Blog

10 ข้อดี-ข้อเสียของ Metaverse ไม่ได้ดีอย่างที่คิด! แต่ก็ไม่ได้แย่เสมอไป

• 16 กันยายน 2022

Share on

Share on

นับตั้งแต่มีการเปิดตัวของ Metaverse ก็เริ่มมีการถกเถียงกันเรื่อง ข้อดี ข้อเสีย Metaverse กันอย่างหนาหู บ้างก็บอกว่า Metaverse มีข้อดี เพราะมีแนวโน้มเชื่อมโยงกับ NFT, Cryptocurrency และ Web 3.0 ซึ่งจะช่วยผลักดันเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แถมยังมีการพูดถึงเทรนด์ Metaverse ที่อาจส่งผลต่อทุกอุตสาหกรรมบนโลกด้วย

บ้างก็คาดการณ์ว่า Metaverse มีข้อเสีย เพราะอาจเสี่ยงเจอผู้ไม่หวังดี หรือทำให้คนตีตัวออกห่างโลกความเป็นจริงมากเกินไป

แต่ไม่ว่ายังไง Metaverse ก็เป็นโลกเสมือนจริงที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย จะว่าไปเรียกว่าเป็นข้อเสียเลยก็ไม่ได้ ขอใช้เป็นคำว่าข้อควรระวังจะดีกว่า

เพื่อที่จะได้พิจารณาเพิ่มเติมถ้าจะเอาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับ Metaverse ไปใช้ แต่ในบทความนี้จะใช้คำว่าข้อดีและข้อเสีย เพื่อให้แมตช์กับ Search Intent ของคนค่ะ

ยาวไป อยากเลือกอ่าน?

ข้อดีของ Metaverse

1. คนทั่วโลกพบปะกันได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องระยะทาง

นี่คือข้อดีของ Metaverse ที่ต้องยอมรับว่าโดดเด่นกว่าใคร เพราะ​​ถ้าคุณอยู่ในโลกเสมือนจริงแล้ว เรื่องระยะทางก็ไม่สำคัญอีกต่อไป คุณสามารถจะไปเที่ยวหรือไปทำอะไรที่ไหนก็ได้ คุยกับใครก็ได้ ซึ่งมีโอกาสที่คุณจะได้เจอกลุ่มคนที่มีความคิดคล้าย ๆ กัน หรือเจอสังคมใหม่ที่คุณอาจชื่นชอบ

ยิ่งไปกว่านั้น คือ ที่นี่ยังให้ความรู้สึกเหมือนจริงกว่าที่เคยเป็นมา แน่นอนว่าคุณจะรู้สึกสบายใจมากขึ้นในการพบปะผู้คนใหม่ ๆ

2. ดื่มด่ำประสบการณ์ได้ทุกที่ ทุกกิจกรรม

เมื่อ Metaverse ทำให้เส้นกั้นเรื่องระยะทางค่อย ๆ จางลง สถานที่ไหนที่คุณอยากไป กิจกรรมไหนที่คุณอยากทำก็เป็นไปได้หมดเลย แม้เราจะรู้ว่ามันไม่ใช่ของจริง แต่มันก็ให้ความรู้สึกสมจริงจนทำให้เราตื่นเต้นได้เหมือนกัน

เพียงแค่ใช้ชุดหูฟัง VR (Virtual Reality Headset) ที่รองรับการอยู่ในโลก Metaverse คุณก็สามารถออกกำลังกาย เข้าสังคม เล่นเกม และประชุมธุรกิจในสภาพแวดล้อมที่เหมือนจริงได้แล้ว

3. การปฏิสัมพันธ์ทางโซเชียลดีขึ้นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เป็นเรื่องปกติที่เวลามีอะไรใหม่ ๆ เข้ามา คนก็อยากจะทดลองเล่น ทดลองใช้เป็นพิเศษ และถ้า Metaverse เปิดตัวให้ใช้ได้เมื่อไร มีความเป็นไปได้สูงมากที่คนจะเริ่มเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนนั้น

สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้น คือ มีการชวนเพื่อน ๆ เข้ามาเล่นด้วยกัน จับมือกันไปสถานที่ที่ไม่เคยไป ซึ่งมีแนวโน้มที่ผู้คนจะมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นบนโซเชียล นับเป็นอีกหนึ่งข้อดีของ Metaverse ที่ทำให้คนได้กลับมาพูดคุยกันมากขึ้น

4. เกิดโอกาสทางธุรกิจและกลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบใหม่

ยอมรับว่าตั้งแต่มีโซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์มเกิดขึ้น โอกาสทางธุรกิจก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดการตลาดรูปแบบใหม่ ถ้าย้อนกลับไปตอนที่ไม่มีโซเชียลมีเดีย เราก็แทบไม่เจอโฆษณาบนหน้าจอมือถือเลย แต่ทุกวันนี้ไถฟีดแค่สองสามที ก็เจอโฆษณาแล้ว

แล้วถ้า Metaverse มาจริงเมื่อไร เชื่อว่าโฆษณาจะแตกต่างไปจากเดิมอีกครั้ง การโปรโมตผลิตภัณฑ์อาจจะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และผู้คนอาจไม่เห็นโฆษณาผ่านหน้าจอเล็ก ๆ อีกแล้วก็ได้

5. โซเชียลมีเดียต่าง ๆ จะอัปเกรดตัวเอง ซึ่งมีแนวโน้มเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น

การมาของ Metaverse ทำให้แพลตฟอร์มโซเชียลอื่น ๆ ต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้เสมอคู่แข่ง ซึ่งมีโอกาสที่จะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเก่า ทั้งนี้ ก็ไม่มีใครรู้ว่าอัปเกรดตัวเองแล้วจะดีหรือด้อยกว่า Metaverse แต่เชื่อว่าผู้คนจะไม่ได้เจอกับประสบการณ์การใช้งานโซเชียลมีเดียแบบเดิมแน่นอน

6. การเรียนรู้ การอบรมผ่านทางออนไลน์มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นี่เป็นอีกหนึ่งข้อดีของ Metaverse ที่ทำให้หลายตาลุกวาว เพราะการเรียนออนไลน์และ Work From Home มาเป็นระยะเวลานาน ก็อาจทำให้หลายคนเริ่มชินและเบื่อกับ Meeting รูปแบบเดิม

เชื่อว่างานนี้ Metaverse คงได้สปอร์ตไลต์ไปเต็ม ๆ เพราะการเรียนออนไลน์หรือการอบรมในโลกเสมือนจริงยังไงก็น่าตื่นเต้นและสนุกกว่า เพราะมันเหมือนกับการได้เจอหน้ากันจริง ๆ

7. Cryptocurrency และ NFT อาจมีบทบาทใน Metaverse มากกว่าที่เคยมีมา

Cryptocurrency และ NFT ถูกกำหนดให้มีบทบาทสำคัญในโลก Metaverse เพราะมีแนวโน้มที่การซื้อสินค้าและบริการจะใช้สกุลเงินดิจิทัลในการชำระเงิน ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยอีกขั้นให้กับการใช้ชีวิตในโลกเสมือนจริง

ในทางเดียวกัน NFT อาจกลายเป็นสิ่งที่ต้องมีใน Metaverse เช่นกัน เพราะที่นี่จะมีโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้น เป็นไปได้ที่อาจจะมีการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ เช่น เครื่องแต่งกาย ของใช้ Limited รวมถึงสิทธิ์ในการเข้าถึงคอนเทนต์หรือเพลงจากศิลปินที่เราชื่นชอบ เป็นต้น

