ถ้าคุณเคยเห็น “โปรโมชันวันแม่ พาแม่มาทานข้าวลด 50%”  “ต้อนรับวาเลนไทน์ มาเป็นคู่คุ้มกว่า มา 2 จ่าย 1” และ “เปิดตัวคอลเลคชันใหม่ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส”

คุณอาจเป็นหนึ่งในเหยื่อของ ‘Festive Marketing’ ตัวช่วยสำคัญในการทำการตลาดช่วงเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นวันพ่อ วันแม่ สงกรานต์ คริสต์มาส ปีใหม่ หรือวาเลนไทน์ 

แล้ว Festive Marketing คืออะไร? ทำไมควรใช้กับธุรกิจของคุณ? มาเริ่มถอดรหัสกันได้ในบทความนี้!

“Festive Marketing” หรือ “การตลาดในช่วงเทศกาล” คือการที่แบรนด์จัดแคมเปญ โปรโมชัน หรือคอนเทนต์ต่างๆ ขึ้นมาในเฉพาะช่วงเทศกาล เพื่อให้สินค้าและบริการของธุรกิจได้รับความนิยมมากขึ้น สร้างยอดขายได้มากขึ้นและเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าในช่วงเวลานั้น “Festive Marketing” มักจะเกี่ยวข้องกับวันหยุดหรือเทศกาลลูกค้ามักจะซื้อของขวัญ เช่น คริสต์มาส ปีใหม่ วันวาเลนไทน์ และตรุษจีน ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีของแบรนด์ในการสร้างรายได้จากลูกค้าที่อินกับช่วงเทศกาล

การทำการตลาดในช่วงเทศกาลนี้สามารถมักจะมีการใช้สี กราฟิก โทน อารมณ์ และข้อความที่มีความเกี่ยวข้องกับเทศกาลเพื่อสร้างบรรยากาศที่เข้ากับอารมณ์ของเทศกาลนั้น ปกติเรามักจะเห็นแบรนด์จัดกิจกรรมต่างๆ ผ่านทางโซเชียลมีเดียของแบรนด์เอง ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter, TikTok รวมถึงมีการประชาสัมพันธ์ผ่านทางอีเมลด้วยเช่นกัน

ประโยชน์ของกลยุทธ์ Festive Marketing

เพิ่มการรับรู้แบรนด์

Festive Marketing เป็นโอกาสให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและจดจำมากขึ้น เนื่องจากผู้คนมีแนวโน้มที่จะมองหาสิ่งใหม่ๆ ในช่วงเทศกาล เช่น เทศกาลปีใหม่ที่ใครๆ ก็อยากจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม ดังนั้นแบรนด์สามารถใช้โอกาสช่วงเทศกาลสร้างสินค้า บริการ หรือแคมเปญที่ตอบโจทย์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายเพื่อเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น 

ดึงดูดความสนใจ

กลยุทธ์ Festive Marketing ทำให้แบรนด์มีโอกาสดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น เราจึงเห็นแบรนด์ต่างๆ ใช้โอกาสนี้ในการนำเสนอโปรโมชั่น ของแถม สินค้าคอลเลคชันใหม่หรือกิจกรรมพิเศษที่เชื่อมโยงกับเทศกาลเพื่อดึงดูดความสนใจจากกลุ่มคนที่อินกับเทศกาลเป็นพิเศษ เช่น โปรโมชันซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท ลุ้นรับอั่งเปาช่วงตรุษจีน โปรโมชันสินค้าราคาพิเศษต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส หรือโปรโมชันพาพ่อมาทานข้าวในวันพ่อรับส่วนลดพิเศษ

เพิ่มยอดขาย

นอกจากการจัดกิจกรรมต่างๆ ในช่วงเทศกาลจะช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์และดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายแล้ว ยังสามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้อีกเช่นกัน เนื่องจากผู้คนมักจะมีแนวโน้มที่จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในช่วงเทศกาล ช่วงเทศกาลจึงเป็นโอกาสทองสำหรับแบรนด์ในการเพิ่มยอดขาย โดยการจัดโปรโมชั่น ลดราคา แจกของรางวัล หรือสร้างกิจกรรมพิเศษเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ

สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า

การจัดกิจกรรมทางการตลาดในช่วงเทศกาลเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และสร้างฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น โดยการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในช่วงเทศกาล แสดงให้พวกเขาเห็นว่าแบรนด์ใส่ใจและเข้าใจความต้องการของพวกเขาผ่านการสร้างกิจกรรม หรือการแข่งขันทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ 

