Inbound Marketing Glossary

คลังรวมคำศัพท์ทางการตลาดที่ผู้สนใจเรื่อง Inbound Marketing ควรรู้

A

A/B Testing

คือ การทดลองเปรียบเทียบชิ้นงานสองแบบที่แตกต่างกัน เพื่อประเมินว่าแบบใดให้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังได้ดีกว่า

Analytics

หมายถึง การนำข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการวัดผลบนแพลตฟอร์มดิจิทัลมาวิเคราะห์ เพื่อประเมินประสิทธิภาพ รวมทั้งหาสาเหตุและแนวทางปรับปรุง พัฒนา ให้ดีขึ้น

Attract

หมายถึง การสร้างความสนใจสำหรับดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาหา เป็นขั้นตอนแรกตามแนวปฏิบัติของการตลาดแบบแรงดึงดูด

B

B2B (Business-to-Business)

หมายถึง ธุรกิจที่ขายสินค้าหรือให้บริการแก่ลูกค้าระดับองค์กรหรือบริษัทมหาชน

B2C (Business-to-Consumer)

หมายถึง ธุรกิจที่ขายสินค้าหรือให้บริการแก่ลูกค้าระดับบริโภคทั่วไป 

Branding

หมายถึง การสร้างแบรนด์ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ของบริษัทหรือสินค้าให้โดดเด่นและเป็นที่จดจำในสายตาของผู้บริโภค เช่น ออกแบบโลโก้ เลือกใช้สีประจำแบรนด์ ออกแบบเว็บไซต์หรือสินค้า สร้างประสบการณ์เฉพาะ เป็นต้น 

Brand Awareness

หมายถึง การรับรู้แบรนด์ ซึ่งมักหมายถึงการทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก

Brand Loyalty

หมายถึง ความจงรักภักดีหรือความนิยมต่อแบรนด์อย่างเหนียวแน่น

Behavior Tracking

หมายถึง การติดตามพฤติกรรมการใช้งานของผู้เข้าชมเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ

C

Call-to-Action หรือ CTA

คือ การเรียกหรือกระตุ้น ให้เกิดการลงมือกระทำอะไรบางอย่าง Call-to-Action คือส่วนประกอบสำคัญในการทำ Marketing ว่าด้วยการส่งสารให้คนตอบสนองต่อข้อเสนอของเรา สำหรับโลกธุรกิจ การกระทำที่เราต้องการจากลูกค้าก็หนีไม่พ้นเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ได้แก่ ให้สมัครสมาชิก, ให้ซื้อของ, ให้แชร์ต่อบอกต่อ เป็นต้น

Close (Won)

หมายถึง ขั้นตอนปิดการขาย ทำข้อตกลง ทำธุรกิจร่วมกัน หรือเซ็นสัญญา

Close (Lost)

หมายถึง การไม่ได้รับข้อตกลงตามที่ต้องการ ไม่ได้ทำธุรกิจร่วมกัน หรือลูกค้าไม่ตกลงเลือก

Content Gate

หมายถึง เงื่อนไขหรือข้อกำหนดในการเข้าถึงคอนเทนต์ เช่น กรอกอีเมล ตอบแบบสอบถาม หรือกรอกข้อมูลอื่น ๆ เป็นต้น

Content Matrix

หมายถึง แนวคิดและวิธีแบ่งรูปแบบคอนเทนต์ โดยดูคุณสมบัติของคอนเทนต์นั้นว่ากระตุ้นอารมณ์ ให้เหตุผล สร้างการรับรู้ หรือกระตุ้นให้ตัดสินใจ แบ่งออกเป็น คอนเทนต์ประเภทให้ความบันเทิง (Entertain) ให้แรงบันดาลใจ (Inspire) ให้ความรู้ (Educate) และชักจูง (Convince) 

Conversion Rate

หมายถึง อัตราส่วนระหว่างจำนวนผู้ใช้งานที่ลงมือทำตามเป้าหมายที่นักการตลาดตั้งไว้ต่อจำนวนผู้ใช้งานทั้งหมด เช่น นักการตลาดต้องการรายชื่อผู้ที่ลงทะเบียนสมัครสมาชิกเว็บไซต์ จึงสร้าง Landing Page ขึ้นมา โดยมีจำนวนผู้สมัครสมาชิกเว็บไซต์ 15 คน ที่มาจากจำนวนผู้เข้าชมหน้า Landing Page ทั้งหมด 100 คน คิดเป็น Conversion Rate 15 ต่อ 100 หรือ 15% เป็นต้น

