การทำธุรกิจ E-commerce (อีคอมเมิร์ซ)ให้ประสบความสำเร็จในยุคนี้ ต้องเข้าหาลูกค้าให้ถูกที่ ถูกเวลา ฟังดูเหมือนทำได้ไม่ยาก แต่มันมีวิธีไหนบ้าง? 

เพราะตั้งแต่ที่โรคระบาดอย่างโควิด-19 เข้ามาเปลี่ยนแปลงการจับจ่ายของผู้บริโภค ให้หันมาซื้อทางออนไลน์มากขึ้น หลายคนก็เข้ามาลงแข่งในธุรกิจ E-commerce กันอย่างดุเดือด จนหลายแบรนด์เริ่มมองหาวิธีการสื่อสารไปยังลูกค้ายังไงให้โดดเด่นกว่าเจ้าอื่น

วันนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับตัวช่วยการสื่อสารผ่านโฆษณาอย่าง Commerce Media ที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจพฤติกรรมการซื้อ และคุยกับกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุดมากขึ้น! 

Commerce Media คืออะไร? ทำไมคนทำธุรกิจ E-commerce ต้องรู้จัก?

คำว่า Commerce หมายถึง กิจกรรมการซื้อขายสินค้า และบริการทางออนไลน์ 

ส่วนคำว่า Media หมายถึง ช่องทางสื่อสาร และการยิงโฆษณาบนสื่อดิจิทัล เพื่อให้เข้าถึงหรือจูงใจผู้คนตามวัตถุประสงค์ต่างๆ

ดังนั้นเมื่อรวมกันแล้ว Commerce Media จะแปลได้ว่า สื่อสำหรับธุรกิจ E-commerce ที่สามารถลงโฆษณาแบบเชื่อมต่อกับผู้ใช้ตลอดเส้นทางของ Customer Journey โดยใช้ข้อมูลของแบรนด์ มาวิเคราะห์เพื่อแสดงโฆษณาบนเว็บไซต์ และแอปต่างๆ ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย 

โดยกุญแจสำคัญของการลงโฆษณา คือข้อมูลการค้าขนาดใหญ่ (Purchase And Intent Data) สำหรับนำไปวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าของเราหรือผู้ที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้า เพื่อให้โฆษณาที่ยิงไปแสดง ‘สินค้าที่ใช่ กับคนที่ชอบ ในเวลาที่เหมาะสม’

ซึ่งปัจจุบันธุรกิจ E-commerce กำลังได้รับความนิยม จะเห็นได้จากสถิติของ Data Reportal ที่ผู้คนมีพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยออนไลน์จำนวนมาก และแน่นอนว่าเมื่อมีลูกค้าเพิ่มขึ้น การแข่งขันก็จะเพิ่มขึ้นตามด้วยเช่นกัน นอกจากนี้วิธีการเก็บข้อมูลผู้บริโภคบนโลกออนไลน์ก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว  จากการที่กำลังมีการยกเลิกใช้ Third-Party Cookie และทำให้หลายธุรกิจต้องเปลี่ยนมาเป็น First-Party Data แทน ทำให้แบรนด์ ไปจนถึงเหล่านักการตลาด เจ้าของสื่อต่างๆ ต้องหาวิธีเก็บข้อมูลผู้ใช้ด้วยวิธีใหม่ที่ชาญฉลาดมากขึ้น

แหล่งที่มา: DATAREPORTAL

ดังนั้น การหันมาใช้กลยุทธ์นี้จึงตอบโจทย์ที่สุด เนื่องจากผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ส่วนใหญ่มักไม่ซื้อทันที 

อาจเพราะด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป การสร้างประสบการณ์การซื้อที่สามารถเจาะลูกค้าแบบ Personalization ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าของเราตั้งแต่ก่อนซื้อ ขณะซื้อ และหลังตัดสินใจซื้อไปแล้ว จะช่วยกระตุ้นยอดขาย และขยายการรับรู้ของผู้บริโภค ให้เราสามารถโปรโมตสินค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ความสำคัญของ Commerce Media กับธุรกิจ E-commerce

