ปีเก่ากำลังจะผ่านพ้นไป ปีใหม่นี้กำลังจะผ่านเข้ามา

ก่อนเขียนบทความนี้ ผมพยายามมองในมุมมองของบุคคลที่ 3 ที่กำลังหันมาบอกอะไรบางอย่างกับตัวผมถึงสิ่งที่ควรจะต้องทำ ควรจะต้องโฟกัสในปีหน้า

ผมพยายามถามตัวเองว่า “ในบทบาทที่เป็นนักการตลาดสายคอนเทนต์ ถ้าผมอยากจะทำคอนเทนต์ให้ดีกว่าเดิม ส่งมอบคุณค่าให้ดีกว่าเดิม และทำให้ทุกอย่างมันตอบโจทย์ทางธุรกิจมากกว่าเดิม ผมควรจะต้องทำอะไรบ้าง?”

จากนั้นผมก็นั่งคิด นอนคิด ยืนคิด อยู่หลายตลบ คิดไป คิดมา ผมก็คิดออกมาได้ทั้งหมด 9 ข้อ

ในบทความนี้ นอกจากที่ผมจะเขียนเพื่อเป็นการทบทวนประสบการณ์ของตัวเองในปีที่ผ่านมา และย้ำเตือนตัวเองถึงสิ่งที่ต้องทำในปีนี้แล้ว ผมอยากถือโอกาสส่งผลึกความคิดต่อไปให้กับคุณ เพื่อให้นักการตลาดสายคอนเทนต์อย่างคุณเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งต่างๆ ในปีหน้าและปีหน้าๆ ไปด้วยกัน

พร้อมมั้ย? ถ้าพร้อมแล้ว ไปอ่านกัน 🙂

9 วิธีการทำให้ตัวเองเป็นนักการตลาดสายคอนเทนต์ที่ดีกว่าเดิม

1. อ่าน ฟัง ดู

วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ทำได้ง่ายที่สุดวิธีนึง เพราะว่าคุณสามารถเริ่มต้นทำมันได้ “ฟรี”

ใช่ครับ “ฟรี”

ปัจจุบันนี้มีข้อมูลมากมายที่คุณสามารถเลือกเสพได้ตามความสนใจของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องรออ่านหนังสือพิมพ์ รอฟังวิทยุ หรือรอดูทีวีอีกต่อไปแล้ว ข้อมูลหลายๆ อย่างมันมีอยู่บนโลกออนไลน์

คนอ่านหนังสือพิมพ์น้อยลง แล้วหันไปอ่านข่าว หรืออ่านบทความความรู้บน Website, Blog หรือ Application มากขึ้น

คนดูโทรทัศน์น้อยลง แล้วหันไปดูวิดีโอผ่านช่องอย่าง YouTube หรือ Netflix มากขึ้น (ในปีนี้ Tiktok ถือเป็นอีกช่องทางสำหรับวิดีโอแบบสั้นๆ ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น)

คนฟังวิทยุน้อยลง แล้วหันไปฟังเรื่องราวผ่าน Podcast มากขึ้น

Shifu แนะนำ
ถ้าคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ชอบเรียนรู้ นอกจากบทความในบล็อกแล้ว Content Shifu มี YouTube ChannelResource ฟรีให้คุณดาวน์โหลดไปใช้ศึกษา รวมไปถึงคอร์สเรียนที่หลากหลายในสายดิจิทัลให้คุณไปลงทะเบียนเรียนได้ด้วยครับ

2. ลงมือทำ

ทุกตัวอักษรที่คุณอ่าน ทุกเรื่องราวที่คุณฟัง และทุกความเคลื่อนไหวที่คุณเห็นจากวิธีที่แล้วนั้นแทบจะไม่มีค่าเลย ถ้าคุณไม่ “ลงมือทำ”

