เครื่องมือทุกตัวล้วนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยให้เราทำสิ่งต่างๆ ได้ง่ายหรือสะดวกขึ้น และหนึ่งในเครื่องมือในการทำ SEO บน WordPress ที่ต้องบอกเลยว่าเป็นที่นิยมมากที่สุด นั่นก็คือ Yoast นั่นเอง ปลั๊กอิน SEO ที่ใช้งานง่าย ที่สำคัญมีให้ใช้เวอร์ชันฟรี! อีกด้วย

ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับเจ้าปลั๊กอินตัวนี้กันค่ะ ไม่ว่าคุณจะกำลังเริ่มทำเว็บไซต์ สนใจในเรื่องของการทำ SEO หรือแม้กระทั่งมือโปรด้าน SEO ก็อาจจะยังใช้เจ้า Yoast ปลั๊กอิน SEO ตัวนี้ช่วยในการทำงานอยู่ ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปดูกันเลย!

Yoast SEO คืออะไร?

Yoast SEO เป็นปลั๊กอินช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปรับแต่ง SEO โดยจะช่วยแนะนำ ปรับแต่งโครงสร้างของเว็บไซต์ให้ถูกต้องเป็นไปตามหลัก SEO เมื่อเราสร้างหน้า Page หรือ เวลาเขียนบทความบน WordPress ที่ติดตั้งปลั๊กอิน Yoast เรียบร้อย ระบบจะแสดงเป็นจุดไฟ เขียว ส้ม แดง ซึ่งเปรียบเสหมือน Checklist พร้อมกับคำแนะนำว่ายังมีจุดไหนบ้างที่เรายังต้องปรับปรุงเพื่อให้ถูกต้องตามหลักของ SEO On-Page ซึ่งแน่นอนว่าถึงแม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ก็สามารถเริ่มใช้ได้ไม่ยากเลย!

ประโยชน์ของ Yoast SEO

ช่วยให้คอนเทนต์น่าสนใจและถูกต้องตามหลักการทำ SEO

ปลั๊กอิน Yoast จะช่วยทำให้คอนเทนต์มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะมีคุณสมบัติในการจำจำคีย์เวิร์ด การนับความสั้น/ยาวของบทความ การเว้นวรรค รวมถึงการใส่คำอธิบายต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้บทความหรือคอนเทนต์มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น ที่สำคัญหากทำถูกต้องตามหลัก SEO ก็จะทำให้บทความของเราติดอันดับแรกๆ คนค้นหาเจอง่าย เป็นต้น

ช่วยเลือก Keyword

ปลั๊กอินของ Yoast จะมีช่อง Fogus Keyword ที่จะช่วยดูว่าคีย์เวิร์ดนั้นๆ เป็นคีย์เวิร์ดที่มีคุณภาพหรือไม่ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของ Title และ Meta description ด้วย

ช่วยวิเคราะห์ว่า SEO ของเว็บไซต์

Yoast มีฟีเจอร์ที่ช่วยในการปรับแต่งโครงสร้างของเว็บไซต์เกี่ยวกับ SEO ในด้าน Technical ให้ดีขึ้นได้ ซึ่งจะช่วยวิเคราะห์ว่ามีอะไรที่ควรปรับปรุงบ้าง เป็นเหมือนเช็กลิสต์ในการทำ SEO ของคนที่มีเว็บไซต์

ใช้ง่าย ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือโปร

เพราะมีฟีเจอร์ที่คอยให้คำแนะนำว่าต้องทำอะไรบ้าง โดยมีสัญญาณไฟ เขียว ส้ม แดง แสดงแทนคำแนะนำต่างๆ ว่ายังมีจุดไหนบ้างที่ควรปรับปรุงให้ดีขึ้น หรือให้ถูกต้องตามหลักของ SEO

  • สีเขียว หมายถึง ดีมาก
  • สีส้ม หมายถึง ปานกลาง
  • สีแดง หมายถึง ไม่ผ่าน หรือต้องแก้ไข

ซึ่งสัญญาณไฟข้างต้น จะช่วยให้เรากลับมารีเช็กอีกทีว่าบทความหรือคอนเทนต์ของเรามีจุดไหนที่ควรปรับเพิ่มเพื่อให้ถูกหลัก SEO บ้าง ซึ่งในจุดนี้ก็จะส่งผลดีต่อการติดอันดับของบทความหรือคอนเทนต์ของเราด้วย

