Social Media Calendar หากแปลเป็นภาษาไทยให้เข้าใจง่ายก็คือ ตารางที่ใช้ในการวางแผนการลงคอนเทนต์บนช่องทางโซเชียลมีเดีย สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดระเบียบงานด้านการตลาดโซเชียลมีเดีย และช่วยให้เราสามารถมองภาพกว้างได้ว่าเนื้อหาที่เราสร้างขึ้นมานั้นมีความเกี่ยวข้องและไปในทิศทางเดียวกันกับ Core Value ของแบรนด์ ที่สำคัญ Social Media Calendar ยังช่วยให้เราสามารถวางแผนล่วงหน้าในทุกแพลตฟอร์มและลดความเสี่ยงในการที่จะลืมเผยแพร่คอนเทนต์ได้อีกด้วย
ในบทความนี้เราจะพาคุณไปพบกับเครื่องมือที่ช่วยให้คุณวางแผนการทำงานกับโซเชียลมีเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นไปตามที่คุณวางไว้ตั้งแต่แรก
ยาวไปอยากเลือกอ่าน
- Social Media Calendar คืออะไร?
- องค์ประกอบของ Social Media Calendar ต้องมีอะไรบ้าง?
- ทำไมเราต้องทำ Social Media Calendar
- ปัจจัยที่ใช้พิจารณาประกอบการเลือกเครื่องมือในการทำ Social Media Calendar
- แนะนำเครื่องมือที่ใช้ในการสร้าง Social Media Calendar ที่ดีและฟรี
- เครื่องมือที่ไม่ฟรีแต่มีดีที่ฟีเจอร์พิเศษ
- สรุป
- ตาคุณแล้ว
Social Media Calendar คืออะไร?
Social Media Calendar คือ ปฏิทินที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกำหนดวันและช่วงเวลาที่นักการตลาดวางแผนไว้ว่าจะทำการโพสต์เนื้อหาไม่ว่าจะเป็น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ โดยเรียงลำดับตามวันที่และเวลาซึ่งโดยทั่วไปแล้วนักการตลาดสายโซเชียลมักจะสร้างหรือร่างปฏิทินคอนเทนต์ล่วงหน้าก่อนช่วงเวลาที่จะโพสต์คอนเทนต์จะมาถึง โดยรูปแบบของ Social Media Calendar สามารถอยู่ในรูปแบบของสเปรดชีต (Spreadsheet) หรือปฏิทินดิจิทัล หรือแม้กระทั่ง Interactive Dashboard ก็ได้เช่นกัน
องค์ประกอบของ Social Media Calendar ต้องมีอะไรบ้าง?
โดยทั่วไปแล้ว Social Media Calendar จะประกอบไปด้วย
- วันที่และเวลาที่จะทำการเผยแพร่เนื้อหา
- แพลตฟอร์มที่จะทำการเผยแพร่เนื้อหา เช่น Facebook, Instagram, TikTok หรือ Twitter
- Material ต่างๆ เช่น เนื้อหา (ข้อความ หรือ วิดีโอ), แคปชัน, แฮชแท็ก, ลิงก์ รวมถึงภาพกราฟิก ที่จะทำการอัปโหลดไปที่เครื่องมือของเรา
ทำไมเราต้องทำ Social Media Calendar
- ช่วยให้สามารถการวางแผนการลงคอนเทนต์ได้อย่างเป็นรูปธรรมและสม่ำเสมอ
- ช่วยให้เห็นภาพรวมของเนื้อหาคอนเทนต์ที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต
- ช่วยประหยัดเวลาในการลงคอนเทนต์(กรณีที่ใช้เครื่องมือที่มีระบบการตั้งเวลาในการโพสต์แบบอัตโนมัติ)
- ช่วยให้สามารถติดตามและวัดผลการทำการตลาดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย
- ช่วยให้สามารถวางแผนการใช้งบประมาณในการทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจัยที่ใช้พิจารณาประกอบการเลือกเครื่องมือในการทำ Social Media Calendar
ใช้งานง่าย
เครื่องมือในการทำงานที่ดีไม่จำเป็นต้องซับซ้อนหรือมีฟีเจอร์ที่ไม่ได้มีความจำเป็นมากจนเกินไปเพราะสุดท้ายแล้วเครื่องมือต่างๆ ที่เข้ามาช่วยเราในการแบ่งเบาภาระการจดจำว่าโพสต์นี้ต้องลงวันไหน ในแพลตฟอร์มอะไร ก็ล้วนแต่เป็นเครื่องมือที่เข้าใจง่ายและพร้อมใช้งานได้ไม่ยุ่งยากก็เท่านั้นเอง
มีฟีเจอร์ในการตั้งโพสต์แบบอัตโนมัติ
