อยากให้คนเข้าเว็บไซต์เยอะๆ ต้องทำยังไง? ก็ทำ SEO สิ!
อยากให้คนติดต่อเข้ามาหาเยอะๆ ต้องทำยังไง? ก็ทำ SEO สิ!
อยากให้ของขายดีๆ บนโลกออนไลน์ต้องทำยังไง? ก็ทำ SEO สิ!
ถ้าคุณทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ ผมเชื่อว่าคุณคงเคยได้ยินชุดคำถาม คำตอบ แบบนี้มาบ้างแน่ๆ
ลองดูคลิปวิดีโออธิบายการทำ SEO ง่ายๆ ข้างล่างนี้ดูก่อนครับ
การทำ SEO นั้นอาจจะดูไม่หวือหวา เปรี้ยงปร้างเท่ากับการทำ Social Media แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ผลลัพธ์จากการทำ SEO นั้นผลิดอกออกผลแล้ว มันจะส่ง Traffic มาให้คุณเรื่อยๆ อย่างไม่มีวันหยุด โดยที่คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องลงทุน ลงแรง เพิ่มเติมมากนัก
ตัวอย่างเช่นของ Content Shifu เอง ต่อให้วันนี้พวกเราปล่อยเว็บไซต์ทิ้งไว้เฉยๆ โดยที่ไม่เขียนบทความเพิ่ม หรือทำอะไรใหม่ๆ เลย Traffic ที่เข้ามาเว็บไซต์ของเรานั้นก็ยังคงจะเข้ามาประมาณเดิมอยู่ อาจจะบวกลบไม่เกิน 10%
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่เห็นพลังของการทำ SEO แต่อาจจะยังงงๆ สงสัย หรือยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงดี ลองดูวิดีโออธิบายการทำ SEO แบบง่ายๆ ข้างล่างนี้ และทำความรู้จักศัพท์ในการทำ SEO ที่ไม่รู้ไม่ได้! กันในบทความนี้เลยครับ
ดูคลิปกันจบแล้ว ไปต่อกันที่คำศัพท์ SEO 10 ข้อที่มือใหม่ทุกคนควรรู้จักกันเลยครับ!
มือใหม่อยากเริ่มทำ SEO? มารู้จักคำศัพท์ 10 ตัวนี้ก่อน
SEO
แน่นอนว่าคำนี้จะต้องเป็นคำแรกที่ผมจะต้องพูดถึง เพราะถ้าคุณยังไม่รู้เลยว่า SEO คืออะไร การอ่านข้ออื่นๆ อีก 9 ข้อนั้นมันก็คงจะไม่ช่วยอะไร 🙂
SEO เป็นคำย่อของคำว่า Search Engine Optimization
Search Engine คือระบบการค้นหาข้อมูล ส่วน Optimization คือการทำในสิ่งที่เหมาะสมที่สุด เมื่อเอามารวมๆ กันแล้วมันก็เลยกลายเป็นการทำให้ผลลัพธ์ที่มาจากระบบการค้นหาข้อมูลนั้นออกมาเหมาะสมที่สุด ซึ่งถ้าจะให้อธิบายเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายๆ การทำ SEO นั้นก็คือการที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณนั้นขึ้นไปติดในตำแหน่งแรกๆ บน Search Engine เพื่อให้คนคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ของคุณ (คุณสามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความหมายของ SEO ได้ที่นี่)
“The Purpose of doing SEO is to get found on Search Engine and get clicked by Human” – Content Shifu
Keyword
Keywords คือคำค้นหาที่ใช้ใน Search Engine เช่นถ้าผมเปิด Google แล้วพิมพ์คำว่า “Inbound Marketing” ลงไปในช่อง Search คำว่า “Inbound Marketing” ก็คือ Keyword นั่นเองครับ
Keyword มีความสำคัญยังไง?
