ปัจจุบันลูกค้ายุคใหม่ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย การช็อปปิ้งออนไลน์จึงกลายมาเป็นกิจกรรมยามว่างของนักช็อปหลายๆ คน แต่สำหรับธุรกิจและแบรนด์แล้ว แม้ว่าจะมีหน้าร้านออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มยอดฮิตทั้งใน TikTok, Shopee หรือ Lazada แต่ยอดขายก็ยังไม่ปังสักที ทั้งโปรโมทผ่านโฆษณาก็แล้ว จ้างอินฟลูเอ็นเซอร์ก็แล้ว แต่ยังมัดใจลูกค้าไม่อยู่หมัด ใครเคยเจอปัญหาเหล่านี้อยู่ล่ะก็ เตรียมสมุด ปากกาให้พร้อม! 

เราขอชวนคุณมาเปิด “9 เทคนิค” สำคัญที่ช่วยให้ร้านของคุณก้าวเป็นผู้นำในแพลตฟอร์มออนไลน์ ฉบับ 2023 

เจาะลึกความต้องการของลูกค้า

สิ่งแรกที่แบรนด์ต้องทำคือ การมีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน และที่สำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า แบรนด์ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์และความต้องการและปัญหาของลูกค้า รวมถึงแนวโน้มของตลาด เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า เช่น แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นควรทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าที่ชอบตามเทรนด์แฟชั่นใหม่ๆ เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ 

อย่างยุคนี้แนวเสื้อผ้าที่มาแรงเป็นแนว Y2K, สไตล์สาวเวียดนาม และสไตล์โบฮีเมียนตามรอยละครเรื่องมาตาลดา แบรนด์อาจทำคอนเทนต์นำเสนอวิธีการแต่งตัวจับคู่เสื้อและกระโปรงให้ตอบโจทย์เทรนด์ดังกล่าว เพื่อกระตุ้นยอดขาย เป็นต้น

Cr. Mama Virus

สร้างจุดขายให้แบรนด์เป็นที่น่าจดจำ

จุดขายของแบรนด์คือ สิ่งที่ทำให้แบรนด์โดดเด่นและแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ จุดขายที่ดีควรเป็นสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าและทำให้จดจำแบรนด์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเน้นคุณภาพของสินค้า เน้นความคุ้มค่าของราคา หรือเน้นความเป็นเอกลักษณ์ของสินค้า เช่น แบรนด์ Uniqlo ที่สามารถสร้างจุดขายให้กับตัวเองได้ด้วยการเน้นความหลากหลายของสินค้าที่ตอบโจทย์กับลูกค้าทุกเพศ ทุกวัยไม่ว่าจะเป็นเด็กแรกเกิด เด็กโต วัยรุ่น วัยทำงาน วัยผู้ใหญ่ และสไตล์ที่เรียบง่ายใส่ได้บ่อยในชีวิตประจำวัน 

Cr. Uniqlo 

รู้จักตั้งราคา

ราคาเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและบริการ เพราะฉะนั้นการตั้งราคาที่สูงไปอาจทำให้ลูกค้าตัดสินใจไปซื้อสินค้าที่คล้ายกันจากแบรนด์อื่นแทน แต่การขายสินค้าในราคาที่ถูกเกินไปก็อาจทำให้แบรนด์ขาดทุน ดังนั้นการตั้งราคาที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่แพ้ 2 ข้อที่ผ่านมา โดยต้องทำความเข้าใจแบรนด์ เข้าใจลูกค้า และเข้าใจคู่แข่ง ถ้าคุณขายของที่เป็นของทั่วๆ ไป (Commodity) ให้คนจำนวนมาก วิธีการตั้งราคาตามราคาค่าใช้จ่าย (Cost-based pricing), ตั้งราคาขายโดยอิงจากคู่แข่ง (Competitive pricing) หรือตั้งราคาให้ต่ำในตอนแรกเพื่อดึงลูกค้า แล้วค่อยขึ้นราคา (Penetration Pricing) เป็นวิธีที่ดี ในทางกลับกันหากคุณขายของพรีเมียมหรือขายของที่แก้ไขปัญหาให้กับผู้คน วิธีการตั้งราคาแบบตามคุณค่าที่ลูกค้ารู้สึกหรือตามขนาดของปัญหาที่คุณแก้ให้กับลูกค้าได้ (Value-based pricing) ก็เป็นอีกวิธีที่น่าสนใจ 