วิธีการเพิ่มพูนความรู้ด้วยการเรียนผ่านการอ่าน ฟัง ดู นั้นดี แต่วิธีการที่ดีกว่าคือการเอาสิ่งที่เรียนรู้นั้นมาใช้จริง

learning-pyramid

ผมมีตัวเลขที่น่าสนใจจาก National Training Laboratories, Bethel, Maine มาฝากด้วย ซึ่งเขาบอกว่าถ้าคุณอ่าน หรือฟัง คุณจะเรียนรู้แค่ประมาณ 10-20% จากที่คุณได้อ่าน ได้ฟังมาเท่านั้น แต่ถ้าคุณลงมือทำ คุณจะเรียนรู้ได้มากถึง 75%

ระหว่างแค่ “อ่าน ฟัง ดู” กับ “ลงมือทำ” นั้นต่างกันถึง 4-8 เท่าเลยนะ

เพราะฉะนั้น อย่ามัวแต่เรียนรู้ มาลงมือทำกันดีกว่า!

3. ลงทุน

ปัจจุบันมีเครื่องมือฟรีดีๆ มากมายเช่น เครื่องมือในการจัดการโปรเจ็กต์อย่าง Trello, เครื่องมือการ chat สำหรับองค์กรอย่าง Slack หรือเครื่องมือจัดการ to-do list อย่าง Todoist เป็นต้น

ปัจจุบันมีเครื่องมือฟรีดีๆ มากมายเช่น เครื่องมือในการจัดการโปรเจ็กต์อย่าง Asana, เครื่องมือการ chat สำหรับองค์กรอย่าง Slack หรือเครื่องมือจัดการ to-do list อย่าง Todoist เป็นต้น

สำหรับเครื่องมือเหล่านี้ สิ่งที่คุณต้องลงทุนก็คือเรื่องของ “เวลา” ครับ เวลาในการศึกษา และเรียนรู้มัน

ถ้าคุณลองเข้าไปดูเครื่องมือที่ผมเพิ่งแนะนำไป คุณจะรู้ว่า ของฟรีและดี มีอยู่จริง

นอกจากของฟรีต่างๆ ที่ผมเพิ่งเขียนถึงไปแล้ว ผมอยากให้คุณลองพิจารณาซื้อเครื่องมือที่คุณต้องลงทุนในรูปแบบของ “การจ่ายเงิน” ด้วยเช่นกัน เพราะถึงแม้ว่าของฟรีและดีมีอยู่จริง แต่ถ้าคุณอยากได้ของที่พรีเมียมกว่าปกติ คุณต้องยอมลงทุนครับ การที่เจ้าของเครื่องมือต่างๆ นั้นคิดเงิน เขาก็มีเหตุผลของพวกเขา (ซึ่งก็คือพวกเขาคิดว่ามันมีคุณค่ามากพอที่คุณจะยอมจ่ายนั่นเอง)

ในปีที่ผ่าน Content Shifu เองก็หมดกับค่าเครื่องมือไปหลายแสนเหมือนกัน ผมหวังว่าปี นี้เราจะได้จ่ายค่าเครื่องมือเพื่อเอามาใช้เอามาเล่นได้มากยิ่งขึ้น เพราะถ้ายิ่งจ่ายเยอะ แสดงว่าเราก็หาได้เยอะเช่นกัน

4. ทำงานร่วมกับผู้อื่น

“คนเดียวไปได้ไกล ไปด้วยกันไปได้ไกลกว่า”

การลองทำงานร่วมกับนักการตลาดสายคอนเทนต์หรือนักผลิตคอนเทนต์ให้มากขึ้นจะทำให้คุณมีประสบการณ์มากขึ้นกว่าเดิม

ถ้าจากเดิมที่คุณทำงานคนเดียว คุณอาจจะลองส่งงานต่อให้นักเขียนทำการเขียนหรือนักออกแบบทำการออกแบบดู