การทำคอนเทนต์บนโลกออนไลน์นั้นคุณทำคอนเทนต์เพื่อให้ทั้งคน และอัลกอริทึ่มของ Search Engine อ่าน ต่อให้คุณเขียน หรือทำคอนเทนต์ (ที่คุณคิดว่า) ดีแทบตายยังไง แต่ถ้าหัวข้อเกี่ยวกับคอนเทนต์ที่คุณทำนั้นไม่มีคนสนใจค้นหา คนก็จะไม่เจอคุณผ่าน Search Engine อยู่ดี
ในความเห็นของผม ขั้นตอนการเลือก Keyword นั้นเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก และควรทำก่อนจะผลิตคอนเทนต์ขึ้นมาครับ
ถ้าคุณสนใจเกี่ยวกับการเลือก Keyword ทาง Content Shifu เคยเขียนบทความ “keyword คืออะไร และ หา keyword ของเว็บไซต์อย่างไรให้รายได้ของคุณพุ่ง”, Ubersuggest | Keyword Tool ไทย ที่ถูกและดี [รีวิวพร้อมสอนใช้งาน] และ “แนะนำวิธีใช้ Keywords Everywhere ปลั๊กอินบน Chrome และ Firefox ศึกษาคีย์เวิร์ดเพื่อทำงานเขียน Content Marketing อย่างมืออาชีพ“ อยู่ครับ ลองเข้าไปอ่านกันดูได้
SERPs
SERPs ย่อมาจาก Search Engine Result Pages หรือหน้าที่แสดงผลใน Search Engine เวลาคนใส่ Keyword เพื่อทำการค้นหานั่นเองครับ
ซึ่ง SERPs ที่แสดงผลให้แต่ละคนเห็นนั้นจะต่างกันไปตาม Keyword ที่ใช้ค้นหา, Browsing History และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย (ซึ่ง Search Engine ไม่เปิดเผยเรื่องพวกนี้)
หน้าที่ของ SERPs นั้นมีอยู่แค่อย่างเดียวก็คือการพยายามที่จะแสดงผลลัพธ์ในการค้นหาให้ตรงกับใจของคนที่ค้นหาได้มากที่สุด เพราะฉะนั้นลองเอา Keyword ที่อยู่ในเว็บไซต์ของคุณเข้าไปในใส่ Search Engine ดูครับ
ถ้าเว็บไซต์ของคุณไม่อยู่ใน SERPs หน้าแรกๆ แสดงว่าคอนเทนต์ของคุณยังไม่น่าถูกเสิร์ฟให้กับคน หรือ Search Engine สักเท่าไหร่ครับ
URL
URL ย่อมาจาก Uniform Resource Locator หรือถ้าอธิบายภาษาง่ายๆ ก็คือเป็นเหมือนรหัสบ้านเลขที่ของเว็บไซต์นั่นเองครับ
ในความเห็นของผม ถ้าใน URL นั้นมี Keyword อยู่ด้วยจะส่งผลดีกับ SEO แล้วก็เวลาตั้งชื่อของหน้า (หรือแม้แต่ชื่อของโดเมน) ผมแนะนำว่าให้ใช้ภาษาอังกฤษดีกว่าภาษาไทยครับ เพราะภาษาไทยจะมีปัญหาเวลาเอาไปแชร์ นอกจากนั้นแล้วถ้า URL ของคุณที่เป็นภาษาไทยยาวมากๆ มันอาจจะโดนตัดทิ้งด้วยครับ
No Follow Link / Do Follow Link
โดยปกติแล้วลิงก์ที่คุณส่งไปหาคนอื่น หรือลิงก์ที่คนอื่นส่งมาหาคุณนั้นสามารถแบ่งได้ง่ายๆ ออกเป็น 2 แบบคือ No Follow Link กับ Do Follow Link ครับ
No Follow Link คือการที่ลิงก์นั้นๆ จะไม่ส่งผลประโยชน์ทางด้าน SEO ไปให้กับ URL นั้นๆ ส่วน Do Follow Link ก็กลับกัน คือมันจะส่งผลประโยชน์ทางด้าน SEO ไปให้กับ URL นั้นๆ นั่นเองครับ