Convert

หมายถึง การเปลี่ยนสถานะผู้เข้าชมให้เป็นลูกค้ามุ่งหวัง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ 2 ตามแนวปฏิบัติของการตลาดแบบแรงดึงดูด

CRM หรือ Customer Relationship Management

หมายถึง ระบบจัดเก็บข้อมูลเพื่อช่วยบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า บางครั้งก็ใช้อ้างอิงถึงศาสตร์ที่เกี่ยวกับการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าและคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้า

Customer

หมายถึง ลูกค้า ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่ถูกใช้ตอนปิดการขายตามแนวปฏิบัติของการตลาดแบบแรงดึงดูด

Customer Segmentation

หมายถึง การแบ่งลูกค้าออกเป็นกลุ่มตามประเภทรูปแบบต่าง ๆ เช่น กลุ่มเพศชาย กลุ่มเพศหญิง กลุ่มอายุ 40 – 60 ปี กลุ่มชาวอีสาน กลุ่มคนที่มีรายได้ต่อปีหนึ่งล้านบาทขึ้นไป เป็นต้น 

Competitive Advantage

หมายถึง ความได้เปรียบในการแข่งขันทางการตลาด

Copywriting

หมายถึง การเขียนเพื่อดึงดูดความสนใจหรือกระตุ้นกลุ่มเป้าหมายให้ลงมือทำสิ่งที่ตอบสนองต่อข้อเสนอของนักการตลาด

D

Delight

หมายถึง การสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าหลังการขายเพื่อเปลี่ยนให้เป็น “ผู้ชื่นชอบแบรนด์” ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายตามแนวปฏิบัติของการตลาดแบบแรงดึงดูด

Demographic

หมายถึง ข้อมูลเชิงประชากร เช่น เพศ อายุ ภูมิลำเนา ศาสนา เป็นต้น

Digital Marketing

หมายถึง การทำการตลาดบนแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย แอปพลิเคชัน เป็นต้น

Drip Marketing

หมายถึง การทำการตลาดโดยส่งคอนเทนต์ไปยังผู้รับสารในเวลาที่เหมาะสม ค่อยเป็นค่อยไป และสม่ำเสมอ ซึ่งอ้างอิงจากพฤติกรรมการใช้งานของผู้รับ

E

Editorial Calendar

หมายถึง ตารางเผยแพร่คอนเทนต์ที่ใช้วางแผนสำหรับเผยแพร่คอนเทนต์ในแต่ละวัน สัปดาห์ หรือเดือน

Email Marketing

หมายถึง การทำการตลาดด้วยอีเมล โดยส่งคอนเทนต์ต่าง ๆ ผ่านช่องทางอีเมล ประเภทของการตลาดอีเมลที่ควรรู้นั้นมีสองประเภท ได้แก่ Transactional Email ที่ส่งอีเมลแบบรายบุคคลซึ่งได้ทำบางสิ่งตามเงื่อนไขแล้ว เช่น ส่งอีเมลใบสั่งซื้อและใบเสร็จให้ผู้ซื้อผ่านเว็บไซต์ เป็นต้น และ Marketing Emai ที่ส่งอีเมลการตลาดโดยมักจะมีการเรียกร้องหรือกระตุ้นให้ผู้รับสารกระทำบางอย่าง เช่น คลิกอ่านบทความ คลิกสั่งสินค้า เป็นต้น

Engagement

หมายถึง การมีปฏิสัมพันธ์หรือส่วนร่วมของผู้ใช้งาน เช่น ไลก์ แชร์ แสดงความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดีย เป็นต้น

Evergreen Content

หมายถึง คอนเทนต์ที่มีเนื้อหาไม่เสื่อมมูลค่าตามกาลเวลา มักเป็นคอนเทนต์ประเภทให้ความรู้ ขั้นตอนการทำ หรือวิธีการแก้ไข 

G

Google AdWords

หมายถึง บริการโฆษณาของ Google ที่จะแสดงโฆษณาในหน้าค้นหาของ Google รวมไปถึงในช่องทางอื่น ๆ ที่ Google เป็นเจ้าของหรือเป็นพันธมิตร

Google Analytics

หมายถึง เครื่องมือของ Google ที่ช่วยติดตาม เก็บข้อมูล และรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับยอดการใช้งานเว็บไซต์ เช่น ยอดเข้าชมเว็บไซต์ทั้งเว็บหรือในหน้าเพจที่เราสนใจ สัดส่วนข้อมูลเชิงประชากรของผู้เข้าเว็บไซต์ เป็นต้น