วิธีติดตั้ง Yoast SEO

มีวิธีการติดตั้งง่ายๆ ใน 4 ขั้นตอน ดังนี้

1. เข้าไปที่หน้าหลังบ้านของ WordPress > Plugins

2. ค้นหา “Yoast” ใน WordPress Plugin เพื่อ Install

3. เลือก Yoast SEO > Install > Activate

4. เพียงแค่นี้ ปลั๊กอิน Yoast SEO บน WordPress ของคุณก็พร้อมใช้งาน

สอนใช้ Yoast SEO ใน WordPress

สามารถเข้าไปดูวิดีโอรีวิวสอนใช้ Yoast แบบเบื้องต้นได้ที่ช่อง Content Shifu พร้อมกับอ่านบทความนี้ประกอบด้วยได้เลยค่ะ

วิธีใช้งาน Yoast SEO [Optimize On-page SEO]

ทำความรู้จักกับ Yoast ปลั๊กอิน SEO กับ 14 Checklist ที่จะช่วยให้คำแนะนำให้เราทำบทความหรือคอนเทนต์ได้ถูกหลัก SEO โดยจะมีสัญญาณไฟ พร้อมคำแนะนำมาให้ ไปดูกันเลยว่า 14 Checklist ที่ว่านั้นจะมีอะไรบ้าง!

Outbound links

Outbound links: Good job! คือ การที่เรามีการใส่ Outbound links ในบทความ หรือในคอนเทนต์ ซึ่งหากว่ายังไม่ได้ใส่ Outbound link สัญญาณไฟก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง

Keyphrase length

Keyphrase length: Good job! คือ การที่คีย์เวิร์ดที่เราใช้ในบทความมีความยาวที่พอดี

Keyphrase in meta description

Keyphrases or synonyms appear in the meta description. Well done! คือ การที่เราใส่คีย์เวิร์ดในส่วนของ Meta description หากคีย์เวิร์ดถูกต้องก็จะขึ้นสัญญาณไฟสีเขียว พร้อมประโยคข้างต้น แต่หากว่าลืมใส่คีย์เวิร์ดลงไป ก็จะขึ้นสัญญาณไฟสีแดง

Meta description length

Meta description length: Well done! คือ ความยาวของข้อความใน Meta description ที่ต้องใส่ความยาวที่พอดี ไม่เยอะหรือน้อยจนเกินไป โดยความยาวของข้อความใน Meta description ควรมีไม่น้อยกว่า 120 ตัว และมีตัวอักษรไม่เกิน 156 ตัว เป็นต้น

Previously used key phrase

Previously used key phrase: You’ve not used this keyphrase before คือ การที่เราใช้โฟกัสคีย์เวิร์ดที่ไม่เคยถูกใช้มาก่อนในบทความอื่นๆ ในเว็บไซต์ของเรา หรือก็คือการที่เราต้องใช้คีย์เวิร์ดที่แตกต่างกันออกไปนั่งเอง

Text length

Text length: The text contains 300 words. Good job! คือ ความยาวของบทความจะต้องมีความยาวที่ไม่น้อยกว่า 300 คำ ถึเพื่อให้เป็นไปตามหลักของ Yoast SEO

Keyphrase in title

Keyphrase in title: The exact match of the focus keyphrase appears at the beginning of the SEO title. Good job! คือ ในบทความหรือคอนเทนต์ ต้องมีการใส่คีย์เวิร์ดลงใน SEO Title ด้วย

SEO title width

SEO title width: Good job! คือ ความยาวของ SEO title ต้องมีความยาวที่พอดี ไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป

Keyphrase in slug

Keyphrase in slug: Great work! คือ คีย์เวิร์ดใน Slug มีความถูกต้องตรงกับคีย์เวิร์ดที่ใช้ เป็นต้น

Internal links

คือ ในบทความหรือคอนเทนต์ของเรามีการแทรก Internal links ลงไป ซึ่งหากเราใส่แล้วก็จะขึ้นสัญญาณไฟสีเขียว แต่ถ้าหากยังไม่ใส่ก็จะขึ้นเป็นสีแดง