เทคนิคการทำ Festive Marketing

1. หาความเชื่อมโยงของสินค้ากับเทศกาล

จริงอยู่ที่ช่วงเทศกาลเป็นโอกาสของแบรนด์ในการเพิ่มยอดขายสินค้าและบริการ แต่การจะทำให้กลุ่มเป้าหมายหันมาสนใจแบรนด์ของเราท่ามกลางคู่แข่งมากมายที่ต่างพากันเสนอสินค้าและบริการของแบรนด์ตนคงไม่ใช่เรื่องง่าย 

ดังนั้นแบรนด์ควรหาจุดเด่น หรือเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้เจอเพื่อนำมาผนวกเข้ากับความพิเศษของเทศกาล อย่างการปรับแต่ง Packaging ให้เข้ากับสไตล์ของเทศกาล หรือนำเสนอสินค้าที่มีความเชื่อมโยงกับเทศกาลต่างๆ เช่น แบรนด์สกินแคร์อาจนำเสนอครีมกันแดดแบบกันน้ำที่ไม่เหนียวเหนอะหนะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือร้านคาเฟ่อาจนำเสนอเมนูเครื่องดื่มสีชมพูอย่าง Strawberry Milk Shake ช่วงวันวาเลนไทน์

2. ระยะเวลาที่ใช่

ขึ้นชื่อว่า Festive Marketing แน่นอนว่า ‘ช่วงเวลา’ เป็นตัวแปรสำคัญในการทำการตลาดประเภทนี้เนื่องจากอิงตามเทศกาลเป็นหลัก ดังนั้นแบรนด์ที่ต้องการใช้กลยุทธ์นี้จะต้องระมัดระวังเรื่องระยะเวลาของแคมเปญและกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ถ้าเริ่มต้นช้าไปก็อาจจะไม่ทันช่วงเทศกาล แต่ถ้าเริ่มต้นเร็วเกินไปก็ผู้คนก็อาจจะยังไม่สนใจจนแคมเปญนั้นๆ อาจไร้ความหมายไปในที่สุด แบรนด์จึงควรมีการวางแผนล่วงหน้าว่าจะทำแคมเปญอะไร วางกลยุทธ์แบบไหน และกลุ่มเป้าหมายคือใครก่อนที่จะถึงช่วงเวลาของเทศกาล

4. ออกแบบโปรโมชันสำหรับเทศกาล 

อย่างที่ทราบว่าผู้คนมักจะมองหาของขวัญในช่วงเทศกาล การออกโปรโมชันต้อนรับเทศกาลจึงเป็นอีกสิ่งที่สามารถช่วยดึงดูดให้ผู้คนหันมาสนใจสินค้าและบริการของแบรนด์ แบรนด์อาจลองจัดโปรโมชันสินค้าราคาพิเศษ ส่งฟรี หรือแคมเปญที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลเพื่อเพิ่มยอดขายสินค้าและบริการในช่วงที่เป็นเหมือนโอกาสทองในการขายสินค้า เช่น การจัดโปรโมชันสำหรับคนมีคู่ในช่วงวันวาเลนไทน์

5. ทำโปรไฟล์โซเชียลมีเดียให้น่าดึงสนใจ

Cr. techpost.io

การอัปเดตแบนเนอร์และรูปโปรไฟล์ของแบรนด์บนโซเชียลมีเดียตามเทศกาลที่มีสีสันและข้อความที่ให้อารมณ์และโทนของภาพไปในทางเดียวกับเทศกาลต่างๆ เป็นการทำให้คนที่เข้ามาเห็นรู้ว่าแบรนด์ให้ความสนใจกับเทศกาลต่างๆ ซึ่งเป็นการเพิ่มความสนใจของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์มากยิ่งขึ้น เช่น รูปโปรไฟล์ที่มีการปรับแต่งใช้โทนสีชมพู มีรูปหัวใจ หรือดอกไม้ที่สื่อถึงวันวาเลนไทน์ประกอบกับโลโก้หรือสัญลักษณ์ของแบรนด์

6. ใช้ช่องทางการตลาดที่หลากหลาย

แม้ปัจจุบันผู้คนจะใช้ช่องทางออนไลน์ในชีวิตประจำวันเพื่อติดต่อสื่อสาร และซื้อสินค้าและบริการมากขึ้น แต่การทำการตลาดแบบออฟไลน์ยังคงมีความสำคัญเช่นเดียวกัน ดังนั้นแบรนด์ควรทำการตลาดทั้งทางออนไลน์ไปควบคู่กับทางออฟไลน์ โดยหาช่องทางที่เหมาะสมที่มีกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์อยู่เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น