Google Keyword Planner

หมายถึง เครื่องมือที่ช่วยแสดงปริมาณการค้นหาและคำใกล้เคียง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถวางแผนคำหลักหรือคำสำคัญ (Keyword) ที่มีคนใช้ค้นหาบน Google

Google Search Console

หมายถึง การสร้างความสนใจสำหรับดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาหา เป็นขั้นตอนแรกตามแนวปฏิบัติของการตลาดแบบแรงดึงดูด

Google Trend

หมายถึง ระบบที่แสดงผลการค้นหายอดนิยมของ Google

I

Impression

หมายถึง จำนวนครั้งที่หน้าเพจ เว็บไซต์ โพสต์ คอนเทนต์ ฯลฯ ถูกเห็น

Inbound Framework / Inbound Marketing Framework

หมายถึง แนวทางปฏิบัติของการตลาดแบบแรงดึงดูดหรือกระบวนการเปลี่ยน “คนแปลกหน้า” (ดูข้อที่ 64) เป็น “ผู้เข้าชม” (ดูข้อที่ 71) จากนั้นจึงฟูมฟัก (Nurture) ให้กลายเป็น “ลูกค้ามุ่งหวัง” (ดูข้อที่ 43) “ลูกค้า” (ดูข้อที่ 18) และ “ผู้ชื่นชอบแบรนด์” (ดูข้อที่ 55) ในที่สุด ซึ่งมี 4 ขั้นตอน ได้แก่

  1. การดึงดูด (Attract) คนแปลกหน้าหรือผู้ที่ไม่รู้จักแบรนด์ให้มาสนใจให้เข้ามาทำความรู้จักสินค้าของแบรนด์หรือแบรนด์ เรียกคนกลุ่มนี้ว่า “ผู้เข้าชม”
  2. การเปลี่ยนสถานะ (Convert) ผู้เข้าชมให้กลายเป็น “ลูกค้ามุ่งหวัง” หรือผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะซื้อเนื่องจากทราบถึงคุณค่า ประโยชน์ หรือคุณสมบัติของแบรนด์ที่ช่วยแก้ปัญหา
  3. การปิดการขาย (Close) หรือการขายได้สำเร็จ เปลี่ยนลูกค้ามุ่งหวังให้เป็น “ลูกค้า” ที่แท้จริง
  4. การเพิ่มความพึงพอใจ (Delight) หรือการสร้างความสัมพันธ์และประสบการณ์ที่ดีหลังการขายเพื่อเปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็น “ผู้ชื่นชอบแบรนด์” ซึ่งเป็นการสร้างฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น

Inbound Marketing

หมายถึง การทำการตลาดที่ไม่ได้มุ่งโฆษณาหรือการกระจายการตลาดออกไปยังแหล่งต่างๆ ให้เกิดความอยากซื้อ แต่เป็นการเตรียมช่องทางและสินค้าหรือบริการที่พร้อมแก้ไขปัญหาของผู้รับสารให้ผู้รับสารเข้ามาหาด้วยตัวเอง และหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์กับผู้รับสารจนสามารถเกิดโอกาสทางธุรกิจ

Influencer

หมายถึง ผู้ที่มีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า หรือมีอิทธิพลในการส่งสารออกไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและทำให้พวกเขาเกิดความสนใจ

K

Keyword

หมายถึง คำสำคัญหรือคำหลัก โดยปกติใช้เรียกคำที่คนใช้คนหาบน Search Engine เช่น Google

Keyword Research

หมายถึง การค้นคว้าคำสำคัญที่ติดอันดับการค้นหาใน Search engine เพื่อนำมาใช้ผลิตคอนเทนต์ให้ถูกค้นหาพบได้ง่าย

L

Landing Page

หมายถึง หน้าเว็บที่มีจุดประสงค์ทางการตลาด หรือเร้าให้เกิดการกระทำบางอย่าง (Call-to-Action) โดยออกแบบมาให้เหมาะกับผู้รับสารที่มาจากแหล่งอื่น เช่น มาจากโซเชียลมีเดีย มาจากอีเมล หรือมาจาก Search Engine เป็นต้น

Lead

หมายถึง ลูกค้ามุ่งหวังหรือผู้ที่มีแนวโน้มจะซื้อ

Lead Generation

หมายถึง การสร้างลูกค้ามุ่งหวังและเก็บรายชื่อและข้อมูล

Lead Generation Software

คือ ซอฟต์แวร์ที่ช่วยสร้างนำเสนอเทคนิคต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าชม (Visitor) ทำในสิ่งที่จะเปลี่ยนให้เขากลายเป็นลูกค้ามุ่งหวัง (Lead) ตัวอย่างเช่น ซอฟต์แวร์ที่ช่วยแสดงผล Popup ให้กรอกข้อมูลเพื่อดาวน์โหลด eBook หรือ Banner ให้สมัครสมาชิก เป็นต้น 

