ขึ้นชื่อว่าธุรกิจแบบ B2B แล้ว แน่นอนว่าโฟกัสจะต้องอยู่ที่เรื่องการขาย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เลย

เพราะฉะนั้นในบทความนี้ ผมจะไม่พยายามโน้มน้าวให้คุณอยากอ่านต่อด้วยการบอกว่า “ทำการขายให้น้อยลง เปลี่ยนมาทำการตลาดกันเถอะ!” แต่จะขอโน้มน้าวด้วยการบอกว่า “คุณจะขายได้ดีขึ้นและมากขึ้นหลายเท่า ถ้าคุณทำการตลาดเป็น”

เพราะการทำการตลาดจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ เพิ่มคนที่จะสนใจสินค้าหรือบริการของคุณ เพิ่ม Deal ใน Pipeline เพิ่ม “ความเป็นมิตร” เวลาที่ คน/บริษัทคุยงานกับคุณ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นตัวที่จะช่วยทำให้คุณมียอดขายมากขึ้น

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอุตสาหกรรมไหนในธุรกิจแบบ B2B คุณสามารถเอา 10 เทคนิคนี้ไปเริ่มต้นทำได้ทันที

ถ้ารู้สึกว่าทำทั้ง 10 ข้อยากไป ลองหยิบไปลองทำสัก 1-2 ข้อ

ทำ 1 วัน อาจจะยังไม่เห็นผล

ทำ 1 เดือน อาจจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลง

แต่ถ้าทำเกิน 1 ปี มันจะทำให้ธุรกิจ B2B ของคุณเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน

ถ้าพร้อมแล้ว ไปดู 10 เทคนิคการตลาดที่เริ่มต้นทำได้ทันที สำหรับ B2B กันเลยครับ

ป.ล. ถ้าอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับการทำ Digital Marketing for B2B ให้มากขึ้น ลึกขึ้น เอาไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้จริงมากขึ้น ผมกับ Content Shifu มีจัด Digital Marketing for B2B Bootcamp อยู่ ไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือโหลด Syllabus ได้ที่ https://bootcamp.contentshifu.com/db2b เลยครับ

10 เทคนิคการตลาด B2B ทำได้ทันที

1. Blogging

การเขียนบล็อกคือการสร้าง Trust & Authority ด้วยการเขียนบทความเพื่อตอบคำถามหรือแก้ไขปัญหาอะไรบางอย่างให้กับลูกค้า

คนมักจะเข้าใจผิดคิดว่าการอัปเดตข่าวสารของบริษัทคือการเขียนบล็อก แต่จริงๆ ไม่ใช่เพราะการอัปเดตข่าวสารคือการโฟกัสที่ตัวคุณเอง แต่การเขียนบล็อกคือการโฟกัสกับความต้องการหรือปัญหาของลูกค้า

เช่นถ้าคุณขายเครื่องจักร การเขียนข่าวว่าคุณไปทำ MOU ใหม่กับใคร หรือไปปล่อยนกปล่อยปลาที่ไหน ลูกค้าคุณก็คงจะไม่สนใจ แต่ถ้าคุณเขียนคอนเทนต์ให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องจักร การบำรุงรักษา ข้อดีข้อด้อยของเครื่องจักรแต่ละชนิด ว่าที่ลูกค้าของคุณก็คงจะสนใจเรื่องเหล่านี้มากกว่า

ตัวอย่างทางด้านบนเป็นตัวอย่างจากบล็อกของบริษัท Sonsray Machinery บริษัทที่เป็น Distributor สำหรับอุปกรณ์ก่อสร้าง

2. Video Marketing

ของบางอย่าง อธิบายด้วยรูปภาพอาจจะเข้าใจยาก อธิบายด้วยตัวอักษรอาจจะยิ่งยากเข้าไปใหญ่

การทำวิดีโอจะทำให้คนที่จะเป็นว่าที่ลูกค้าของคุณเห็นภาพ และเห็นประโยชน์ของสินค้าของคุณ

