เช่น ChatGPT, Claude, หรือ Gemini เริ่มเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการค้นหาข้อมูลอะไรบางอย่าง จากการใช้ Search Engine ที่เราคุ้นเคยกันมาตลอดอย่าง Google ไปสู่การใช้ AI ที่สามารถให้คำตอบแบบรวดเร็วและตรงไปตรงมาได้มากขึ้น 

สิ่งนี้ทำให้มีหลายคนเลยครับที่ถามผมเข้ามาว่าแล้ว SEO ยังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่? นักทำ SEO ควรต้องปรับตัวอย่างไรเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น บทความนี้ผมจะตอบคำถามเหล่านี้อย่างละเอียดเลยครับ

AI Search แตกต่างกับ Google Search อย่างไร?

การค้นหาข้อมูลออนไลน์ในยุคปัจจุบันได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จากการที่ผู้คนเริ่มหันไปใช้เครื่องมือค้นหาที่พัฒนาโดย AI เช่น ChatGPT, Claude, หรือ Gemini ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing, NLP) เพื่อให้คำตอบที่ตรงไปตรงมาในลักษณะของการสนทนา ที่เราสามารถระบุสิ่งที่เราต้องการอย่างละเอียดและเพิ่มข้อมูลให้ทาง AI ช่วย

คราวนี้เมื่อเราลองเปรียบเทียบกับ Google Search ที่ยังคงทำงานโดยการแสดงลิงก์ผลการค้นหาจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งให้ผู้ใช้เลือกคลิกเพื่อเข้าไปหาคำตอบที่ต้องการ แม้ทั้งสองเครื่องมือมีจุดประสงค์ที่คล้ายกัน คือ การให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต แต่รูปแบบการทำงานและการประมวลผลต่างกันอย่างชัดเจนเลยครับ

วิธีการค้นหาข้อมูลเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง?

แต่ก่อนผู้ใช้ทุกคนจะมีพฤติกรรมการค้นหาที่คล้ายกัน คือ การพิมพ์ Keyword หรือคำที่ค้นหาลงใน Google Search แล้วรอผลลัพธ์จากเว็บต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Keyword เหล่านั้น ซึ่งการค้นหามักจะนำไปสู่การคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อให้ Users หาคำตอบหรือข้อมูลที่ต้องการใช่ไหมครับ 

แต่ในปัจจุบันการค้นหาข้อมูลมีทางเลือกมากขึ้น โดยเฉพาะกับการใช้ AI Search ซึ่งไม่จำเป็นต้องคลิกเข้าเว็บไซต์หลาย ๆ หน้าเพื่อหาข้อมูลอีกต่อไป โดยฝั่งของ AI Search ที่เราคุ้นเคยกันเช่น ChatGPT, Claude หรือ Gemini จะสามารถให้คำตอบโดยตรงจากฐานข้อมูลที่ถูกฝึกหรือถูก Learning มา ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานได้รับคำตอบทันทีโดยไม่จำเป็นต้องสลับหน้าหลาย ๆ ครั้ง เพื่อหาข้อมูลที่ต้องการ

ด้วยเหตุนี้ พฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้งานจึงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง โดยผู้ใช้เริ่มหันมาใช้ AI Search ในการค้นหาข้อมูล เช่น การถามคำถามในรูปแบบของการสนทนา หรือการขอคำแนะนำจาก AI ซึ่งสามารถตอบคำถามได้ในรูปแบบที่ Specific ได้ ถามข้อมูลเชิงลึก ๆ ได้ ถ้าให้ผมลองยกตัวอย่าง สมมติว่าเราเป็น Developer แต่ก่อนการที่คุณจะเขียนโค้ดขึ้นมาสักชุดหนึ่ง กรณีว่าถ้าคุณไม่มี Background Knowleadge มาก่อนเลย ก็ต้องมาเสิร์ช Google หาเว็บไซต์ที่สอน หาเว็บไซต์ที่อธิบาย แล้วไปทำความเข้าใจเอง 