8. วงการเกมก้าวหน้า โดยเฉพาะ Play to Earn อาจได้รับความนิยมมากขึ้น

เป็นไปได้ที่เหล่าเกมเมอร์ทั้งหลายจะเห็นข้อดีของ Metaverse นั่นก็เพราะมันสามารถทำให้พวกเขาเล่นเกมได้สนุกมากขึ้น สมจริงมากขึ้น ถ้าคุณเคยดูภาพยนตร์ Ready Player One คุณจะจินตนาการออกว่าการเล่นเกมในอนาคตจะเป็นยังไง

ไม่ใช่แค่ความสนุกเท่านั้นที่คุณจะได้ เพราะคุณยังมีโอกาสเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Cryptocurrency และ NFT ที่ได้มันมาจากการเล่นเกม Play to Earn อีกด้วย

9. ผู้คนเริ่มแสวงหาโอกาสในการสร้างกำไรจาก Metaverse

เมื่อใดก็ตามที่มีเทคโนโลยีใหม่ ผู้คนก็มักจะหาวิธีทำเงินจากมัน อย่างในโลก Metaverse ที่บางคนกำลังมีแพลนลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ดิจิทัล บางคนก็สะสมไอเทมเกม เพื่อเก็งกำไรแล้วขายต่อ บางธุรกิจอาจมีการจัดคอนเสิร์ต รวมถึงการเปิดให้เยี่ยมชมหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์โดยเก็บค่าแรกเข้า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นกิจกรรมที่สร้างกำไรได้ทั้งสิ้น

10. ส่งเสริมการทำงานแบบ Remote Working

Mark Zuckerberg ได้พูดถึงคือฟีเจอร์ Infinite Office ที่ช่วยสนับสนุน Remote Working และ Work From Home โดยเป็นการจำลองออฟฟิศผ่านเทคโนโลยี VR ซึ่งเขาสัญญาว่าจะทำให้การทำงานจากที่บ้านเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุด

ดูเหมือนว่า Metaverse จะมีข้อดีอีกแล้ว เพราะมันมีประโยชน์ต่องานที่ต้องใช้ทักษะฝีมืออย่างมาก โดยเฉพาะงานด้านวิศวกรและการแพทย์ เพราะมีความเป็นไปได้ที่อาชีพเหล่านี้จะสามารถทำงานนอกสถานที่ได้

ข้อเสียของ Metaverse

1. อาจเกิดอาชญากรรมทางไซเบอร์ (Cybercrime)

เนื่องจาก Metaverse ยังเป็นแนวคิดใหม่ ระบบความปลอดภัยและวิธีการป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์อาจจะยังไม่รัดกุม บวกกับรัฐบาลยังไม่มีอำนาจมากพอที่จะจัดการได้อย่างเต็มที่

จึงเป็นไปได้ที่ในโลก Metaverse จะยังมีการฉ้อโกง การฟอกเงิน การแสวงหาประโยชน์จากเด็ก สินค้าผิดกฎหมาย การค้าบริการ และการโจมตีทางไซเบอร์เกิดขึ้น

2. เสพติดการใช้ชีวิตบนโลกเสมือนจริง

นับเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คนมองว่าเป็นข้อเสียของ Metaverse เพราะการเสพติดการใช้ชีวิตบนโลกเสมือนจริงอาจทำให้บางคนไม่อยากรับรู้โลกความเป็นจริงอีกต่อไป แถมบางคนอาจสวมบทบาทเป็นคนอื่นจนกลับมาเป็นตัวเองในชีวิตจริงยากอีกด้วย เพราะในโลก Metaverse คุณกำหนดได้ว่าจะตัวเองเป็นยังไง

3. สังคมและวัฒนธรรมแบบเก่าที่ดีอาจหายไป

หลายคนมองว่ามันอาจเป็นข้อเสียของ Metaverse ที่จะทำให้คนหันไปสนใจวัฒนธรรมและสังคมใหม่ ๆ จนหลงลืมสังคมรอบตัวและรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องยอมรับวัฒนธรรมของตนเองก็ได้ แต่ความจริงแล้วเราก็ไม่สามารถตัดสินได้ว่ามันคือข้อเสียของ Metaverse จริง ๆ เพราะนี่เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น