Cr. BossSupply

เช่น การตั้งราคาหวีทั่วไปตามตลาดควรอยู่ที่ไม่เกิน 50 บาทต่อชิ้น ในขณะที่แปรงหวีผม Wet Brush มีราคาแพงกว่าหวีทั่วไปเนื่องจากขนแปรง Intelliflex ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง มีความนุ่มและยืดหยุ่น ไม่เป็นอันตรายต่อเส้นผมและหนังศีรษะ ด้ามจับที่โค้งมนช่วยให้จับถนัดมือ ปุ่มปลายขนแปรงช่วยนวดหนังศีรษะ จึงมีราคาที่สูงกว่าหวีปกติ

keyword ยอดนิยม

Keyword ยอดนิยมมีความสำคัญกับการขายของออนไลน์มาก เนื่องจากเป็นคำหรือวลีที่ผู้คนใช้ในการค้นหาสินค้าหรือบริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นการเลือกใช้ keyword ยอดนิยมจะช่วยให้ร้านค้าออนไลน์มีโอกาสปรากฏอยู่ในผลการค้นหาที่สูง และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น 

นอกจากนี้ Keyword ยอดนิยมยังช่วยให้ร้านค้าออนไลน์สามารถวัดผลความสำเร็จของการทำการตลาดได้อีกด้วย โดยร้านค้าสามารถติดตามจำนวนการค้นหา Keyword ยอดนิยม และจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์จาก Keyword ยอดนิยม เพื่อประเมินว่ากลยุทธ์การตลาดที่ใช้ได้ผลหรือไม่ และสามารถปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร

เลือกใช้ Social Media และ E-commerce ให้เหมาะสม

แน่นอนว่าการขายของออนไลน์ต้องใช้ Social Media ช่วยให้ลูกค้าหาร้านค้าได้ง่าย แต่ Social Media แต่ละตัวก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นการเลือกใช้ Social Media และ E-commerce ให้เหมาะสมเป็นอีกหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถทำยอดขายได้ทะลุเป้า

เช่น ถ้าต้องการลงคอนเทนต์ขายของในรูปแบบคลิปวิดิโอสั้นให้ลงใน Instagram Reel และ TikTok ส่วนวิดิโอรีวิวสินค้าแบบเรียลๆ จากอินฟลูเอ็นเซอร์ที่ค่อนข้างยาว อาจลงใน YouTube หรือ Facebook ส่วนการลงรูปภาพควรลงใน Instagram, Shopee และ Lazada นอกจากนี้ยังมีการไลฟ์ขายของที่สามารถทำได้ทั้งใน Facebook, TikTok, Shopee และ Lazada โดยการเลือกแพลตฟอร์มขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าของคุณอยู่ในช่องทางไหน ถ้าต้องการขายอาหาร การใช้ LinkedIn อาจไม่ใช่ช่องทางที่เหมาะสมเท่าไหร่ เป็นต้น

ร่วมแคมเปญใน Market Place 

แคมเปญใน Market Place มักจัดขึ้นในช่วงเวลาพิเศษ เช่น เทศกาลวันหยุด เทศกาลช้อปปิ้งประจำปี หรือวันสำคัญต่างๆ ในช่วงเวลาเหล่านี้ มีผู้ใช้งานเข้ามาซื้อสินค้าบน Market Place เป็นจำนวนมาก จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับร้านค้าออนไลน์ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มยอดขาย ร้านค้าออนไลน์จึงควรให้ความสำคัญกับการเข้าร่วมแคมเปญใน Market Place เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายของออนไลน์และประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ

เช่น การเข้าร่วมแคมเปญ 11.11 ของ Shopee และ Lazada ที่มีผู้ใช้งานเข้ามาซื้อสินค้าเป็นจำนวนมากเนื่องจากมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาแบรนด์สินค้าที่หลากหลายในราคาพิเศษ นอกจากนี้ แคมเปญ 11.11 ยังมีการโปรโมตสินค้าจากร้านค้าออนไลน์ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น Social Media และ Website ต่างๆ ร้านค้าออนไลน์จึงมีโอกาสเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น