Keyphrase in introduction

คือ ต้องใส่คีย์เวิร์ดในบทนำของย่อหน้าแรก หากใส่แล้วก็จะขึ้นสัญญาณไฟสีเขียวนั่นเอง ซึ่ง Yoast แนะนำว่าควรที่จะใส่คีย์เวิร์ดในบทนำของย่อหน้าแรกเสมอ

Keyphrase density

คือ หากใส่คีย์เวิร์ดในจำนวนที่พอดี สัญญาณไฟก็จะขึ้นเป็นสีเขียว แต่ถ้าเราใส่โฟกัสคีย์เวิร์ดที่เยอะจนเกินไปก็จะขึ้นคำว่าสัญญาณไฟเป็นสีแดงให้แก้ไข เพื่อช่วยเช็กให้คีย์เวิร์ดในบทความของเราอยู่ในระดับที่พอดี

Keyphrase in subheading

คือ คีย์เวิร์ดที่ใช้ในบทความหรือคอนเทนต์ ต้องอยู่ในส่วนของหัวข้อย่อย (H2, H3) ด้วย ซึ่งหากมีการใช้คีย์เวิร์ดในหัวข้อย่อย สัญญาณไฟก็จะกลายเป็นสีเขียวนั่นเอง

Image alt attributes

คือ ต้องใส่ Alt Text หรือ Alt attributes ในส่วนของรูปภาพด้วย เมื่อใส่แล้วสัญญาณไฟก็จะกลายเป็นสีเขียว

Shifu แนะนำ

Snippet Preview
คือ รูปแบบคอนเทนต์ที่ถูกแสดงใน Search Engine ซึ่งประกอบไปด้วย SEO title , Slug , Meta description

Focus Keyword
คือ Keyword ที่เราต้องการเน้น โดย Plugin จะทำการตรวจสอบคอนเทนต์ของเราโดยอัตโนมัติว่ามี Keyword อยู่ที่ส่วนไหนและจำนวนเท่าไหร่บ้าง

Analysis results
คือ ผลการวิเคราะห์ของ Yoast ที่จะบอกว่ามีเนื้อหาส่วนใดบ้าง ที่ทำไม่ถูกหลักของ SEO โดยจะมีทั้งหมด 14 Checklist หลักๆ ให้เราได้เช็ก

สรุป

Yoast SEO คือตัวช่วยที่จะทำให้เว็บไซต์และบทความของเรานั้นสมบูรณ์และมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะกำลังสงสัยว่าจำเป็นไหมที่จะต้องโฟกัสกับคะแนนสัญญาณไฟ เขียว แดง ของ Yoast เวลาเขียนบทความ ซึ่งต้องบอกเลยว่าจริงๆ แล้วไม่ได้จำเป็นเลยว่าจะต้องให้แสดงเป็นไฟเขียวทั้งหมดแล้วคอนเทนต์ของเราจะติดอันดับแรกๆ ได้ และการที่ขึ้นสีแดงก็ไม่ได้หมายความว่าบทความนั้นๆ ของเราจะไม่ติดอันดับแรกๆ เช่นกัน

เพราะในการทำคอนเทนต์ เขียนบทความทุกๆ ครั้งนั้น สิ่งที่เราควรโฟกัสเป็นหลักก็คือ คุณภาพของบทความที่เราต้องการที่จะส่งมอบคุณค่าที่ดีที่สุดให้กับผู้อ่าน จากนั้นค่อยมาปรับส่วนอื่นๆ เพิ่มเติมก่อน Publish ซึ่งเป็นวิธีที่ดีกับทุกฝ่ายทั้งคอนเทนต์ของเราเองและคุณภาพของเนื้อหาที่ผู้อ่านจะได้รับ

ตาคุณแล้ว

Yoast เป็นเพียงเครื่องมือที่จะช่วยเช็กลิสต์เกี่ยวกับ SEO แต่จริงๆ แล้วหากคุณมั่นใจว่าเนื้อหาของคอนเทนต์หรือบทความของคุณดีแล้ว ถึงแม้จะไม่ขึ้นไฟสีเขียวทั้งหมดก็ไม่เป็นไรค่ะ มั่นใจเข้าไว้! เพื่อนๆ มีใครที่เคยใช้ Yoast แล้วไม่ขึ้นไฟเขียวแต่บทความนั้นๆ ติดอันดับบ้าง? มาแชร์กันได้เลยนะคะ 🙂