อ่านวิธีการเช็ค No Follow / Do Follow ได้ในโพสต์นี้ นะครับ เรามีเขียนไว้แล้ว
XML Sitemap
XML Sitemap เป็นข้อมูลโครงการของเว็บไซต์ของคุณว่ามีหน้าไหนบ้าง และแต่ละหน้าเกี่ยวข้องกันยังไง
Search Engine ใช้ XML Sitemap ในการทำความเข้าใจเว็บไซต์ของคุณ และมันจะทำให้เว็บไซต์ของคุณนั้นมีโอกาสติด Search Engine มากขึ้นด้วย (ไม่ใช่เพราะว่า Search Engine ให้ Ranking คุณสูงขึ้น แต่มันทำให้ Search Engine หาข้อมูลบนเว็บคุณได้ง่ายขึ้น)
ถ้าคุณใช้ WordPress ปลั๊กอินที่ชื่อว่า Yoast หรือ Rankmath สามารถช่วยจัดการให้คุณได้จนจบ แต่ถ้าคุณไม่ได้ใช้ WordPress ลองเข้าไปดูวิธีการสร้าง XML Sitemap ได้ที่นี่ครับ
On-page SEO / Off-page SEO
On-page SEO คือการทำ SEO บนเว็บไซต์ของคุณ ส่วน Off-page SEO คือการทำ SEO นอกเว็บไซต์ของคุณ
ผมคิดว่าการทำ On-page SEO นั้นสามารถทำได้ง่ายกว่าเพราะมันเป็นปัจจัยภายใน ถ้าคุณสามารถ Optimize เว็บไซต์ของคุณได้ดีเช่นทำโครงสร้างเว็บไซต์ให้เหมาะกับการทำ SEO, ผลิตคอนเทนต์ดีๆ ออกมา หรือทำเว็บไซต์ของคุณให้โหลดเร็ว On-page SEO ของคุณนั้นก็จะดีตามไปด้วย (คุณสามารถเข้าไปอ่านบทความเกี่ยวกับการทำ On-page SEO และเทคนิคการเขียนบทความ SEO เพิ่มเติมได้นะครับ)
สำหรับการทำ Off-page SEO ถ้าจะทำให้ดี อาจจะยากกว่าการทำ On-page SEO เนื่องจากว่าคุณต้องพึ่งปัจจัยภายนอกหลายอย่างที่ควบคุมไม่ได้เช่นการทำ Guest Posting หรือการส่งข้อความไปพูดคุยกับเว็บไซต์อื่นๆ เพื่อหา Backlink กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Off-page SEO ได้ที่หัวข้อ “Backlink” ด้านล่างนะครับ
Title Tag
Title Tag คือชื่อของเว็บไซต์ในแต่ละหน้าของคุณ ซึ่งชื่อของเว็บไซต์นี้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ อย่างนึงในการทำให้คนเจอคุณบน SERPs นอกจากนั้นแล้วมันยังส่งผลต่อการที่คนจะคลิก หรือไม่คลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ของคุณอีกด้วย
เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับการตั้ง Title Tag ให้เหมาะสมก็คือคุณไม่ควรที่จะตั้งยาวเกินไป เพราะหน้าจอแสดงผลบน SERPs นั้นมีจำกัด ถ้าคุณตั้งยาวเกินไป คนก็จะเห็น Title ของคุณไม่ครบถ้วน (ถ้าคุณใช้ WordPress ปลั๊กอินที่ชื่อว่า Yoast สามารถช่วยคุณเช็คได้ว่า Title ที่คุณตั้งนั้นยาวเกินไปรึเปล่า
ถ้าคุณอยากอ่านเกี่ยวกับการตั้งชื่อเว็บไซต์เพิ่มเติม ผมแนะนำให้คุณไปอ่านบทความนี้ครับ วิธีตั้งชื่อบทความให้น่าสนใจจนคนต้องกดอ่าน
Meta Description