7. ทำแคมเปญร่วมกับ Influencer 

การสร้างแคมเปญร่วมกับ Influencer ที่มีกลุ่มเป้าหมายเดียวกับแบรนด์จะช่วยให้แบรนด์ได้ฐานลูกค้าจากผู้ติดตาม Influencer นับเป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ในการขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้กว้างยิ่งขึ้น ยิ่งในช่วงเทศกาลที่เป็นวันหยุดยาวอย่าง ปีใหม่หรือสงกรานต์ ผู้คนมีแนวโน้มที่จะใช้งานโซเชียลมีเดียมากยิ่งขึ้นอาจเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการสร้างแคมเปญร่วมกับ Influencer

ตัวอย่างของ Festive Marketing

Starbucks holiday cups

Cr. Moo.com

สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าถึงเทศกาลคริสต์มาสแล้วคือการที่ Starbucks เปิดตัวสินค้าคอลเลคชั่นคริสต์มาส โดย Starbucks เริ่มทำแก้วเทศกาลตั้งแต่ค.ศ. 1997 ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจกับกลุ่มเป้าหมายได้มากมาย นอกจากนี้ยังมีการออกเครื่องดื่มและขนมที่เหมาะกับเทศกาลคริสต์มาสในแต่ละปี นับเป็นสิ่งที่ลูกค้าหลายคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยสินค้าคอลเลคชันใหม่และเมนูใหม่ๆ จาก Starbucks

IKEA’s Christmas campaign

Cr. Moo.com

กิจกรรมยอดฮิตในช่วงปีใหม่คงหนีไม่พ้นการตกแต่งต้นคริสต์มาส และตกแต่งบ้านให้เข้าช่วงเทศกาล ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่า IKEA มีการจัดวางสินค้าที่เหมาะกับเทศกาลปีใหม่เพื่อเป็นไอเดียในการประดับห้อง นอกจากนี้ยังมีการจัดโปรโมชันสินค้าราคาพิเศษที่เหมาะกับเทศกาลคริสต์มาสตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม โดยจากการสำรวจพบว่า 1 ใน 3 ของลูกค้าเริ่มต้นการซื้อของสำหรับคริสต์มาตั้งแต่เดือนตุลาคมหรืออาจจะก่อนด้วยซ้ำ นี่จึงเป็นโอกาสที่ IKEA หยิบมาใช้ในการนำเสนอสินค้าคริสต์มาสล่วงหน้าถึง 2 เดือน

Spotify Wrapped

Cr. Moo.com

ถ้าคุณยังไม่เคยเข้าร่วมแคมเปญประจำปี “Wrapped” ของ Spotify คุณอาจพลาดแคมเปญที่มีความสร้างสรรค์ที่สุด Spotify ได้วิเคราะห์แนวเพลงที่ผู้ใช้งานชอบฟังเพื่อนำเสนอแนวเพลงที่คล้ายๆ กันให้กับผู้ใช้งานตั้งแต่ปี ค.ศ. 2016 โดยทุกสิ้นปีผู้ใช้งานจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเพลงโปรดและรายชื่อศิลปินคนโปรดที่ได้รับการสตรีมมากที่สุดในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ Spotify ยังกระตุ้นให้ผู้ใช้งานแชร์ผลลัพธ์ทางโซเชียลมีเดียซึ่งกลายเป็นไวรัลช่วงท้ายปีติดกันมาหลายปี

สรุป

Festive Marketing เป็นอีกกลยุทธ์สำคัญที่แบรนด์สามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจของตนเพื่อสร้างยอดขาย สร้างการรับรู้ และการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้ โดย 7 เทคนิคที่ได้แนะนำเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่จะช่วยให้แบรนด์สร้างแคมเปญที่โดดเด่นในช่วงเทศกาลที่มีการแข่งขันนำเสนอแคมเปญต่างๆ เยอะแยะมากมาย

ตาคุณแล้ว

อ่านบทความจบแล้วเพื่อนๆ คงเห็นแล้วว่า Festive Marketing เป็นกลยุทธ์ที่ไม่ยากและก็ไม่ง่าย แต่ถ้าหมั่นศึกษาหาไอเดียจากแบรนด์ระดับโลกอยู่สม่ำเสมอ ในอนาคตแบรนด์ของคุณอาจจะกลายเป็นผู้นำในตลาดหลังจากใช้กลยุทธ์นี้ก็เป็นได้

แคมเปญไหนที่น่าสนใจในช่วงเทศกาลบ้าง แชร์ไอเดียกันได้ใต้คอมเมนต์เลย!