แต่พอการเข้ามาของ AI Search เราสามารถป้อน Prompt ไปได้เลยว่า ช่วยเขียนโค้ด Javascript สำหรับการทำให้เว็บไซต์แสดงผลใน IPhone (ตัวอย่างนะครับ) AI ก็จะ Generate เป็นชุดโค้ดมาให้เราเลย ซึ่งแน่นอนครับว่าเราสามารถนำชุดโค้ดตรงนั้นไปทำงานจริงได้ทันทีเลยเช่นกัน

ความแตกต่างระหว่าง AI Search กับ Google Search

  1. เมื่อผู้ใช้ค้นหาข้อมูลใน Google Search พวกเขามักจะได้รับลิสต์ของลิงก์ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาของพวกเขา และต้องเลือกคลิกเพื่อเข้าไปอ่านข้อมูลในเว็บต่างๆ ส่วน AI Search เช่น ChatGPT จะให้คำตอบในทันทีภายในหน้าต่างการสนทนา โดยที่ไม่ต้องคลิกเข้าเว็บเพิ่มเติม

ตัวอย่าง หากผู้ใช้ค้นหาคำว่า “วิธีทำ SEO” ใน Google Search ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นลิสต์ของลิงก์ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหา ซึ่งผู้ใช้จะต้องคลิกเข้าไปในแต่ละลิงก์เพื่อหาคำตอบ ในขณะที่การค้นหาคำเดียวกันใน ChatGPT ผู้ใช้จะได้รับคำอธิบายที่ตอบสนองคำถามของเขาในทันที โดยไม่ต้องเข้าชมเว็บไซต์เพิ่มเติม

  1. Google จะมีเบื้องหลังในการจัดอันดับเว็บไซต์ตาม Keyword ที่มีคุณภาพ แต่ AI Search อย่าง ChatGPT จะให้ผลลัพธ์โดยตรงจากการประมวลผลข้อมูลที่มีอยู่ ซึ่งเป็นการดึงข้อมูลมาจาก Bing (ซึ่งเป็น Search Engine ในเครือของ Microsoft) แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาแสดงผลในแพลตฟอร์มของแต่ละ AI

เราจะเห็นได้เลยว่า การทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับใน Google Search คือจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ข้อมูลของธุรกิจของคุณไปแสดงผลใน AI Search ครับ 

การทำ SEO ยังสำคัญอยู่ไหม ในเมื่อมี AI Search เข้ามาแล้ว?

แม้ว่าการเข้ามาของ AI Search จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการค้นหาข้อมูลของผู้ใช้ แต่จากข้อมูลของ Statcounter เกี่ยวกับส่วนแบ่งตลาด Search Engine ในประเทศไทยที่เก็บข้อมูลถึงเดือนพฤศจิกายน 2024 พบว่า Google ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดอย่างท่วมท้นที่ 97.11% โดยมี Bing มาเป็นอันดับสองที่ 1.64% ส่วนเครื่องมือค้นหาอื่นๆ เช่น Yahoo, DuckDuckGo, Yandex และ Baidu มีส่วนแบ่งตลาดที่น้อยมาก ทำให้ Google ยังคงเป็นผู้นำในการค้นหาข้อมูลออนไลน์ในประเทศไทยอย่างชัดเจน

นักทำ SEO จะทำอย่างไร เมื่อ AI Search เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการค้นหาของผู้บริโภค? SEO ยังสำคัญอยู่ไหม ในวันที่ AI ตอบเก่งขึ้นเรื่อย ๆ!? แล้วทำยังไงให้เนื้อหาของเว็บไซต์เราไปโผล่ในคำตอบของ AI ได้บ้าง พร้อมป้ายยาเครื่องมือเช็กว่าเนื้อหาของเว็บเราได้ถูกโชว์ในการค้นหาผ่าน AI แล้วบ้างหรือยัง