ปัจจุบันเครื่องมือที่ติดมากับแพลตฟอร์มอย่าง Facebook Business Suite นั้นมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราสามารถตั้งโพสต์ได้แบบอัตโนมัติ โดยเราสามารถเลือกวันและเวลาที่เราอยากจะให้แพลตฟอร์มทำการเผยแพร่เนื้อหาได้แบบไม่ต้องกังวลว่าจะลืมโพสต์ ที่สำคัญไม่ต้องกดเผยแพร่เองทีละโพสต์ให้เสียเวลาอีกด้วย เรียกได้ว่าสะดวกสุดๆ
มีฟีเจอร์ในการวิเคราะห์และวัดผล
ทำอะไรไปแล้วถ้าไม่วัดผลก็คงจะเป็นการสูญเสียทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทำไปนั้นได้ผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่ ดังนั้น เครื่องมือในการทำ Social Media Content Calendar ที่ดีควรที่จะมี Dashboard หลังบ้านเพื่อให้นักการตลาดสามารถดูสถิติต่างๆ เพื่อวัดผลการทำงานให้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ตั้งแต่ตอนแรกได้
มีฟังก์ชันการใช้งานที่ช่วยให้การทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เครื่องมือในการทำ Social Media Calendar ที่ดีควรมีฟังก์ชันที่ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วม (Engagement) ตัวอย่างนี้คือคุณสมบัติการนำเข้าและส่งออก ซึ่งช่วยให้คุณอยู่เหนือแผนงานของคุณในการอ้างอิงข้อมูลหรือวางแผนการเผยแพร่เนื้อหา
แนะนำเครื่องมือที่ใช้ในการสร้าง Social Media Calendar ที่ดีและฟรี
Google Calendar และ Google Sheets
Google Drive เป็นเครื่องมือที่รวบรวม Tools ต่างๆ ในตระกูล Google Workspace ไม่ว่าจะเป็น Google Docs, Sheets หรือ Slides เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือสามัญประจำตัวนักการตลาดสายดิจิทัลเลยก็ว่าได้ โดยในส่วนของเครื่องฟรีตัวนี้ที่เราอยากจะแนะนำให้ลองนำไปใช้กับการทำ Social Media Calendar มีอยู่ด้วยกัน 2 เครื่องมือด้วยกัน ก็คือ
Google Calendar ที่มีหน้าตารียบง่าย การใช้งานไม่ยากซับซ้อนคล้ายกับปฏิทินทั่วไปทั้ง ที่สามารถใส่หัวข้อเรื่อง เลือกวันและเวลา ใส่รายละเอียด ใส่อีเมลผู้เกี่ยวข้องได้ และอีกเครื่องมือก็คือ Google Sheets ที่เราสามารถกดเลือก Template แบบปฏิทินได้ ทำให้เราวางแผนการลงคอนเทนต์ครอบคลุมทั้งเดือน อีกทั้งยังเปิดแชร์ให้ทีมงานสามารถเข้ามาดูหรือแก้ไขได้อีกด้วย
จุดเด่น
Interface ของทั้ง Google Calendar และ Google Sheets คือ ใช้งานง่าย สามารถเพิ่มหรือแก้ไขเนื้อหาได้ แท็กทีมงานได้ สามารถเปิดสิทธิ์ให้ทีมงานเข้ามามีส่วนร่วมกับงานได้ และที่สำคัญเครื่องมือนี้ก็ฟรีขอแค่เรามี Gmail เท่านั้น
จุดด้อย
เครื่องมือในตระกูล Google ไม่ได้จัดเป็น Automate Social Media Management Tool ดังนั้นฟีเจอร์ประเภทการตั้งโพสต์ให้เผยแพร่แบบอัตโนมัติจะไม่มีในจุดนี้ เพราะจริงๆ แล้วเครื่องมืออย่าง Google Calendar นั้นมีไว้เพื่อโน้ตเตือนความจำไม่ให้เราลืมลงคอนเทนต์เสียมากกว่า
Trello
เป็นเครื่องมือที่ใช้บริหารจัดการโครงการและเป็นเครื่องที่สนับสนุนการทำงานร่วมกันในแบบทีมเป็นหลัก หรือ Project management and Team Collaboration Tool หน้าตาของแพลตฟอร์มคล้ายกระดานที่มีโพสต์อิทแปะอยู่ โดยในแต่ละงานหรือโปรเจคสามารถที่ลากและวางตามการไหลของกระบวนทำงาน รวมถึงสามารถระบุชื่อเจ้าของงาน ที่สำคัญสามารถระบุสถานะความคืบหน้าของงานได้ นอกจากนี้ Trello ยังสนับสนุนการทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่่น Google Drive , OneDrive , Slack เป็นต้น