  • การเติบโตของ E-commerce เริ่มคงที่

การเติบโตของ E-commerceที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกำลังเริ่มคงที่หลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 หมดไป ดังนั้นในวงการธุรกิจที่มีคู่แข่งมากมาย การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญ อย่างไรก็ตามการโฆษณาบนโลกออนไลน์กลับมีค่าใช้จ่ายที่พุ่งสูง แถมยังมีข้อจำกัดในเรื่องเวลา คน ที่ต้องจัดการหลายสิ่งพร้อมกัน ซึ่ง Commerce Media จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา ให้การทำแคมเปญโฆษณาที่ยิงไปเข้าถึงกลุ่มลูกค้าแบบประหยัดทั้งเงินและเวลา

  • ผู้บริโภคหันมาใช้ Open Internet เพื่อจับจ่ายซื้อของ

ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาใช้ Open Internet มากกว่าบน Walled Gardens ถึง 4 ล้านคน โดยเลือกที่จะค้นหาข้อมูลสินค้าบนเว็บไซต์ของแบรนด์ แทนการค้นหาในเครื่องมือค้นหา หรือบนโซเชียลมีเดีย การที่ยังลงโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มเดิมๆ ก็อาจจะไม่ได้เป็นผลดีเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่ควรไปลงทุนกับ Commerce Media แทน เพื่อเพิ่มโอกาสในการเชื่อมต่อกับผู้บริโภคในจุด Touch Points 


Shifu แนะนำ

Open Internet หรือบางครั้งเรียกว่า Net Neutrality หมายถึง ระบบอินเทอร์เน็ตที่เปิดให้ทุกคนสามารถใช้งานได้ฟรี อย่างสาธารณะ และไม่ถูกควบคุมโดยรัฐบาล ซึ่งประกอบไปด้วย OTT/CTV  (แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งสำหรับดูหนัง หรือซีรีย์), Music Streaming, Youtube, Social Media, Live Game Streaming, Online Games และ Website หรือ Blog


Walled Gardens หมายถึงแพลตฟอร์มปิด ที่ไม่สามารถยิงโฆษณาข้ามออกไปนอกระบบ และแพลตฟอร์มอื่นๆได้ โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Open Internet ที่จะประกอบไปด้วย Youtube, Social Media และ Live Game Streaming

 

  • การเข้ามาของ First-Party Data และ Privacy

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กฎระเบียบสำหรับการซื้อขายออนไลน์ใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค และเพื่อความโปร่งใสมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ นักการตลาด และเจ้าธุรกิจจึงมองหาวิธีใหม่ๆ ในการเข้าถึงผู้บริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ

กลยุทธ์อย่างการสื่อสารผ่านโฆษณาแบบเฉพาะเจาะจงจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากสามารถเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของแบรนด์โดยตรง และอยู่ภายใต้กฎหมายความเป็นส่วนตัว จากการใช้ First-Party Data แทน 

  • ROI สร้างความแตกต่าง

หลายบริษัทละเลยการวัด Key Metrics บางตัวที่ส่งผลต่อคุณภาพของแผนการตลาด ทำให้ไม่สามารถวิเคราะห์ผลลัพธ์ที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากเพียงพอ ส่งผลให้การวางแผนการตลาดในอนาคตมีความเสี่ยง หรือไม่สามารถประเมินงบประมาณการลงทุนให้คุ้มค่าได้อย่างแท้จริง ซึ่ง Commerce Media เป็นระบบ Closed Loop (ระบบการควบคุมแบบปิด) ที่สามารถติดตามการใช้จ่ายโฆษณา และตัวชี้วัดต่างๆ ทำให้เราสามารถวิเคราะห์ค่า ROI ออกมาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

  • ยกระดับ Digital Advertising ไปอีกขั้น

เจ้าสิ่งนี้จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการทำการตลาด และการทำแคมเปญโฆษณาแบบ 360° ตั้งแต่การค้นหา การสร้าง Display ไปจนถึงวิเคราะห์ช่องทางการสื่อสารให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ของกลุ่มลูกค้า  เรียกได้ว่าสามารถกระตุ้นผู้ชมและวัดผลผ่านช่องทางและรูปแบบต่างๆ ได้ภายในเครื่องมือเดียว