4. สูญเสียการเชื่อมต่อกับสิ่งต่าง ๆ บนโลกความเป็นจริง

หลายคนอาจกังวลด้านนี้มาก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีบุตรหลาน เพราะเชื่อว่าโลกเสมือนอาจจะดึงดูดพวกเขาให้อยู่ในแพลตฟอร์มนานเกินไป จนสูญเสียการใช้ชีวิตบนโลกความเป็นจริง ไร้การติดต่อกับผู้คน ไร้วี่แววการออกไปข้างนอก และอาจหนักถึงขั้นไม่มีการสนทนากับพ่อแม่พี่น้องหรือเพื่อนเก่าอีกเลย

5. อาจทำให้คนหลงลืมเรื่อง Privacy & Security

เรื่องความเป็นส่วนตัวเป็นปัญหาบนโลกอินเทอร์เน็ตมาโดยตลอด ซึ่งมีหลายคนไม่รู้ว่าข้อมูลของตนเองถูกรวบรวมและขายให้กับแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย อีกทั้งในช่วงที่มีการประโคมข่าว Facebook ละเมิดข้อมูลส่วนตัว ก็ทำให้หลายคนกังวลว่าสิ่งนี้อาจจะไม่เปลี่ยนไป แม้จะเปลี่ยนชื่อเป็น Meta แล้วก็ตาม

6. เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิต

นี่อาจเป็นอีกข้อที่หลายคนมองว่าเป็นข้อเสียของ Metaverse เพราะการหมกมุ่นอยู่ในโลกดิจิทัลและการแยกตัวออกจากโลกความเป็นจริงจะเพิ่มโอกาสในการหย่าร้าง ซึ่งอาจนำไปสู่อาการซึมเศร้า รวมถึงการพบว่าชีวิตในโลกเสมือนนั้นดีกว่าชีวิตจริงก็มีโอกาสลดความนับถือตนเองจนทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้เช่นกัน

7. อาจเกิด Virtual Bullying & Virtual Harassment

การเป็นคนแปลกหน้าต่อกันบางครั้งก็ทำให้คนกล้าพูดกล้าแสดงความเห็นมากขึ้น ในทางเดียวกันก็มีโอกาสที่จะใช้คำพูดแรง ๆ และแสดงการไม่ยอมรับความแตกต่างอย่างชัดเจนจนเกินไป ยิ่งไม่รู้ตัวตนของกันและกันด้วยแล้ว ยิ่งมีโอกาสโดน Bully กระหน่ำ

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น อาจมีการล่วงละเมิดผ่าน Avatar ของเราในโลก Metaverse ด้วย เพราะถ้ามีคนในโลกเสมือนจริงสัมผัสเราโดยไม่ได้รับอนุญาต มันก็ไม่ต่างอะไรจากการโดนล่วงละเมิดในโลกความเป็นจริงเช่นกัน และหลายคนไม่สามารถยอมรับข้อเสียนี้ของ Metaverse ที่อาจเกิดขึ้นได้

8. สร้างความรู้สึกไม่เท่าเทียมกันในสังคม

การเข้าถึงโลก Metaverse จำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วและใช้อุปกรณ์อย่างแว่นและหูฟัง VR จึงเป็นที่ถกเถียงกันว่า “คนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือคนที่ไม่มีเงินซื้อจะไม่มีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริงใช่หรือไม่”

คำตอบชัดเจนอยู่แล้วว่า ใช่! Metaverse เลือกคนที่มีความพร้อมในด้านอุปกรณ์และสัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ส่วนผู้คนและชุมชนที่ด้อยโอกาสก็จะไม่สามารถเข้าไปเล่นได้