จากข้อมูลในแผนภูมิส่วนแบ่งตลาดเครื่องมือค้นหาบนอุปกรณ์เดสก์ท็อปทั่วโลกตั้งแต่เดือนมกราคม 2015 ถึงมกราคม 2025 พบว่า Google ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ 79.07% ในเดือนธันวาคม 2024 ขณะที่ Bing อยู่ที่ 11.94% และ Yahoo! ที่ 3% ส่วนเครื่องมือค้นหาอื่นๆ เช่น Yandex, DuckDuckGo และ Baidu มีส่วนแบ่งตลาดที่ต่ำกว่ามาก โดยรวมแล้วก็ยังคงเป็น Google ยังคงเป็นผู้นำอย่างท่วมท้นในตลาดเครื่องมือค้นหาทั่วโลก นั่นแสดงให้เห็นว่าการทำ SEO ก็ยังเป็นกลยุทธ์ในการทำการตลาดที่ยังคงทรงพลังต่อไป 

นักทำ SEO จะทำอย่างไร เมื่อ AI Search เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการค้นหาของผู้บริโภค? SEO ยังสำคัญอยู่ไหม ในวันที่ AI ตอบเก่งขึ้นเรื่อย ๆ!? แล้วทำยังไงให้เนื้อหาของเว็บไซต์เราไปโผล่ในคำตอบของ AI ได้บ้าง พร้อมป้ายยาเครื่องมือเช็กว่าเนื้อหาของเว็บเราได้ถูกโชว์ในการค้นหาผ่าน AI แล้วบ้างหรือยัง

หรือถ้าจากข้อมูลด้านบนยังชี้วัดได้ไม่มากพอ ผมขอพาทุกคนมาดูกราฟข้อมูลปริมาณ Search Volume ใน Keyword ที่เกี่ยวข้องกับการทำ SEO ที่เรียกว่าเป็น Keyword ที่ยังคงมีปริมาณการ Search ใน Google อยู่ไม่น้อยเลยครับ สำหรับคำว่า “รับทำ SEO” และ “SEO คือ” พบว่าในช่วงปีที่ผ่านมา ความนิยมในการค้นหาคำเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน

นักทำ SEO จะทำอย่างไร เมื่อ AI Search เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการค้นหาของผู้บริโภค? SEO ยังสำคัญอยู่ไหม ในวันที่ AI ตอบเก่งขึ้นเรื่อย ๆ!? แล้วทำยังไงให้เนื้อหาของเว็บไซต์เราไปโผล่ในคำตอบของ AI ได้บ้าง พร้อมป้ายยาเครื่องมือเช็กว่าเนื้อหาของเว็บเราได้ถูกโชว์ในการค้นหาผ่าน AI แล้วบ้างหรือยัง

การค้นหาคำว่า “รับทำ SEO” มีความผันผวนอย่างชัดเจนในช่วงระยะเวลาต่างๆ โดยเฉพาะในเดือนกันยายนและตุลาคมที่มีการค้นหาค่อนข้างสูงในช่วงเวลาดังกล่าว (เกือบ 8,000 ครั้ง) ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการเริ่มต้นหรือสิ้นสุดปีที่มีการขยายธุรกิจออนไลน์ หรือโปรโมชันที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 

นักทำ SEO จะทำอย่างไร เมื่อ AI Search เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการค้นหาของผู้บริโภค? SEO ยังสำคัญอยู่ไหม ในวันที่ AI ตอบเก่งขึ้นเรื่อย ๆ!? แล้วทำยังไงให้เนื้อหาของเว็บไซต์เราไปโผล่ในคำตอบของ AI ได้บ้าง พร้อมป้ายยาเครื่องมือเช็กว่าเนื้อหาของเว็บเราได้ถูกโชว์ในการค้นหาผ่าน AI แล้วบ้างหรือยัง

ส่วนการค้นหาในคำว่า “SEO คือ” ก็มีการค้นหาที่คล้ายคลึงกับคำว่า “รับทำ SEO” แต่การค้นหาจะสูงขึ้นในช่วงกลางปี (กรกฎาคมและสิงหาคม) โดยมีการค้นหาที่สูงมากในช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งอาจสะท้อนถึงการสนใจในเรื่องของ SEO เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางปี 