หรือถ้าคุณทำงานร่วมกับนักเขียน นักออกแบบ หรือนักวิเคราะห์ข้อมูลอยู่บ่อยๆ อยู่แล้ว คุณก็อาจจะลองเปลี่ยนคนทำงานด้วยดู บางทีคุณอาจจะพบแนวทางใหม่ๆ วิธีใหม่ๆ หรือความรู้ใหม่ๆ ในการทำงานก็เป็นได้

5. ลอง

คุณจะไม่เติบโตขึ้นจากการทำอะไรซ้ำๆ

ถ้าคุณทำ Content Marketing บน Facebook บางทีการขยับไปลอง TikTok, Instagram, YouTube หรือ LINE ที่มีแนวคิดในการทำต่างออกไป

หรือถ้าคุณถนัดทำ Content Marketing แบบใช้บทความเป็นหลัก คุณอาจจะทดลองใช้ Content ใน Format อื่นอย่างเช่น Video หรือ Infographic เข้ามาผสมผสานเพิ่มเติมด้วย

หรือถ้าคุณอยู่กับการทำ Content ให้กับอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งมาเป็นเวลานาน การลองย้ายสายไปทำอุตสาหกรรมอื่นๆ บ้างก็จะช่วยให้คุณเปิดโลก (จากประสบการณ์ของผม การทำ Content Marketing ให้กับสาย Consumer อย่างอาหารหรือแฟชั่นนั้นมีความแตกต่างกับการทำ Content Marketing ให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ธุรกิจการเงิน หรือสายอสังหาริมทรัพย์โดยสิ้นเชิง)

ลองสิ่งใหม่ๆ เปิดโลกใหม่ๆ เพื่อที่จะก้าวผ่านปีไปเป็นคนใหม่ๆ ที่เก่งขึ้น

6. เรียนรู้สายงานที่ใกล้เคียง

การที่คุณรู้ลึก รู้จริงนั้นเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ผมคิดว่าสำหรับการเป็นนักการตลาดสายคอนเทนต์นั้น การรู้ลึกในเรื่องใดเรื่องนึงนั้นไม่เพียงพอครับ สาเหตุเพราะว่าศาสตร์ และศิลป์หลายๆ อย่างนั้นมันเชื่อมต่อกัน

เช่น การจะเขียนบทความ บทความนึงออกมาให้ดี การที่คุณเป็นนักเขียนที่ดีนั้นอาจจะไม่เพียงพอ คุณต้องรู้เรื่อง SEO การออกแบบ การซื้อโฆษณา และการวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดด้วย

สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อก็คือ นอกจากการรู้ลึกในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว คุณควรจะรู้ให้กว้างด้วย ไม่ต้องถึงกับเก่งไปซะทุกอย่าง แต่ให้รู้ว่าขั้นตอนต่างๆ นั้นทำงานยังไง และประกอบไปด้วยอะไรบ้างก็เพียงพอแล้ว

และผมคิดว่าบทความนี้ของ Search Engine Journal ที่เกี่ยวกับ “10 ทักษะที่นักการตลาดสายคอนเทนต์ควรจะต้องมี” นั้นทำออกมาได้ดีเลยล่ะ

7. คุย คุย คุย

การคุยกับคน ไม่ว่าจะเป็นคนในอุตสาหกรรมเดียวกัน หรือคนนอกอุตสาหกรรมนั้นเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าจะทำให้คุณได้ไอเดียใหม่ๆ เพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบัน การไปพบปะ พบเจอคนใหม่ๆ นั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการเข้ากรุ๊ปต่างๆ บน Facebook

facebook-event-search

วิธีการค้นหา Group ที่น่าจะตรงกับความสนใจที่ง่ายที่สุดก็คือการเข้าไปที่ Facebook จากนั้นพิมพ์คำที่คุณสนใจลงไป (เช่น จัดโต๊ะคอม Digital Martech หรือ Inbound Marketing) ลงไปในกล่องค้นหา จากนั้นก็กดปุ่ม Group แล้วคุณก็จะเห็น Group มากมายที่อาจจะตรงกับความสนใจของคุณ

