หลายๆ ครั้ง หลายๆ หน คนจะคิดว่า Inbound Marketing คือ การทำการตลาดแบบไม่เสียเงิน แต่เป็นการสร้างของเจ๋งๆ ดีๆ เพื่อให้คนมาสนใจเอง

แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ครับ

การทำ Inbound Marketing นั้นไม่ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะต้องเสียเงิน หรือไม่เสียเงิน แต่มันขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังมอบสิ่งที่ลูกค้าของคุณต้องการ ในเวลาที่พวกเขาต้องการ แทนที่จะเป็นการไปรบกวนพวกเขารึเปล่า

ถ้ามองจากมุมนี้ ผมคิดว่า Google Ads หรือ Search Ads ควรจะเป็นส่วนหนึ่งของการทำ Inbound Marketing ครับ

เดี๋ยวผมจะค่อยๆ อธิบายให้อ่านนะครับว่าทำไม

ทำไม Search Ads ถึงเป็นส่วนหนึ่งของการทำ Inbound Marketing?

what is Google Ads

Google Ads เป็นบริการของ Google ที่จะช่วยให้คุณสามารถโชว์โฆษณาบน Google หรือที่อื่นๆ ที่เป็น Network ของ Google

สำหรับโฆษณาของ Google นั้น ส่วนที่เป็น Inbound Marketing นั้นก็คือ Search Ads สาเหตุก็เป็นเพราะว่าโฆษณาเหล่านี้จะแสดงให้คนเห็นก็ต้องเมื่อคนคนนั้นต้องการหาคำตอบ หรือต้องการหาทางแก้ไขปัญหาอะไรสักอย่างผ่าน Search Engine ของ Google

ตัวอย่าง Search Ads

เช่นถ้าคนคนนั้นค้นหาคำว่า “รองเท้าวิ่ง” แสดงว่าเขาคนนั้นต้องอยากรู้เรื่องเกี่ยบกับรองเท้าวิ่งเพิ่มเติม สิ่งที่ Google Ads ทำก็แค่การเอาโฆษณาของคุณไปไว้บนสุดเพื่อให้คนที่ค้นหาคำว่า “รองเท้าวิ่ง” เห็นข้อมูลของคุณก่อนก็เท่านั้นเอง

การโฆษณาแบบนี้ไม่ได้เป็นการเข้าไปขัดขวาง หรือไปรบกวนอะไรคนคนนั้น และคุณจะจ่ายก็ต่อเมื่อคนคลิกเท่านั้น (มันก็มักถูกเรียกว่า PPC หรือ Pay Per Click) วิธีนี้เลยเป็นวิธีที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพเป็นพิเศษ​ (แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่แพงกว่าเมื่อเทียบกับโฆษณาแบบ Banner หรือแบบ Facebook Ads)

Shifu แนะนำ
ใครที่อยากลงพื้นฐานการซื้อ Google Search Ads นะครับ Content Shifu ได้เขียนแนะนำไว้แล้ว เรื่องการทำ SEM ซึ่งว่าด้วยพื้นฐานการซื้อแอดไว้แล้วครับ

Search Ad เข้ามาช่วยเร่งผลลัพธ์ของ Inbound Marketing ได้อย่างไร

หากว่ากันตรงๆ Inbound Marketing ดูจะเป็นศาสตร์ที่ดีต่อลูกค้ามากกว่าแบรนด์ในระยะสั้นๆ เพราะเป็นหลักคิดที่ส่งมอบคุณค่าให้ก่อน แล้วแบรนด์ก็ค่อยๆ รอให้ผลลัพธ์เติบโตขึ้นเรื่อยๆ รอไปเรื่อยๆ และทำเป็นเรื่อยๆ ครับ

แน่นอนว่า ข้อดีของ Inbound คือ ความยั่งยืน ใช้ทุนน้อย แต่ข้อเสียของ Inbound ก็คือ เห็นผลช้านี่แหละครับ

outbound-vs-inbound

กราฟข้างต้น เปรียบเทียบการใช้ Outbound Marketing กับ Inbound Markeitng แบบชัดๆ ว่า Outbound ที่เป็นการยิงแอด หรือบรอดแคสต์แบรนด์เข้าไปหาผู้บริโภคเลย ได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างรวดเร็ว (แต่ขึ้นกับเงินลงทุนนะครับ) ส่วน Inbound นั้น ยั่งยืน แต่ก็ต้องรอเวลาเติบโตเหมือนต้นไม้