Cr. Shopee

จัดการระบบหลังร้านให้เหมาะสม

ระบบจัดการหลังบ้านเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่จะช่วยให้ร้านค้าออนไลน์ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะร้านค้าที่ขายสินค้าหลากหลายแพลตฟอร์ม การมีใช้โปรแกรมช่วยจัดการออเดอร์ช่วยจัดการสต๊อกสินค้า การจัดการออร์เดอร์ การสรุปยอดสั่งซื้อ และสถานะการโอนจ่าย ติดตามระบบขนส่ง และการมีแอดมินที่เพียงพอกับการตอบคำถามและช่วยลูกค้าในการแก้ปัญหาต่างๆ เป็นสิ่งที่ร้านค้าออนไลน์ทุกร้านควรให้ความสำคัญ เนื่องจากบริการที่ดีทำให้ยิ่งมีโอกาสในการขายของได้มาก หากตอบช้าอาจทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจ และเลือกที่จะไปซื้อของร้านอื่นแทน จนทำให้เสียโอกาสขายของได้

แตกไลน์สินค้าหรือบริการ

สำหรับการขายของออนไลน์แล้ว มีข้อดีตรงที่เจ้าของแบรนด์ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับสินค้าหรือบริการเพียงแค่ไม่กี่อย่าง เพราะการขายของออนไลน์มีความยืดหยุ่นมากกว่าทั้งในเรื่องสถานที่ การตั้งร้านขึ้นมาใหม่โดยการสร้าง Website หรือ Social Page ก็ใช้งบประมาณและเวลาไม่สูง เพราะฉะนั้นการแตกไลน์สินค้าและบริการเพิ่มขึ้นมาจะช่วยให้สามารถขยายกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น อีกทั้งเป็นโอกาสในการสร้างรายได้มหาศาลอีกด้วย

เช่น Laglace ที่โด่งดังจาก บลัชบาร์บี้ (Barbie Blush) บลัชออนแบบเนื้อครีมที่เกลี่ยง่าย ไม่ตกร่อง ที่ได้แตกไลน์สินค้ามาทั้งลิปสติก คอนซีลเลอร์ และอายแชโดว์โดยล้วนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า 

Cr. Laglace

ทดสอบวนไป

การวัดผลและทดสอบอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่จะช่วยให้แบรนด์ได้เรียนรู้ว่าการทำการตลาดของแบรนด์มีสิ่งไหนที่ควรพัฒนาเพิ่มอีกไหม โดยอาจเริ่มจากผูกติดกับช่องทางออนไลน์ เช่น Google Analytics สำหรับเว็บไซต์ หรือเครื่องมือ Analytics ของ Social Media ต่างๆ เพื่อวัดผลว่ากิจกรรมที่ได้ดำเนินไปทางช่องทางต่างๆ ได้ผลจริงหรือไม่ นอกเหนือจากนั้นการถามลูกค้าไปตรงๆ ก็เป็นสิ่งที่ทำได้และจะทำให้คุณได้ข้อมูลเชิงลึกจากลูกค้ามากขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งคุณสามารถขออนุญาตลูกค้าเพื่อโทรไปพูดคุยเพิ่มเติม หรือใช้ Google Form หรือ Typeforms ในการถามคำถามที่คุณอยากรู้ได้เช่นเดียวกัน

สรุป

ในการขายของออนไลน์ยุคนี้ แค่มีสินค้าคุณภาพดี ราคาเหมาะสมอาจไม่เพียงพอกับลูกค้าอีกต่อไป เนื่องจากลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้หลากหลายช่องทาง มีตัวเลือกเยอะมากขึ้น เพราะฉะนั้นการพิจารณาใช้เทคนิคทั้ง 9 อย่างนับเป็นเทคนิคที่อาจนำพาแบรนด์ของคุณไปสู่ตัวท็อปในวงการ TikTok, Shopee หรือ Lazada 

ตาคุณแล้ว

อ่านบทความจบแล้วคิดว่าแบรนด์ออนไลน์แบรนด์ไหนทำการตลาดออนไลน์ได้โดดเด่น โดนใจบ้างมาแชร์กันเลย สำหรับผู้อ่านที่ต้องการหาเทคนิคเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้สามารถทำยอดขายได้ปังๆ สามารถอ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ 20 แนวคิด เทคนิค และวิธีการขายของออนไลน์ให้ขายดี