Lead Nurturing

หมายถึง กระบวนการฟูมฟักลูกค้ามุ่งหวังหรือการติดต่อและดูแลลูกค้ามุ่งหวัง โดยการส่งสารที่ดึงดูดให้ลูกค้ามุ่งหวังกลายเป็นลูกค้าจริง เช่น การส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้รับสารหรือที่ผู้รับสารต้องการ

Lead Scoring

หมายถึง การให้คะแนนลูกค้ามุ่งหวังแต่ละคนตามข้อมูล เช่น ข้อมูลเชิงประชากร และพฤติกรรมการใช้งาน เป็นต้น เพื่อเป็นเกณฑ์ประเมินลูกค้ามุ่งหวังรายนั้นว่ามีคะแนนโอกาสมากน้อยเพียงใดที่จะกลายเป็นลูกค้าจริง

Loyal Customer

หมายถึง ลูกค้าประจำ

M

Marketing Automation

หมายถึง การตลาดแบบอัตโนมัติ หมายถึง ซอฟต์แวร์และเทคนิคการทำการตลาดที่จะส่งคอนเทนต์ไปยังผู้รับสารโดยอัตโนมัติแบบเฉพาะรายบุคคล

Mass

หมายถึง ตลาดรวม หรือตลาดแบบกว้าง ๆ มีคนหรือองค์กรมากหน้าหลายตาหลายประเภท มีโอกาสสนใจเป็นลูกค้าของสินค้าหรือบริการนี้

Metrics

หมายถึง ตัวชี้วัดในการประเมินผลต่าง ๆ เช่น ยอดเข้าชม ยอดผู้ติดตาม ยอดการมีส่วนร่วม เป็นต้น

N

Niche

หมายถึง ตลาดเฉพาะ มีคนหรือองค์กรที่มีคุณลักษณะหรือประเภทแบบเฉพาะเจาะจงเท่านั้นที่มีโอกาสสนใจเป็นลูกค้าของสินค้าหรือบริการนี้ (ตรงข้ามกับ Mass)

O

Outbound Marketing

หมายถึง การตลาดแบบผลัก หมายถึง การทำการตลาดที่มุ่งเน้นการโฆษณาหรือส่งข้อมูลการตลาดไปตามสื่อหรือช่องทางต่าง ๆ โดยหวังสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้ผู้รับสารเกิดความอยากซื้อ

P

Persona

หมายถึง เอกสารหรือเครื่องมือที่ช่วยจำลองข้อมูลของลูกค้าในอุดมคติ โดยเน้นเจาะจงไปที่ข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อนักการตลาดในการทำความเข้าใจลูกค้าในอุดมคติ ซึ่งอาจมีทั้งข้อมูลเชิงประชากร ข้อมูลเชิงพฤติกรรม ข้อมูลเชิงทัศนคติ เป็นต้น

Promoter

หมายถึง ผู้ชื่นชอบแบรนด์ หรืออาจหมายถึง ลูกค้าประจำ

Publisher Mindset

หมายถึง การคิดแบบสื่อเพื่อผลิตคอนเทนต์ เช่น สิ่งที่ผู้คนกำลังสนใจคืออะไร สิ่งใดควรเผยแพร่เมื่อไร อะไรที่ทำให้ผู้คนสนใจ เป็นต้น (Publisher = สื่อ, Mindset = รูปแบบความคิด)

R

Remarketing หรือบางครั้งเรียกว่า Retargeting

หมายถึง กลยุทธ์การตลาดที่ทำให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลัก (Core Audience) ได้แบบแม่นยำมากขึ้นจากสิ่งที่มีอยู่นั่นก็คือ Page และ Website ของเรา ตัวอย่างเช่น การที่คุณยิงโฆษณาไปหาคนที่เคยเข้าไปยังหน้า “สินค้า/บริการ” บนเว็บไซต์ของเรา

Retargeting Ads

หมายถึง โฆษณาที่ถูกออกแบบมาให้ส่งหากลุ่มผู้รับสารที่เราทราบว่าเคยเข้าชมช่องทางของเรามาก่อน