ท่านี้เหมาะมากสำหรับสินค้า/บริการที่มีความซับซ้อน และมีราคาค่อนข้างสูง

เช่นถ้าคุณขายเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในโรงงาน การลองผสม ลองสาธิต การใช้งานจริงผ่านวิดีโอจะทำให้ลูกค้าเห็นภาพสินค้าของคุณชัดกว่า

คลิปทางด้านบนเป็นคลิปที่แชร์วิธีการสกัดสารเคมีต่างๆ ออกมาจากสินค้า

3. Ads

ทั้ง Social Ads, Search Ads และรวมถึงการโฆษณากับ Publisher หรือ Influencer ต่างๆ

Social Ads ใช้ในขั้น Awareness แต่ Search Ads อยู่ในขั้น Consideration & Decision

ส่วนการโฆษณากับ Publisher หรือ Influencer นั้น การไปโฆษณากับสื่อ/คนที่มีความ Niche จะให้ผลดีกว่า เช่นถ้าคุณขายซอฟต์แวร์ การทำงานกับ Content Shifu ที่เป็นเว็บไซต์ให้ความรู้เฉพาะทาง (Inbound, Content & Martech) จะทำให้คุณมีโอกาสได้ Lead มากกว่าการทำงานกับสื่อ Lifestyle

อยากเห็นผลลัพธ์ทันที ท่านี้ช่วยคุณได้!

4. SEO

การ Optimize เว็บไซต์ให้โหลดเร็ว การปรับแต่งคอนเทนต์ที่เขียนบนเว็บไซต์ให้เหมาะกับ SEO เช่นการปรับ Title หรือ Keyword ในบทความ และการทำ Link Building (การทำให้เว็บไซต์อื่นส่งลิงก์มายังเว็บไซต์ของคุณ) เป็นอีกท่าที่ทุกธุรกิจ B2B ควรทำ เพื่อที่จะได้มาซึ่ง Traffic แบบที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อโฆษณา

ผลลัพธ์อาจจะไม่หวือหวา แต่ยั่งยืน!

ตัวอย่างเช่น ผมค้นหาวิธีการใช้ Vernier Caliper (เครื่องมือวัดชนิดหนึ่ง) ซึ่งมีเว็บไซต์ต่างๆ ได้เขียนคอนเทนต์และให้ความรู้เรื่องนี้อยู่มากมาย ถ้าบริษัทของผมอยากจะซื้อ Vernier Caliper ผมก็อาจจะเอาบริษัทเหล่านี้ที่ผมค้นเจอ มาอยู่ในรายชื่อ Vendor ครับ

5. Lead Generation

คุณไม่จำเป็นต้องรอให้คนสนใจสินค้า/บริการของคุณ แล้วถึงค่อยขอข้อมูล/กระตุ้นให้เขากรอกฟอร์มติดต่อเข้ามา

คุณสามารถเริ่มเก็บข้อมูลได้ตั้งแต่วันที่คนเริ่มมีคำถามหรือมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณ เพื่อที่คุณจะได้เป็นเจ้าของช่องทางการติดต่อ และสามารถฟูมฟักคนคนนั้นๆ และเมื่อถึงวันที่เขาพร้อมซื้อ เขาจะคิดถึงเป็นคนแรกๆ

ซึ่ง Lead Generation คือการยื่นหมู ยื่นแมว สมมติว่าคุณทำธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์สุขภาพให้องค์กร คุณอาจจะ Offer eBook “เทคนิคการเพิ่ม Productivity ให้องค์กร 100%” เพื่อแลกกับการให้คนที่เข้ามาเห็นให้ข้อมูล พวกชื่อหรืออีเมลมาก่อนก็ได้

ตัวอย่างทางด้านบนเป็นตัวอย่างจากบริษัทที่ทำ Productivity Software อย่าง Wrike ที่ทำ eBook แนะนำวิธีการเพิ่ม Productivity ให้คนดาวน์โหลดได้ (ผมพยายามหาธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์สุขภาพให้องค์กรที่ทำ eBook ให้คนดาวน์โหลดแล้ว แต่หาไม่ได้เลย 😅)