จุดเด่น
- Trello สามารถทำเครื่องหมายเมื่อครบกำหนดส่งงาน แสดงความคิดเห็น
- สามารถใช้งานและปรับแต่งป้ายกำกับ(Tag) เพื่อแสดงสถานะความคืบหน้าของงาน
- สามารถกำหนดช่วงเวลาที่จะทำการโพสต์ได้และยังสามารถติดแท็กเพื่อระบุแพลทฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เราจะทำการโพสต์ได้อีกด้วย
จุดด้อย
ฟีเจอร์ฟรีส่วนใหญ่จะสามารถใช้งานในโหมดส่วนตัวได้เท่านั้น โดยถ้าเราต้องการที่จะใช้งานร่วมกันกับทีมงานก็อาจจะต้องจ่ายเพิ่มอีกเดือนละ 5 ดอลลาร์สหรัฐ
Asana
เครื่องมือที่ช่วยในการบริหารจัดการงานอีกเครื่องมือหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากผู้ใช้งาน โดย Asana นั้นมีเทมเพลต Social Media Calendar แบบสำเร็จรูปให้ใช้งานกันได้แบบฟรีๆ เพียงแค่สมัครใช้งานและกด Use Template ผ่าน Asana Social Media Calendar ิ
จุดเด่น
- กำหนดเวลา ติดตาม และจัดการ Workflow ของงานโซเชียลมีเดียของคุณทั้งหมดในที่เดียว
- รวบรวมแนวคิดใหม่ ติดตามโพสต์ที่กำลังจะมาถึง และทบทวนโพสต์ก่อนหน้า
- สามารถมอบหมาย ตรวจสอบ และอนุมัติงานได้ในที่เดียว
- สามารถใส่องค์ประกอบทั้งหมดของโพสต์ ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ, การ mention และแฮชแท็ก ไว้ในที่เดียว
- ตั้งเวลาหรือกำหนดเวลาโพสต์ใหม่อย่างรวดเร็วด้วยการลากและวางในมุมมองแบบปฏิทิน
- สามารถเปิดสิทธิ์แชร์ปฏิทินกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดสิทธิ์ในการมองเห็นและกำหนดความรับผิดชอบในทีมได้
จุดด้อย
- Asana ออกจะเป็น Project Management Tools มากกว่าจะเป็น Social Media Scheduling Tools ดังนั้นการทำ Social Media Calendar บน Asana จะเป็นการทำแบบ Manual มากกว่า Automation
- ค่อนข้างใช้งานยากสำหรับมือใหม่
เครื่องมือที่ไม่ฟรีแต่มีดีที่ฟีเจอร์พิเศษ
Publer
Publer เป็น Social Media Management Tool ที่มีฟีเจอร์หลักที่จำเป็นครบถ้วนตามที่ต้องมีไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์สร้างโพสต์, ฟีเจอร์ตั้งเวลาโพสต์ และเครื่องมือในการวิเคราะห์และติดตามผลลัพธ์ของโพสต์บนโซเชียลมีเดีย
ความพิเศษ
- มีฟีเจอร์ Recycle ทำให้เราสามารถนำคอนเทนต์เก่ามาโพสต์ซ้ำในทุกๆ สัปดาห์และทุกๆ เดือนหรือทุกๆ ช่วงเวลาเดียวกันของแต่ละปี ซึ่งฟีเจอร์นี้มีประโยชน์มากเมื่อคุณต้องโพสต์คอนเทนต์บางอย่างในช่วงเวลาเดิมแต่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดมากนัก
- ฟีเจอร์ Recurring ที่ทำให้เราสามารถตั้งวันและเวลาในการโพสต์คอนเทนต์เดิมจนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาที่กำหนด
- สามารถพรีวิวคอนเทนต์ก่อนทำการโพสต์จริงเพื่อป้องกันความผิดพลาด
- ฟีเจอร์แนะนำ Hastag
- สามารถสร้างลายน้ำหรือลายเซ็นในโพสต์ของคุณได้
Hootsuite
มีจุดเด่นอยู่ที่ปฏิทินเนื้อหาที่สามารถติดตามแคมเปญบนโซเชียลมีเดียได้ทั้งแบบ Organic Campaign และแบบจ่ายเงิน หรือ Paid-Campaign ได้
Hootsuite นั้นเป็นเครื่องมือที่มีฟีเจอร์ในการเป็น Social Media Management Tool ที่พึงมีอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโพสต์ใหม่อีกทางหนึ่ง ทั้งยังสามารถแก้ไข กำหนดเวลาใหม่ หรือลบโพสต์ที่ตั้งเวลาไว้แล้วก็ได้เช่นกัน