ซึ่งจากตัวเลขในทั้ง 2 กราฟนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า SEO ยังคงเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องและมีการค้นหาตลอดทั้งปี นั่นแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน ผู้คนยังคงต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ SEO อยู่เสมอ ซึ่งทำให้การทำ SEO ยังคงมีความสำคัญในการช่วยให้เว็บไซต์หรือธุรกิจของคุณสามารถเข้าถึงคนที่กำลังมองหาข้อมูลหรือบริการที่เกี่ยวข้องได้ง่ายขึ้น 

อีกทั้งข้อมูลที่ผมเอามาประกอบให้ดูเราจะเห็นได้ชัดเลยนะครับว่าแม้ AI Search จะมาเปลี่ยนแปลงวิธีการค้นหาของ Users บ้าง แต่การทำ SEO ก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เว็บไซต์ปรากฏในผลการค้นหาของ Google อยู่

แจกวิธีเช็กว่ามีคนเจอเว็บไซต์ของเราบน AI Search แล้วหรือยัง

ปัจจุบันการทำ SEO ได้มีการพัฒนามาไกลจากแต่ก่อนมากครับ เราสามารถใช้เครื่องมือต่างๆ ในการติดตามข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดอันดับ (Ranking) ของ Google, Visibility, และ Traffic ได้อย่างรวดเร็ว เช่น ผ่านเครื่องมือที่ช่วยติดตามข้อมูลอย่าง Google Search Console, Google Analytics หรือเครื่องมือเฉพาะอื่นๆ เช่น Serank ซึ่งสามารถแสดงผลข้อมูลที่สำคัญในการประเมินผลการทำ SEO ได้อย่างแม่นยำ

ต้องบอกว่าแต่ก่อนการทำ SEO นั้นเราจะไม่สามารถรู้ได้ทันทีว่าพฤติกรรมของ User ในการที่พวกเขาจะค้นหาข้อมูลบนโลกออนไลน์เป็นอย่างไร แต่ในปัจจุบัน เราสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ได้ด้วยการใช้เครื่องมือที่มีความสามารถในการวิเคราะห์เชิงลึกและติดตามข้อมูลจากหลากหลายแหล่งได้ทันที 

อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงการที่ธุรกิจจะรู้ว่าแบรนด์ของเราได้รับการค้นพบจาก AI Search มากน้อยแค่ไหนนั้น อาจจะต้องพึ่งเครื่องมือใหม่ ๆ ที่สามารถติดตามข้อมูลเหล่านี้ได้ เช่น Brand Radar จาก Ahrefs ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สามารถให้ข้อมูลในเชิงลึกเกี่ยวกับการค้นหาผ่าน AI อย่าง ChatGPT หรือ Gemini ได้ แม้ว่าตอนนี้ LM Chatbot ของ Ahrefs ยังไม่มีแผนเปิดให้บริการในประเทศไทย แต่เครื่องมือแบบนี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางของเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามามีบทบาทในการติดตามผล SEO บน AI Search ได้ครับ

นักทำ SEO จะทำอย่างไร เมื่อ AI Search เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการค้นหาของผู้บริโภค? SEO ยังสำคัญอยู่ไหม ในวันที่ AI ตอบเก่งขึ้นเรื่อย ๆ!? แล้วทำยังไงให้เนื้อหาของเว็บไซต์เราไปโผล่ในคำตอบของ AI ได้บ้าง พร้อมป้ายยาเครื่องมือเช็กว่าเนื้อหาของเว็บเราได้ถูกโชว์ในการค้นหาผ่าน AI แล้วบ้างหรือยัง

ซึ่งตัวผมเองมองว่าในอนาคต หากเครื่องมือเช่น Brand Rader ถูกนำมาใช้ในไทยมากขึ้นเมื่อไร การติดตามผลการค้นหาผ่าน AI จะสามารถทำได้ในลักษณะที่ใกล้เคียงกับการติดตามผ่าน Google Search และเครื่องมือ Tracking อื่น ๆ ในปัจจุบัน