Commerce Media

แหล่งที่มา: CLEARCODE

ปัญหาการทำ E-commerce และวิธีเอาชนะคู่แข่ง

ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของผู้บริโภค ระบบของ E-commerce กฎหมาย การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม และอื่นๆ เรียกได้ว่าการจะทำธุรกิจไม่ง่ายเลย หากใครที่กำลังทำธุรกิจค้าขายออนไลน์อยู่ หรืออยากเริ่มทำ มาดูว่ากันว่าอุปสรรคหลักที่เราต้องข้ามผ่านมีอะไรบ้าง

ปัญหาการทำธุรกิจ E-commerce

  • รายได้และงบประมาณในการทำธุรกิจ 

แน่นอนว่าการยิงโฆษณาต้องมีการใช้เงินอยู่แล้ว แต่การลงทุนที่ว่านั้นมันได้ผลตอบแทนเพียงพอหรือไม่ เพราะต่อให้เราลงเม็ดเงินกับการยิงโฆษณาเป็นจำนวนมาก แต่ก็อาจจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่คุ้มทุน ดังนั้นข้อจำกัดของการทำธุรกิจคืองบประมาณการลงทุน ที่จะแบ่งสรรปันส่วนให้กับแผนการตลาดยังไงให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด และมีรายได้เข้ามาตรงตามที่ตั้งเป้าไว้ 

  • ความสำคัญของทีมที่พร้อมทำงาน

การทำธุรกิจไม่ใช่เพียงแค่ขายสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการทำตั้งแต่ขั้นตอนวางแผน การโปรโมตสินค้า/บริการ การดูแลหลังบ้าน ไปจนถึงการนำข้อมูลที่ได้จากลูกค้ามาวิเคราะห์ เพื่อปรับปรุงแผนต่อไปในอนาคต ซึ่งทีมหรือพนักงานเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก โดยคนในทีมต้องมีความสามารถ ความรู้ในเรื่องงาน เรื่องการใช้เทคโนโลยีที่สามารถเข้ามาซัพพอร์ตตัวเองได้ เพื่อให้งานออกมามีประสิทธิภาพสูงสุด 

  • การสร้างสรรค์โฆษณา ที่ต้อง Personalized

อีกหนึ่งอุปสรรคของการทำธุรกิจคือ การวางแผนโปรโมตยังไงให้ตรงกับ Target Audience ที่ต้องสอดคล้องกับเส้นทางการซื้อสินค้าของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย และถึงแม้จะสามารถนำข้อมูลหลังบ้านที่มีออกมาวิเคราะห์ได้ด้วยตนเอง แต่ก็อาจจะเกิดความคลาดเคลื่อนได้ 

ดังนั้น การมีเครื่องมือหรือเทคโนโลยีเข้ามาช่วยซัพพอร์ตการทำงาน ก็จะทำให้เราสามารถอุดรอยรั่วที่เกิดขึ้นได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการก้าวข้ามปัญหา และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ดูได้ตามข้างล่างนี้เลย! 

วิธีเอาชนะคู่แข่งด้วย Commerce Media

  • Plan Media แบบ Cross-channel

วางแผนการสื่อสารแบบผสมผสานหลายช่องทางเข้าด้วยกัน ด้วยการเชื่อมต่อผ่านแพลตฟอร์มเดียว เพื่อความคล่องตัวในการเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ 

  • ใช้ Data แบบเรียลไทม์เพื่อดูพฤติกรรมผู้บริโภค

ใช้เทคโนโลยีที่มาช่วยในการติดตาม วัดผล และรายงานข้อมูลผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งเรายังสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันทีอีกด้วย

  • พิจารณาขยับงบประมาณการตลาด

เพราะการมีเทคโนโลยี และทรัพยากรที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นเราควรเริ่มพิจารณาขยับงบประมาณการตลาดไปลงในส่วน Commerce Media เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณา และสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ 

  • มุ่งเน้นไปที่ความคิดสร้างสรรค์

มุ่งเน้นการเลือกคอนเทนต์สำหรับยิงโฆษณา โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ และออกแบบให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก เพื่อสร้างโอกาสในการกระจายสื่อไปยังหลายแพลตฟอร์มได้อย่างเหมาะสม พร้อมเสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ได้ดีกว่าเดิม