ที่นี่ มันก็มีทริค คือ การนำข้อดีของศาสตร์ทั้งสองมารวมกันครับ Outbound + Inbound ก็คือการใช้ Search Ads นี่ล่ะ เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา เร่งผลลัพธ์ให้เกิดขึ้นเร็วๆ ในช่วงแรก และปล่อยให้ Inbound ทำหน้าที่เลี้ยงผลลัพธ์ให้เติบโตของเขาต่อไป

ผลที่ได้ก็จะให้หน้าตาหล่อๆ แบบนี้

outbound-x-inbound

Search Ads กับการทำ SEO

ทำไมผมถึงแนะนำ Search Ads มาใช้ร่วมกับการทำ Inbound Marketing?

จริงๆ แล้ว การรวมพลังกันของ Outbound x Inbound Marketing นั้น สามารถใช้หลายๆ สื่อและวิธีการอื่นๆ มาใช้ได้ แต่ที่ผมอยากแนะนำให้ใช้ Google Ads หรือ Search Ads ก็เพราะว่า ธรรมชาติของโฆษณาประเภทนี้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค (คนเสิร์ชย่อมมี Search Intent หรือความต้องการที่จะรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว) โฆษณาประเภทนี้ จึงไม่ได้เข้าไปรบกวนพวกเขาอย่าง Ad ประเภทอื่นๆ

นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยเร่งผลลัพธ์ของ SEO ซึ่งเป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญของการทำ Inbound กล่าวคือ Ad สามารถช่วยให้หน้าเพจหนึ่งๆ สามารถติดอันดับดีๆ และเรียก Traffic (คุณภาพ จากการ Segment กลุ่มเป้าหมาย)ให้คนเข้ามายังเว็บเพจนั้นๆ หากเป็นเว็บเพจใหม่ หากเว็บเพจของเราตอบโจทย์ Visitor ได้ Google ก็จะจัดอันดับดีๆ ให้อย่างแน่นอน แม้ว่าเราจะเลือกจ่ายเงินซื้อแอดแล้ว

สรุปว่า เว็บเพจก็จะเติบโต ติดอันดับได้เร็วขึ้น จากเดิมที่อาจต้องใช้เวลา 3-4 เดือน หรือครึ่งปีเพื่อมาติดหน้า 2 หรือหน้า 1 …เมื่อใช้ Search Ads ช่วย อาจร่นระยะเวลาเหลือเพียง 1-2 เดือนเท่านั้น

ใช้ Search Ads ยังไงดี? ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าและได้ Conversion จริงๆ

ทีนี้คุณน่าจะพอเข้าใจคอนเซปต์แล้ว เดี๋ยวผมจะมาอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการใช้ Ads ให้ได้ผลดีนะครับ

1. Keyword… ต้องเลือกให้เป็น

การเลือก Keyword น่าจะถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำโฆษณาแบบเสิร์ชเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าเลือกไม่ดี นอกจากจะทำให้ขายไม่ได้แล้ว ยังจะทำให้คุณเสียเงินเยอะอีกด้วย

คำแนะนำของผมก็คือคุณควรที่จะเลือก Keyword ที่เป็น High Commercial Intent ซึ่งหมายความว่า Keyword นั้นๆ ควรจะเป็น Keyword ที่คนกำลังค้นหาเพื่อซื้อ เช่น “ซื้อรองเท้าวิ่ง” หรือ “จองที่พักหัวหิน”

Keyword ไม่ควรจะเป็นแค่คำที่คนใช้ค้นหาข้อมูล (เช่น “เปรียบเทียบรองเท้าวิ่ง” หรือ “หัวหิน พักไหนดี”)

สาเหตุที่ผมแนะนำแบบนี้เพราะว่าคุณไม่ควรจะจ่ายเงินเพียงแค่ให้คนเสพข้อมูล แต่คุณควรจะจ่ายเงินเพื่อให้คน Convert เป็นลูกค้าให้ได้

ผมแนะนำให้คุณไปอ่านบทความ “Keyword คืออะไร และ หา keyword ของเว็บไซต์อย่างไรให้รายได้ของคุณพุ่ง” ของ Shifu Writer ของพวกเราเพิ่มเติมครับ ในนี้เขียนไว้ค่อนข้างละเอียด