การรู้ว่าแบรนด์ของเรามีการมองเห็นใน AI Search มากน้อยแค่ไหนก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินผลการทำ SEO และปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มโอกาสในการถูกค้นพบในยุค AI ได้ดียิ่งขึ้น

แจกเครื่องมือวิเคราะห์ AI Search ใช้งานฟรี

สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่า อยากลองวัดว่ามีคนค้นหาแบรนด์ของคุณผ่านทาง AI Search แต่ทางทีม NerdOptimize ได้พัฒนาตัว AI Search Tracker และ AI Traffic ขึ้นมาเพื่อช่วยธุรกิจและแบรนด์ในการติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลการค้นหาผ่าน AI ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการทำ Generative Engine Optimization (GEO) และการปรับแผนกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

AI Search Tracker (ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน Looker Studio) เป็นเครื่องมือที่ทาง NerdOptimize พัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามการค้นหาผ่านเครื่องมือ AI ต่าง ๆ อย่างเช่น ChatGPT, Gemini และ Perplexity และวิเคราะห์ว่ามีผู้ใช้จำนวนเท่าไหร่ที่ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์หรือธุรกิจของเราผ่าน AI Search บ้าง ซึ่งช่วยวัดผลการทำ SEO ผ่าน AI Search ของแบรนด์ได้ด้วย

นอกจากนั้น NerdOptimize ยังได้พัฒนาแพลตฟอร์มในการวิเคราะห์ AI Traffic (สามารถดูได้ที่ NerdOptimize – AI Traffic) ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการแสดงข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณ Traffic ของเว็บไซต์ที่มาจาก AI Search โดยช่วยให้ธุรกิจสามารถดูและวิเคราะห์ได้ว่า เว็บไซต์ของพวกเขามีการรับการเข้าชมจาก AI Search มากน้อยแค่ไหน รวมถึงการตรวจสอบแหล่งที่มาของการเข้าชมนี้ และสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้ในการทำ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นักทำ SEO จะทำอย่างไร เมื่อ AI Search เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการค้นหาของผู้บริโภค? SEO ยังสำคัญอยู่ไหม ในวันที่ AI ตอบเก่งขึ้นเรื่อย ๆ!? แล้วทำยังไงให้เนื้อหาของเว็บไซต์เราไปโผล่ในคำตอบของ AI ได้บ้าง พร้อมป้ายยาเครื่องมือเช็กว่าเนื้อหาของเว็บเราได้ถูกโชว์ในการค้นหาผ่าน AI แล้วบ้างหรือยัง

นี่คือหน้าตาคร่าว ๆ ของตัว AI Traffic Tracker ซึ่งถ้าใครมีพื้นฐานการใช้งาน Analytics Tools มาก่อนแล้ว เช่น Google Analytics หรือ Google Search Console ก็สามารถใช้งานเครื่องมือนี้ได้ไม่ยากครับ

โดย AI Traffic Tracker สามารถ Visualize ข้อมูลได้หลาย Metrics เช่น

  • View, Session และ Key Event ที่เกิดจาก AI
  • จำนวน Session ที่เกิดจาก AI ในแต่ละเดือน
  • ชาร์ตแยกเปอร์เซ็นต์ Session ตาม AI แต่ละตัว
  • จำนวน Session แยกตาม Page และ AI

โดยข้อมูลจากเครื่องมือ AI Search Tracker ยังสามารถนำไปปรับแผนกลยุทธ์การตลาดและการทำ SEO ได้ตรงจุดมากขึ้น ทำให้แบรนด์สามารถพัฒนากลยุทธ์และปรับตัวตามพฤติกรรมผู้ใช้ในยุค AI ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ต้องทำอย่างไร ให้แบรนด์ถูกพูดถึงผ่าน AI Search มากขึ้น ? 