นอกจากคุณจะได้ไอเดียและความรู้ใหม่ๆ จากการเข้าร่วมกรุ๊ปแล้ว คุณอาจจะได้คอนเน็กชั่นเพื่อต่อยอดในเรื่องงานของคุณได้อีกด้วย

8. ถ่อมตัวอยู่เสมอ

โลกใบนี้นั้นกว้างใหญ่ โดยเฉพาะโลกออกไลน์ที่ทำให้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เป็นเรื่องง่าย ยิ่งผมรู้มากเท่าไหร่ ผมจะพบว่าผมยิ่งไม่รู้มากขึ้นเท่านั้น

การเปิดหู เปิดตา เปิดใจ รับความรู้ หรือความคิดเห็นอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอเป็นสิ่งที่จำเป็น เมื่อรับฟังมาแล้ว อะไรที่คุณคิดว่าเป็นประโยชน์ ก็เก็บเอามาปรับใช้ อะไรที่คิดว่าไม่เหมาะสม ก็ถือว่าได้เรียนรู้ และรับฟังอะไรใหม่ๆ และเก็บมันไว้ในใจ

การถ่อมตัว เปิดตา เปิดหู เปิดใจ รับฟังสิ่งใหม่ๆ นั้นจะทำให้คุณเป็นเหมือนน้ำที่ไม่เต็มแก้ว และจะคอยหมั่นพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ

โดยเฉพาะในโลกยุคปัจจุบันที่หมุนไวตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณชะล่าใจ คิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองเจ๋ง แล้วหยุดที่จะเรียนรู้แล้วละก็ เมื่อนั้นคุณก็จะเริ่มถดถอยช้าๆ อย่างไม่รู้ตัว

เพราะฉะนั้นมาเป็น “คนที่อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ แข็งแกร่ง แต่ไม่แข็งกร้าว” กันเถอะ 🙂

 9.  ทำมันอย่างสม่ำเสมอ

ข้อ 9 เป็นข้อสุดท้าย และเป็นข้อที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุด

การทำ Inbound Marketing / Content Marketing นั้นไม่ใช่วิธีการที่จะเห็นผลทันทีเหมือนกับการยิงโฆษณาขายของ แต่มันเป็นการปลูกเมล็ดเพื่อเพาะพันธุ์ต้นกล้าให้แข็งแรง ก่อนที่จะมาเก็บเกี่ยวภายหลัง

ซึ่งมันต้องใช้เวลา และความสม่ำเสมอ และนักการตลาดสายคอนเทนต์ ผู้บริหาร หรือใครก็ตามที่อยากจะทำ Inbound Marketing / Content Marketing ต้องเข้าใจจุดนี้

ไม่มีอะไรที่ได้มาเร็ว และได้มาง่าย อะไรที่ได้มาเร็ว และง่ายเกินไปจนดูดีเกินจริง ก็มักจะดูดีเกินจริง

กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียวฉันใด การสร้างคอนเทนต์ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ในวันเดียวฉันนั้น ช่วงแรกๆ อาจจะไม่มีคนสนใจ อาจจะออกมาไม่ดีอย่างที่หวังไว้ แต่ถ้าทำด้วยความตั้งใจ ทำอย่างหนัก และทำอย่างสม่ำเสมอแล้ว ผมคิดว่าเมล็ดพันธุ์ที่คุณปลูกไว้มันจะผลิดอกออกผล และมีรสชาติยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน

สรุป

และนี่ก็คือวิธี 9 วิธีที่ผมเอาไว้ใช้บอกกับตัวเองเพื่อให้เป็นนักการตลาดสายคอนเทนต์ที่ดีกว่าเดิม แล้วก็อยากจะส่งต่อไปให้คุณด้วยนะครับ : )

ปีเก่ากำลังจะผ่านพ้นไป… เราคนใหม่กำลังจะเข้ามา

มาเป็นคนใหม่ที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป ไปด้วยกันนะ