2. Title กับ Meta Description ต้องเขียนให้ดี

หลักการเขียน Title กับ Meta Description ของ Search Ads นั้นก็น่าจะคล้ายๆ กับการเขียน Title กับ Meta Description ของการทำ On-page SEO

สรุปง่ายๆ คือทั้ง Title และ Meta Description ต้องมีความน่าสนใจ และไม่ยาวเกินไป อาจจะดู Click Bait นิดๆ ให้น่าคลิ๊ก (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เนื้อหาข้างในควรจะมีคุณค่าสมกับราคาคุยนะ ไม่อย่างนั้นก็จะเสียเงินไปเปล่าๆ)

3. Remarketing เป็นสิ่งที่น่าสนใจ

การทำ Remarketing คือการเก็บข้อมูลของลูกค้าคนที่เคยเข้าไปยังเว็บไซต์ของคุณ จากนั้นเมื่อเขาเข้าไปค้นหาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณบน Google ตัว Ads จะโผล่ขึ้นมาให้เขาเห็น ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ยิงได้ตรงเป้า และค่าใช้จ่ายก็จะถูกกว่าการทำ Ads แบบปกติ เพราะลูกค้าคนนั้นรู้จักคุณอยู่แล้ว

หลักการนี้จะเป็นหลักการที่เหมือนกับ Facebook Remarketing เลย ผมแนะนำให้ลองเข้าไปอ่านบทความ “วิธีการตามไปหลอกหลอนลูกค้าด้วย Facebook Remarketing

4. ทำ Landing Page ให้น่าสนใจ

อย่างที่บอกไปว่า Keyword ที่ใช้ในการทำโฆษณา ควรจะเป็น Keyword ที่เอาไว้ Convert ลูกค้า ซึ่งการที่จะ Convert นั้น คนที่ค้นหาคุณเจอผ่าน Ads ควรที่จะถูกยิงไปหน้า Landing Page ที่เป็นหน้าที่เอาไว้เน้นสำหรับการขายโดยเฉพาะ

ผมแนะนำให้ไปอ่านบทความ “Landing Page 101: ปลุกความคิด พิชิตยอดขายด้วย Landing Page” ผมได้เขียนองค์ประกอบต่างๆ ที่หน้า Landing Page ควรมี และสิ่งที่ควรใส่ใจไว้ครับ

Shifu แนะนำ
จริงๆ แล้วการยิงคนเข้าไปหน้า Landing Page ที่เน้นการขายก็อาจจะไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเสมอไปนะครับ ผมมีรุ่นพี่ที่เปิด Agency อยู่เขาเคยเล่าให้ฟังว่า Ads ที่ยิงไปหน้าหลัก (หน้าที่ให้ข้อมูล) ก่อน กลับให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการยิงไปหน้า Landing Page ที่เน้นการขาย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะคนอยากค้นหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ

เพราะฉะนั้นไม่ต้องเชื่อผมก็ได้นะครับ ลองไปเทสต์ดูก่อนจะดีที่สุด 🙂

สรุป

แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่คุณน่าจะได้ทำความเข้าใจ และเรียนรู้ ก็คือ Google Ads นั้นควรจะเป็นหนึ่งในแผนการทำ Inbound Marketing

นอกจากนั้นแล้วบทเรียนที่คุณน่าจะได้รับ และทำความเข้าใจอีกอย่างนึงก็คือ “Inbound Marketing” ไม่เท่ากับ “ของฟรี” แต่ Inbound Marketing นั้นคือการเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการในเวลาที่พวกเขาต้องการ เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากจะทำการตลาดแบบวิถี Inbound นี่คือสิ่งที่คุณควรจะต้องจำให้ขึ้นใจ

และสำหรับใครที่สนใจอยากจะทำ Google Ads  ขึ้นมาจริงจัง แวะไปอ่านรายละเอียดคอร์สสอนยิงแอด ของ Content Shifu ได้นะครับ เรียนออนไลน์แบบเนื้อหาครบๆ เรียนไปทำไปได้เลยครับ 🙂

New call-to-action

ตาคุณแล้ว

คุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมเขียนในบทความนี้บ้าง? เขียนมาคุยกันต่อได้ในคอมเมนต์เลยครับ : )