ในการทำ Generative Engine Optimization (GEO) เพื่อให้แบรนด์ของคุณสามารถถูกค้นพบและแสดงผลในการค้นหาผ่าน AI Search การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและมีประโยชน์ต่อผู้อ่านเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เลยครับ

ผมอยากแนะนำเคล็ดลับคือเรื่องของการทำบทความแนว Digital PR และการทำ SEO ที่แข็งแกร่ง จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสที่จะปรากฏอยู่ในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาอย่าง Google หรือ Bing

เนื่องจาก AI Search อย่าง ChatGPT มีการดึงข้อมูลจาก Bing (Search Engine ที่พัฒนาโดย Microsoft) เป็นหลักในการดึงข้อมูลเพื่อตอบคำถามของผู้ใช้ หากธุรกิจของคุณต้องการให้ ChatGPT หรือ AI อื่น ๆ นำข้อมูลจากเว็บไซต์ของคุณไปแสดงผลอย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งที่ต้องทำคือการทำเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้เหมาะสมและถูกต้องตามหลัก SEO โดยเฉพาะการพัฒนาเนื้อหาที่มีคุณภาพและได้รับการสนับสนุนจากการทำบทความแนว Digital PR ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณถูกจัดอันดับบน Bing (โดยการจัดอันดับของ Bing มีความคล้ายคลึงกับ Google) ซึ่งมีโอกาสทำให้ชื่อแบรนด์หรือเว็บไซต์ของคุณ ถูกเครื่องมือ AI Search เจอแล้วนำข้อมูลมาอ้างอิงได้ครับ

สำหรับใครที่ยังไม่เห็นภาพ ผมขอเล่าด้วยภาพนี้ภาพเดียวเลยครับ 

นักทำ SEO จะทำอย่างไร เมื่อ AI Search เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการค้นหาของผู้บริโภค? SEO ยังสำคัญอยู่ไหม ในวันที่ AI ตอบเก่งขึ้นเรื่อย ๆ!? แล้วทำยังไงให้เนื้อหาของเว็บไซต์เราไปโผล่ในคำตอบของ AI ได้บ้าง พร้อมป้ายยาเครื่องมือเช็กว่าเนื้อหาของเว็บเราได้ถูกโชว์ในการค้นหาผ่าน AI แล้วบ้างหรือยัง

ดังนั้น การทำ SEO ให้แข็งแกร่งและการสร้างเนื้อหาที่เหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มโอกาสให้แบรนด์ของคุณได้รับการค้นพบและมีการแสดงผลใน AI Search อย่าง ChatGPT รวมไปถึง AI ตัวอื่น ๆ เช่น Gemini, Perplexity, Claude ฯลฯ ได้อีกด้วย

สรุป 

แม้ว่าเทคโนโลยี AI จะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้ แต่การทำ SEO ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้แบรนด์ของคุณปรากฏอยู่ในผลการค้นหาทั้งใน Google และ Bing ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลหลักที่ AI Search อย่าง ChatGPT และเครื่องมือ AI อื่น ๆ ใช้ในการดึงข้อมูลเพื่อตอบคำถามของผู้ใช้

ยิ่งในปัจจุบันที่เป็นยุคที่ AI Search กำลังค่อย ๆ เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคไปอย่างช้า ๆ การทำ SEO จึงไม่ใช่แค่การช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้า SERP อย่างเดียวเท่านั้นแล้วครับ แต่ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความเป็นที่รู้จักให้กับแบรนด์ในวงกว้าง และทำให้แบรนด์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาของ AI ซึ่งสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ใช้ในยุคใหม่ นี่เป็นเหตุผลที่ SEO ยังคงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ธุรกิจไม่สามารถมองข้ามได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคตข้างหน้าครับ

Share on

Ice Siripong

Writer

Ice Siripong

คนทำโฆษณาที่สนุกกับการเล่นกับอัลกอริทึมและกำลังหมกมุ่นอยู่กับความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ของ AI ในโลกการตลาด เชี่ยวชาญทั้งการวางกลยุทธ์ Paid Media และการเจาะลึกเทคนิค SEO ปัจจุบันสวมหมวก Managing Director ที่ NerdOptimize (SEO Agency) ที่เชื่อว่าการตลาดดี ๆ ต้องวัดผลได้จริง

More From Me