6. Email Marketing

ในความเห็นของผม Email Marketing ถือเป็นหนึ่งในศาสตร์การทำการตลาดที่ถูกมองข้ามไปมากที่สุด

แต่สำหรับธุรกิจ B2B แล้ว ถ้าทำดีๆ ผมคิดว่า Email Marketing จะเป็นหนึ่งในช่องทางที่ให้ ROI มากที่สุดเลย

ผมเคยมีลูกค้าที่ขาย Solution ทางวิศวกรรมที่ทำการ Segment List ของพวกเขาดีๆ แล้วเวลาส่งอีเมลไปทุกครั้ง Average Open Rate ประมาณ 40-60% ทุกครั้ง

หรืออย่างของ Content Shifu เอง เวลาที่เราจะโปรโมตหรือว่าขายอะไร Email เป็น 1 ใน 3 ช่องทางที่ทำให้ปิดการขายได้มากที่สุดเสมอๆ

ตัวอย่างทางด้านบนเป็นตัวอย่างการโปรโมตหนังสือ Content That Sells ของ Content Shifu ผ่านทางอีเมล

Note: คำว่า “ผู้ติดตาม” จะถูกเปลี่ยนเป็นชื่อของผู้รับแต่ละคนเมื่ออีเมลได้ทำการส่งไป เพราะฉะนั้น มันจะทำให้อีเมล Personalize มากขึ้นครับ

7. Community Building

การสร้างชุมชนที่มีกลุ่มคนที่สนใจในเรื่องเดียวกันขึ้นมาเป็นวิธีการที่ผมคิดว่ายากที่สุดในบทความนี้ แต่ก็เป็นวิธีการที่ยั่งยืนที่สุดเช่นเดียวกัน

หนึ่งในวิธีการที่สามารถเริ่มต้นทำได้ง่ายๆ คือการสร้าง Facebook Group ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณขึ้นมา และเริ่มต้นแชร์ความรู้ แชร์กรณีศึกษา หรือเริ่มต้นหัวข้อสนทนาในนั้น

เช่นถ้าคุณทำธุรกิจขายปูน คุณอาจจะสร้างกรุ๊ปที่ชื่อ “ปั้นปูน” (ชื่อสมมติ ใครจะเอาไปใช้ ก็เอาไปใช้ได้เลย ไม่จดลิขสิทธิ์ 😉) แล้วก็รวบรวมคนที่สนใจเรื่องการก่อปูนเข้ามาไว้ด้วยกัน

8. Event

การจัดงานอีเวนต์ขึ้นมาก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีในการหาลูกค้าใหม่ และรักษาลูกค้าเก่า

รูปแบบของอีเวนต์มีหลากหลายรูปแบบเช่น งาน Conference งานสัมมนาให้ความรู้ งานประกาศรางวัล หรืองานขอบคุณลูกค้า

ซึ่งอีเวนต์แต่ละรูปแบบก็มีจุดประสงค์ และให้ประโยชน์แตกต่างกันไป

ตัวอย่างล่าสุดที่ Content Shifu ทำก็คือการจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 7 ปีและเปิดตัวหนังสือเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และขอบคุณผู้ติดตาม ดูรายละเอียดได้ที่ https://contentshifu.com/news/content-shifu-7-years-journety-meetup

9. Webinar

การจัดเว็บบินาร์ก็เหมือนกับการจัดอีเวนต์ เพียงแต่ว่าเปลี่ยนเป็นการจัดออฟไลน์เป็นการจัดออนไลน์

ข้อดีของเว็บบินาร์คือสามารถเริ่มต้นง่ายกว่าและไม่ได้มีต้นทุนค่าสถานที่เหมือนกับการจัดอีเวนต์ออฟไลน์ (หลักๆ จะมีแค่ค่าซอฟต์แวร์ในการจัดเว็บบินาร์เช่น Zoom ซึ่งไม่ได้สูงเท่าไหร่)

ข้อดีข้อที่สองคือเว็บบินาร์สามารถใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทำ Lead Generation ที่มีประสิทธิภาพได้ คือก่อนคนเข้ามาฟัง ต้องกรอกข้อมูลมาก่อน