ด้วยการใช้ไอคอนและรหัสสี คุณจะสามารถแยกความแตกต่างระหว่างฉบับร่าง เนื้อหาตามกำหนดการ และโพสต์ที่เผยแพร่แล้วได้ นอกจากนี้ Hootsuite ยังแจ้งเตือนให้คุณทราบด้วยถ้าหากโพสต์นั้นไม่สามารถเผยแพร่ได้
ความพิเศษ
- สามารถปรับแต่งหน้าฟีดที่แสดงโพสต์โซเชียลทั้งหมดที่เราต้องการดูได้
- เครื่องมือในการสร้างโพสต์และตัวจัดการตารางเวลามีความยืดหยุ่นสูง
- สามารถจัดการบัญชีโซเชียลมีเดียได้หลายบัญชีเหมาะกับนักการตลาดมืออาชีพและเอเจนซี
- มีฟีเจอร์ที่สามารถดูข้อความจาก Inbox คอมเมนต์ หรือดูว่าใครกำลังกล่าวถึงคุณอยู่ ดังนั้น คุณจึงรู้ได้เลยว่าใครกำลังพูดถึงคุณบนโซเชียลมีเดียอยู่
Buffer
เป็น Social Media Management Tool เจ้าแรกๆ ที่บุกเบิกตลาดเครื่องมือการจัดการโซเชียลมีเดีย โดย Buffer มาพร้อมกับคุณสมบัติการวางแผนการลงโพสต์บน Social Media โดยเฉพาะการตั้งเวลาโพสต์ รวมถึงการจัดการบัญชีโซเชียลมีเดียได้หลายบัญชี ซึ่งเหมาะกับนักการตลาดที่ต้องดูแลบัญชีโซเชียลมีเดียจำนวนมาก
ความพิเศษ
- มุมมองปฏิทินแบบรายเดือน รายสัปดาห์ และรายวัน
- เชื่อมต่อไปยังเครือข่ายโซเชียลมีเดียได้หลากหลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter, Linkedin, TikTok, Facebook Group, Shopify, Google My Business และ Pinterest
- สามารถตั้งเวลาในการโพสต์ได้
- รองรับรูปแบบของโพสต์แบบรูปภาพ, ภาพหมุน (Carousel) รวมถึง Reel
สรุป
ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารหลั่งไหลผ่านสายตาเรานับไม่ถ้วนในแต่ละวัน ในฐานะนักการตลาดโซเชียลมีเดียแล้ว การลงทุนในเครื่องมือดีๆ ที่ช่วยให้เราสามารถติดตามสถานะและผลลัพธ์ของโพสต์ทุกโพสต์บนโซเชียลมีเดียได้อาจเป็นการตัดสินใจที่ดีต่อธุรกิจของคุณเอง และการใช้ Social Media Calendar จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของในแง่ของเนื้อหาที่ถูกจริตผู้ใช้งาน และอยู่ในช่วงเวลาที่ผู้ใช้งานจะมีโอกาสเห็นคอนเทนต์ของเรามากที่สุด ผ่านการวัดผลหลังบ้าน
การจัดการและการวางแผนการลงเนื้อหาบนโซเชียลมีเดียล่วงหน้า โดยการใช้ Social Media Calendar สามารถช่วยลดความกดดันจากการมองไม่เห็นว่าทีมได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง และผลลัพธ์เป็นอย่างไร หรือกำลังทำอะไร และกำลังจะทำอะไรในอนาคต ในขณะเดียวกันยังเป็นการทำให้ช่องทางการสื่อสารที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบันอย่างช่องทาง Social Media ได้รับการอัปเดตให้สดใหม่อยู่เสมอ และถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้จ่ายเงินให้กับเครื่องมือใดเลย คุณก็ยังสามารถใช้งานเครื่องมือบางชนิดได้ฟรี ซึ่งเราก็แนะนำให้คุณวางแผนการทำคอนเทนต์รวมไปถึงการเผยแพร่เนื้อหาต่างๆ อยู่เป็นประจำ
ตาคุณแล้ว
เราเชื่อว่าหลายท่านที่เป็นนักการตลาดคงเคยมีโอกาสได้วางแผนการทำคอนเทนต์ของตัวเองผ่านการใช้งานเครื่องมือที่เราแนะนำกันไปอยู่บ้าง อยากให้ลองแชร์ฟีดแบคกันครับว่า ปกติแล้วนักการตลาดโซเชียลมีเดียใช้เครื่องมืออะไรในการทำ Social Media Calendar และเครื่องมือนั้นมีจุดเด่นที่น่าใช้จนอยากบอกต่อนักการตลาดท่านอื่นอย่างไรบ้าง โดยสามารถคอมเมนต์ที่ใต้บทความนี้ได้เลยนะครับ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะมีส่วนช่วยให้งานของนักการตลาดสายโซเชียลนั้นง่ายขึ้นนะครับ