Criteo: เครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยให้การทำ Commerce Media ง่ายยิ่งขึ้น

เครื่องมือที่ทำให้เราเข้าใจเส้นทางการช้อปปิ้งของผู้บริโภคตั้งแต่ขั้นพิจารณา ไปจนถึงปลายทางการขาย ที่สามารถวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าในอนาคตได้อีกด้วย หรือที่เรียกว่า Predictive Media Strategy 

เพื่อให้เหล่าแบรนด์ และนักการตลาดสามารถใช้ข้อมูลที่ Criteo คาดการณ์มาช่วยกำหนดกลยุทธ์การตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งทำให้การทำธุรกิจสามารถทำงานร่วมกันได้ (Ecosystem) และช่วยให้ผู้บริโภคได้รับสารที่ต้องการในเวลาที่ต้องการจริงๆ  

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง หรือมีเพียงแค่เฉพาะช่องทางออนไลน์บนแพลตฟอร์ม E-commerce ต่างๆ แต่ไม่มีหน้าร้าน เช่น Shopee, Lazada ก็สามารถใช้ Criteo ได้เช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดเครื่องมือสำหรับการทำธุรกิจ E-commerce ที่ครบวงจรแบบรอบด้านเลยทีเดียว 

Commerce Media

แหล่งที่มา: Criteo

ฟีเจอร์สำคัญที่อยากแนะนำ

ถึงแม้ตัว Criteo จะมีฟีเจอร์หลากหลายให้เลือกใช้ แต่เราขอยกฟีเจอร์สำคัญ ที่ถือเป็นแกนหลักความสามารถของ Criteo ทั้ง 3 แกนมาให้ดูกัน ซึ่งจะมีทั้ง Criteo Commerce Growth สำหรับเก็บ Data, Criteo AI Engine การวิเคราะห์ Data  และสุดท้ายคือ Criteo Capabilities การสรุป Data มาเป็นรีพอร์ตแบบเรียลไทม์ เพื่อนำไปต่อยอดในการทำแคมเปญการตลาดต่อไป

  • Criteo Commerce Growth

หรือก็คือ Big Data ที่จะรวมข้อมูลทั้งหมดตั้งแต่ Identity, Interest และ Measurement  ที่เป็นพฤติกรรมการช้อปปิ้งของผู้บริโภค เพื่อช่วยให้เราเข้าใจ และรู้จักผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วน ซึ่งปัจจุบันฐานข้อมูลตอนนี้มีมากถึง 1.9B ที่เป็น Active Monthly Shoppers จากการเชื่อมต่อกับ Transaction อื่นๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้น 

  • Criteo AI Engine

ระบบ AI ของ Criteo ที่นำข้อมูลจาก Big data มาช่วยแนะนำการตัดสินใจ สำหรับการวางแผนกลยุทธ์ ตั้งแต่ฟีเจอร์ Predictive Bidding ที่สามารถวิเคราะห์เพื่อตั้งงบค่าโฆษณา การเลือกตำแหน่งโฆษณา ฟีเจอร์ Product Recommendation ที่แสดงสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และฟีเจอร์ Dynamic Creative Optimization ที่สามารถช่วยปรับแต่งความครีเอทีฟให้ชิ้นงานโฆษณาน่าสนใจได้อีกด้วย

  • Criteo Capabilities

เป็นการทำ Analytical Report แบบเรียลไทม์ โดยสรุปข้อมูล Key Metrics ออกมา สำหรับนำไปใช้วิเคราะห์แคมเปญการตลาดในอนาคต วางแผนการวางต้นทุน Cost per Order เพื่อช่วยให้การยิงโฆษณาครั้งถัดไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

วิธีใช้ Criteo (ฉบับพื้นฐาน)

การทำงานของ Criteo นั้นสามารถแบ่งเป็น 3 สเต็ปหลักๆ ได้แก่ Build Awareness >> Drive Consideration >> Get Conversion เนื่องจาก Criteo เล็งเห็นถึงปัญหาของการทำธุรกิจในยุคนี้ ที่ถึงแม้เราสร้าง Awareness แล้วก็อาจจะไม่เพียงพอในการเพิ่มยอดขาย และต้องการเข้ามาช่วยให้สเต็ปถัดไปหลังจากสร้างการรับรู้ให้เกิดขึ้น 