Meta Description นั้นคือคำอธิบายที่แสดงผลอยู่ใน Title Tag และ URL นั่นเองครับ
ถึงแม้ว่า Meta Description นั้นจะมีความสำคัญต่อ SEO และการแสดงผลในหน้า SERPs ไม่เท่ากับ Title Tag แต่ผมคิดว่า Meta Description นั้นเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้คนคลิก หรือไม่คลิกไปยังเว็บไซต์ของคุณเลย
ถ้า Meta Description ของคุณน่าสนใจ ผมรับรองว่าคนจะคลิกเข้าไปหาเว็บไซต์ของคุณมากขึ้นแน่นอนครับ
เช่นเดียวกับ Title Tag ถ้าคุณใช้ WordPress คุณสามารถใช้ Yoast ปรับแต่ง Meta Description ได้ครับ
Backlink
Backlink คือลิงก์ที่เว็บไซต์อื่นๆ ส่งมาหาคุณ ซึ่ง Backlink นั้นถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการทำ Off-page SEO สาเหตุนั้นเป็นเพราะว่าการที่คุณได้ Backlink จากเว็บไซต์อื่นๆ (ที่มีคุณภาพ) มาเยอะ Search Engine ก็จะคิดว่าเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพด้วยเช่นกัน
ป.ล. ถ้าคุณมีเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ และคิดว่า Content Shifu เป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพเหมือนกัน เราจะดีใจมากถ้าคุณส่ง Backlink มาให้เรานะ 🙂
สรุป
และนี่ก็คือ 10 คำศัพท์ที่มือใหม่ในการทำ SEO ควรจะรู้จักเอาไว้นะครับ
“แก่น” ของ SEO คือการตอบสนองความอยากรู้ อยากค้นคว้าหาคำตอบของมนุษย์ครับ
ในความเห็นของผม การทำ SEO ที่ดีที่สุดคือการ “รู้แต่ไม่หมกมุ่น” ครับ ความหมายของผมคือคุณควรจะรู้จัก “แก่น” ของ SEO และพยายามตอบสนอง “แก่น” นั้นๆ ส่วนรายละเอียด หรือเทคนิคต่างๆ ในการทำ SEO นั้นเป็นสิ่งที่คุณควรรู้ แต่ไม่ควรจะหมกมุ่นกับมันมากเกินไปครับ
หากคุณกำลังเริ่มต้นทำ SEO ให้กับธุรกิจของคุณ หรือต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับ SEO ผมขอแนะนำคอร์ส Essential SEO Strategies ของ Content Shifu ที่เราร่วมออกแบบกับ SEO Specialist ที่ให้คำปรึกษาการทำ SEO ให้กับองค์กรและธุรกิจที่หลากหลาย
สนใจเรียนรู้เพิ่มเติม อ่านรายละเอียดได้ที่นี่
ตาคุณแล้ว
ตอนนี้คุณรู้จักการทำ SEO ดีขึ้นไหมครับ? แล้วมีคำศัพท์ไหนที่อยากจะแนะนำผม และคนอ่านท่านอื่นอีกบ้างรึเปล่า? มาคุยต่อกันได้ในคอมเมนต์เลยครับ 🙂
อ่านต่อ
อ่านวิธีทำ SEO ตอนต่อไป: เทคนิคการทำ SEO
ย้อนกลับไปอ่านบทความ SEO ตอนที่ 1: SEO คืออะไร?
บทความนี้ดีนะคะ อ่านเข้าใจง่ายดีค่ะเหมาะกับผู้ที่ต้องการรู้เบื้องต้นก่อน ก่อนนำทุกอย่างไปใส่ในเว็บไซต์ของตนเอง ให้รู้จักระบบหลังบ้านก่อนว่าแต่ละอย่างคืออะไร ขอบคุณมากๆค่ะ
ดีใจที่ชอบนะครับ : )