ตัวอย่างการจัดเว็บบินาร์เช่น ถ้าคุณขายซอฟต์แวร์ทำบัญชี คุณอาจจะจัดเว็บบินาร์ให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการทำบัญชีในตอนต้น แล้วค่อย Tie-in พูดถึงซอฟต์แวร์ที่คุณมีทีหลังก็สามารถทำได้

จากประสบการณ์ของผม ถ้าคุณสามารถทำให้คนเข้าร่วมเว็บบินาร์เห็นความสำคัญของเรื่องนั้นๆ และได้ความรู้ไปก่อน ตอนคุณพูดถึงสินค้าของคุณ คนจะยิ่งสนใจมากขึ้นครับ

CX Champion

ตัวอย่างทางด้านบนเป็นตัวอย่าง Webinar ที่ Content Shifu เคยร่วมจัดกับ Zendesk ที่มีคนลงทะเบียนมาหลายร้อยคนเลย

10. Public Speaking

การทำตัวเองให้ถูกเชิญไปพูดตามงานต่างๆ โดยเฉพาะงานที่มีกลุ่มลูกค้าของคุณอยู่ หรืองานที่มีคนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก เป็นหนึ่งในวิธีการสร้าง Authority ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจสาย B2B เพราะคุณเป็นคนที่เชี่ยวชาญจนถึงขนาดที่ว่ามีคนอยากจะชวนคุณไปสอนหรือแชร์ความรู้ให้คนอื่น

วิธีการทำตัวเองให้ถูกเชิญไปพูดตามงานต่างๆ มีหลายวิธี และมีรายละเอียดเยอะ

ถ้าให้ผมสรุปวิธีการทำง่ายๆ ก็คือ

  1. ทำข้อต่างๆ ข้างบน 9 ข้อแรกให้ดี เดี๋ยวโอกาสจะเริ่มมา
  2. ให้เลือก Keyword ที่จะ Associate กับแบรนด์ของคุณหรือตัวของคุณมา 3 ข้อ (เช่นของ Content Shifu เป็น Inbound Marketing, Content Marketing & Martech)
  3. พูดเรื่องเหล่านี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเริ่มมีคนเบื่อ แบบมีคนมาบอกคุณว่า “พูดเรื่องนี้อีกแล้ว” หรือ “เมื่อไหร่จะหาเรื่องใหม่มาแชร์บ้าง” หรือมีคนเจอหน้าคุณในงานไหนสักงาน แล้วทักคุณว่า นี่มาพูดเรื่องนี้ใช่ไหม

สรุป: การตลาด B2B

และนี่คือ 10 วิธีการทำการตลาดที่ธุรกิจ B2B สามารถเริ่มต้นทำได้ง่ายๆ นะครับ

แน่นอนว่าเร่ิมต้นง่าย แต่ทำให้ดีไม่ง่าย เรื่องแต่ละเรื่องที่ผมแชร์มา มันมีกลยุทธ์และเทคนิคเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง ต้องไปศึกษาเพิ่มเติม และลงมือทำอย่างสม่ำเสมอนะครับ

ขายของสองย่อหน้า

ถ้าคุณอยู่ในธุรกิจสาย B2B และอยากที่จะทำการตลาดให้ดีขึ้น ผมขอแนะนำ Flagship Product ตัวใหม่ล่าสุดของ Content Shifu 👉 DB2B: Digital Marketing for B2B Bootcamp หลักสูตร Digital Marketing 6 สัปดาห์ ที่ออกแบบมาสำหรับเจ้าของกิจการ ผู้บริหาร และผู้จัดการในธุรกิจแบบ B2B โดยเฉพาะ

เน้นเรียนและเวิร์คช็อป 80% กิจกรรมสร้างเน็ตเวิร์ค 20% พบกับวิทยากรชั้นนำกว่า 10 ท่านที่จะมาให้ความรู้ มีไปเยี่ยมชม Office Salesforce และเรียนจบได้รับใบประกาศนียบัตร เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bootcamp.contentshifu.com/db2b