โดยการช่วยกำหนดกลยุทธ์การตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

1. สร้างแคมเปญโฆษณา

แหล่งที่มา: Criteo

ขั้นตอนแรกสำหรับผู้ที่เข้ามาใช้ Criteo คือการสร้างแคมเปญโฆษณา โดยเราควรวางแผนการตลาดไว้ก่อน ว่ามีวัตถุประสงค์แบบไหน มีกลุ่มเป้าหมายเป็นใครไว้ เพื่อช่วยให้เครื่องมือสามารถวิเคราะห์แบบแผนการลงโฆษณา ได้ตรงจุดมากขึ้น ซึ่งสามารถสร้างแคมเปญตามวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน เช่น แคมเปญสำหรับเข้าหาลูกค้าใหม่ หรือสร้างแคมเปญเพื่อรักษาลูกค้า เป็นต้น 

2. สร้าง Ad Set และตั้งค่าที่ต้องการ

Commerce Media

แหล่งที่มา: Criteo

หลังจากสร้างแคมเปญแล้ว ต่อมาคือการสร้าง Ad Set และตั้งค่าทั่วไป เช่น ชื่อ Ad Set ประเภทของสื่อ (Display, Video) และใส่วัตถุประสงค์ที่ต้องการ  

ถัดมาเลือกกลุ่มลูกค้าหรือผู้ที่มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้า/บริการ ที่เราอยากให้คนเหล่านั้นพบเห็นโฆษณา ซึ่งสามารถกำหนดได้ตั้งแต่ สถานที่ และเวลาที่แสดงโฆษณา โดย Criteo Commerce Growth จะเข้ามาช่วยวิเคราะห์ลักษณะพฤติกรรมการซื้อ ให้โฆษณาของเราสามารถไปแสดงผลให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมได้

3. กดแสดงโฆษณาตามวันที่กำหนด และเปิดตัวแคมเปญ

แหล่งที่มา: Criteo

พอตรวจสอบการตั้งค่าแล้ว และทำการเปิดตัวแคมเปญ ทางระบบของ Criteo ก็จะคอยติดตาม วัดผล และวิเคราะห์ข้อมูลออกมาโดยใช้ระบบ AI เข้ามาช่วยคิดกลยุทธ์แผนการตลาดในเรื่องของการ Predictive Bidding หรือในเรื่องของการหา Conversion ต่อไป 

สรุป

โดยสรุปแล้ว แม้ว่ารูปแบบการซื้อสินค้าจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แต่การมาของ Commerce Media  ก็จะเข้ามาช่วยซัพพอร์ตธุรกิจทุกขนาดให้สามารถวางแผนการตลาด และสร้างแคมเปญโฆษณาได้ตรงเป้าหมาย และตรงประเด็นมากขึ้น ผ่านการประเมินข้อมูลต่างๆ พร้อมหาวิธียิงโฆษณาไปยังผู้บริโภคที่ต้องการ แบบ Personalized โดยครอบคลุมทั้งเส้นทางการซื้อของลูกค้า ตั้งแต่การรับรู้ การพิจารณาไปจนถึงขั้นตอนการรักษาลูกค้า ส่งผลให้การยิงโฆษณาของธุรกิจ E-commerce นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น


Shifu แนะนำ

ในยุคที่การทำ Retail Media สำหรับธุรกิจ E-commerce ในปัจจุบันและยังมีแนวโน้มว่าในอนาคตจะมีการแข่งขันที่ดุเดือด จะเป็นอย่างไรหากธุรกิจของคุณไม่สามารถตอบสนองความต้องการหรือความสนใจของผู้บริโภคได้ทันท่วงที?

ชวนคุณมา Drive Performance ด้วยการทำการตลาดแบบ Predictive Media เพื่อที่ธุรกิจของคุณจะได้ตอบโจทย์ เข้าใจผู้บริโภค และปิดการขายได้ในที่สุด 

ดาวน์โหลดฟรี E-book “5 ขั้นตอนสู่การทำกลยุทธ์ Predictive Media สำหรับธุรกิจ Retail ในตลาด E-commerce” 

ดาวน์โหลด E-book