9. ยังไม่มีการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด หรือกำหนดบทลงโทษที่แน่ชัดสำหรับผู้ที่ทำพฤติกรรมไม่ดี

หลายคนเชื่อว่าทาง Meta จะไม่สามารถจัดการกับผู้ที่แสดงพฤติกรรมไม่ดีบนโซเชียลได้ เพราะตอนนี้ Facebook ก็ยังทำได้ไม่ดีพอ อีกทั้งการตรวจสอบผู้ใช้จำนวนมากก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นไปได้ที่เราจะเจอกับเหตุการณ์ Toxic ต่อไปเรื่อย ๆ ในโลก Metaverse

10. ไม่รู้ว่าลูกหลานตนเองกำลังทำอะไรอยู่ อาจเสี่ยงเจออะไรที่ไม่ดี

มีบทความที่ Bernard Marr พูดถึง Metaverse ว่ามีข้อเสียอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ เราไม่สามารถรู้ได้ว่าลูกหลานของเรากำลังทำอะไรอยู่ในโลกเสมือนจริง ลำพังแค่การติดตามว่าลูกหลานของเราทำอะไรบ้างบนโลกออนไลน์ก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว และมันอาจจะท้าทายมากขึ้นเมื่อ Metaverse มาถึง เพราะเราไม่สามารถมองเห็นโลกที่พวกเขาอยู่ในขณะที่ใส่แว่นและหูฟัง VR ได้เลย แถมไม่มีวิธีตรวจสอบด้วยว่าพวกเขาทำอะไรไปบ้าง หรือกำลังเจอกับอะไร หากเป็นเรื่องไม่ที่ดีล่ะก็ ไม่มีทางที่เราจะปกป้องพวกเขาทันแน่นอน

สรุป

Metaverse มีข้อดีหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำให้คนทั่วโลกพบปะกันได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องระยะทาง การดื่มด่ำประสบการณ์ต่าง ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา และอาจทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจและกลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบใหม่ รวมถึงการเรียนรู้ผ่านทางออนไลน์อาจมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีแนวโน้มผลักดันวงการ NFT กับ Cryptocurrency ให้เติบโตขึ้นด้วย

ในทางตรงกันข้าม Metaverse ก็มีหลายอย่างที่ต้องระวังเช่นกัน เช่น อาจเสี่ยงเกิดอาชญากรรมทางไซเบอร์ การเสพติดการใช้ชีวิตในโลกเสมือนจริงจนส่งผลต่อสุขภาพ และการทำให้คนหลงลืมเรื่อง Privacy ของตนเอง รวมถึงความเสี่ยงในการเกิด Virtual Bullying & Virtual Harassment ด้วย

ทั้งนี้ทั้งนั้น เรายังไม่สามารถตัดสินได้ว่า Metaverse มีข้อดี ข้อเสียตรงตามที่กล่าวไว้ทั้งหมด รอให้เปิดตัวใช้งานจริงเมื่อไร มันอาจจะดีกว่าที่คิดเอาไว้ก็ได้ หรือไม่ก็อาจจะมีสิ่งที่ต้องระวังมากกว่าเดิม

ตาคุณแล้ว

ภาพจำของ Metaverse คือการใส่แว่น VR ซึ่งคุณจะมองเห็นทุกอย่างได้เสมือนจริง เหมือนตัวเองเข้าไปยืนอยู่ตรงนั้น หากคุณอยากรู้ว่าโลก Metaverse เป็นยังไง ต้องลองหาแว่น VR มาใส่สักครั้งหนึ่งแล้วล่ะ!

Share on

Chuenkamon

Writer

Chuenkamon

Content Creator ผู้คลุกคลีอยู่ในวงการ Digital Marketing "ถนัดเล่าเรื่องยากให้เข้าใจง่าย" และ "การเขียนคำทับศัพท์ให้ถูกต้อง" แถมยังหลงใหลในการเขียน SEO เป็นพิเศษ!

More From Me