S

Sales Funnel

หมายถึง แบบจำลองขั้นตอนหรือช่วงเวลาในการขายซึ่งแบ่งเป็น 3 ช่วง ได้แก่ 

  1. ToFu (Top of the funnel) คือ ช่วงที่ผู้รับสารกำลังมีปัญหาและกำลังหาทางออก ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้รับสารจะเห็นคอนเทนต์หรือสินค้า
  2. MoFu (Middle of the funnel) คือ ช่วงถัดมาจาก ToFu ที่ผู้รับสารกำลังพิจารณาทางเลือกหรือสินค้า ซึ่งเป็นช่วงที่ควรให้ข้อมูลการแก้ปัญหาให้กับลูกค้า จังหวะนี้ยังเป็นจังหวะที่เหมาะจะมอบข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือสินค้า/บริการให้ผู้รับสารรับรู้
  3. BoFu (Bottom of the funnel) คือ ช่วงถัดมาจาก MoFu ที่ผู้รับสารกำลังตัดสินใจเลือกทางออกหรือซื้อสินค้า ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่เหมาะกับการขาย โดยเน้นตอบข้อสงสัยหรือความลังเลที่ลูกค้ามีก่อนการซื้อ

SEO (Search Engine Optimization)

หมายถึง การปรับแต่งให้เนื้อหาในเว็บไซต์สามารถถูกค้นหาพบได้ง่ายโดยผู้ใช้งาน Search Engine

Scarcity Marketing

หมายถึง การตลาดแบบนำเสนอความขาดแคลน เพื่อใช้กระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อเนื่องจากความรู้กลัวว่าสินค้าจะหมด งดจำหน่าย หรือไม่ได้โปรโมชันพิเศษ

Search Engine

หมายถึง ระบบการค้นหาข้อมูล เช่น Google, Yahoo

StoryBrand Framework

หมายถึง กรอบแนวคิดที่เปรียบลูกค้าเป็นตัวละครหลักของเรื่องราวหรือบุคคลสำคัญตลอดกระบวนการซื้อขาย จากหนังสือ “Build a StoryBrand”  โดย Donald Miller

Stranger

หมายถึง คนแปลกหน้าหรือผู้ที่ไม่รู้จักธุรกิจนั้น ๆ หรือไม่เคยเข้าชมช่องทางของธุรกิจนั้น ๆ มาก่อน

T

Target Customer

หมายถึง ลูกค้าเป้าหมาย

Topical Content

หมายถึง คอนเทนต์เชิงกระแส เป็นคอนเทนต์ที่ผลิตขึ้นด้วยหัวข้อที่สังคมกำลังให้ความสนใจในช่วงขณะนั้น ๆ คอนเทนต์ประเภทนี้มักได้รับความสนใจมากในช่วงหนึ่ง จากนั้นความสนใจจะลดลงเมื่อสังคมสนใจกระแสนั้นน้อยลง

U

UX (User Experience)

หมายถึง ประสบการณ์ของผู้ใช้ มักใช้อ้างอิงถึงศาสตร์การออกแบบที่ไม่ได้มุ่งเป้าหมายที่ความสวยงาม แต่มุ่งเป้าหมายที่ประสบการณ์การใช้งานที่ง่ายและน่าพึงพอใจที่สุดสำหรับผู้ใช้

UI (User Interface)

หมายถึง หน้าตาของเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ปกติแล้วมักพูดถึง UI ในเรื่องการออกแบบในเชิงความสวยงาม

UTM Tracking

หมายถึง การติดตามแหล่งที่มาของการเข้าถึงเว็บไซต์โดยอาศัยตัวแปร UTM (Urchin Tracking Modules) ซึ่งบอกให้ทราบถึงชื่อที่มาของต้นทาง ชื่อคอนเทนต์ หรือชื่อแคมเปญการตลาดที่นำมาสู่การเข้าชม เป็นต้น

V

Vanity Metrics

หมายถึง ตัวชี้วัดที่ฟุ้งเฟ้อ เป็นคำศัพท์ที่ใช้กล่าวถึงตัวชี้วัดที่ไม่ได้วัดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ทางธุรกิจโดยตรง เช่น จำนวนลูกค้าที่สั่งซื้อ แต่อาจวัดผลในเรื่องอื่น ๆ เช่น วัดความนิยมบนโลกออนไลน์

Visitor

หมายถึง ผู้เข้าชม ในบริบทของการตลาดแบบแรงดึงดูดจะเน้นไปที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์

W

หมายถึง ชื่อของเครื่องมือชนิดหนึ่งที่ช่วยในการสร้างและบริหารจัดการเว็บไซต์ซึ่งได้รับความนิยมมากในระดับโลก