ข้อมูลจาก datareport.com บอกว่า คนไทยชมวิดีโอใน YouTube มากถึง 1.25 พันล้านครั้งต่อเดือน หรือ 40 ล้านครั้งต่อวัน

ลองจินตนาการว่า หากคุณทำช่องยูทูปซึ่งบอกเล่าสิ่งที่ต้องการขาย เช่น สินค้า เพลง หรือ เรื่องราวต่างๆ แล้วประสบความสำเร็จ ผู้ชมมองเห็นวิดีโอคุณเป็นลำดับต้นๆ ในแพลตฟอร์มที่ปริมาณเข้าชมมหาศาลถึง 40 ล้านครั้งต่อวัน จะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับคุณมากขนาดไหน 

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ช่อง YouTube ประสบความสำเร็จ คือ การวิเคราะห์คีย์เวิร์ด YouTube Keyword Research ซึ่งเป็นการค้นหาว่า กลุ่มเป้าหมายใช้คำอะไรในการค้นหาวิดีโอ และเนื้อหาแบบไหนที่ชอบดูและอยากแชร์ให้ผู้อื่น

บทความนี้ จะแชร์วิธีการค้นหาคีย์เวิรด์ YouTube [Step – By – Step] ซึ่งจะช่วยให้ YouTuber มียอดเข้าชมวิดีโอและผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผมเชื่อว่า เมื่ออ่านจนจบ ผู้อ่านจะสามารถนำวิธีนี้ไปใช้ เพื่อเพิ่มรายได้และโอกาสทางธุรกิจจากการทำ YouTube ได้อย่างแน่นอนครับ

คีย์เวิร์ด YouTube คืออะไร

คีย์เวิร์ด YouTube คือ คำ หรือ วลี ซึ่งผู้ใช้ยูทูปพิมพ์เพื่อจะค้นหาเรื่องราวที่ต้องการชม

ตัวอย่างเช่น ผมอยากรู้ข้อมูลล่าสุดของ ลิซ่า Blackpink ว่า จะออกซิงเกิ้ลใหม่เมื่อไหร่ จึงพิมพ์คำว่า  ลิซ่า Blackpink ข่าวล่าสุด  แล้วกด Enter เพื่อหาข้อมูล ซึ่งคำว่า  “ลิซ่า Blackpink ข่าวล่าสุด” นั่นแหละครับ คือคีย์เวิร์ด

วิเคราะห์คีย์เวิร์ด YouTube [YouTube Keyword Research] คืออะไร

การทำ YouTube Keyword Research คือ การที่เจ้าของช่อง YouTube ต้องค้นหาว่า กลุ่มเป้าหมายของช่อง ใช้คำหรือประโยคใดในการค้นหาวิดีโอที่ต้องการชม การทำ Research ดังกล่าว จะเกิดประโยชน์กับเจ้าของช่องดังนี้

1. รู้ใจคน

การค้นหาคีย์เวิร์ด์ YouTube จะช่วยให้ YouTuber ทราบว่า กลุ่มเป้าหมายของช่อง สนใจเรื่องราวใดเป็นพิเศษ แล้วยังรู้อีกว่า รูปแบบเนื้อหาชนิดใด ที่ผู้ชมชอบดู

ตัวอย่างเช่น หากคุณทำช่องสอนเขียนเว็บไซต์ คุณต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายชอบเนื้อหาลักษณะเป็นภาพรวม เบื้องต้น ไม่ซับซ้อน หรือสนใจเนื้อหาแบบเจาะลึก ละเอียดยิบ 

การรู้ข้อมูลข้างต้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเปรียบเหมือนแผนที่ขุมทรัพย์ ชี้ทางให้เจ้าของช่องสร้างสรรค์วิดีโอได้ตรงกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายอยากดู ดึงดูดความสนใจของผู้ชม เพิ่มโอกาสที่ได้รับยอดผู้ติดตามมากขึ้น

กลับกัน หากเจ้าของช่องขาดข้อมูล มองไม่ออกว่า กลุ่มเป้าหมายสนใจเรื่องใด ชอบดูเนื้อหาแบบไหน ก็เหมือนการเดินทางซึ่งไร้เข็มทิศนำทาง โอกาสสำเร็จย่อมหริบหรี่

2. มองเห็นง่าย

วิธีที่ YouTube ใช้ในการคัดเลือกวิดีโอมาแสดงผล จะเริ่มจาก YouTube วิเคราะห์ว่า คีย์เวิร์ดที่คนใช้ค้นหาเกี่ยวข้องกับอะไร จากนั้นพิจารณาว่า วิดีโอใดบ้างเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ด แล้วจึงนำวิดีโอเหล่านั้นมาแสดงบนผลการค้นหา

ดังนั้นหากเจ้าของช่อง ปรับแต่งวิดีโอให้สอดคล้องกับคีย์เวิร์ด ด้วยการใส่คีย์เวิร์ดใน Title & Description ของวิดีโอ จะส่งผลให้ YouTube เข้าใจง่ายว่า วิดีิโอนี้เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่คนค้นหา โอกาสคนเห็นวิดีโอในลำดับต้นๆ จะเพิ่มขึ้น

เหตุผลข้างต้น การรู้คีย์เวิร์ดจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะได้นำไปใช้ปรับแต่งวิดีโอ เพิ่มโอกาสได้ยอดชมมากขึ้นนั่นเอง

รู้จัก YouTube Keyword Tool

YouTube Keyword Tool คือ เครื่องมือที่บอกข้อมูลว่า คนไทยใช้คำอะไรในการค้นหาวิดีโอในยูทูป แล้วยังบอกอีกว่า แต่ละคำมีปริมาณคนค้นหาต่อเดือนเท่าไหร่  ทำให้ปรากฏในลำดับต้นๆ ยากหรือง่าย 

โดยเครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ด YouTube ที่แนะนำ มีดังนี้

1. Vidlq

Cr:https://vidiq.com

Vidlq คือ เครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ด YouTube ที่มีฟีเจอร์ดีๆ หลายอย่างที่ช่วยทำให้ช่องยูทูปประสบความสำเร็จ เช่น เครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ด วิเคราะห์คู่แข่ง YouTube SEO และอื่นๆ แถมราคาต่อเดือนยังไม่แพงอีกด้วย

2. Ahrefs : YouTube Keyword Tool

Cr: https://ahrefs.com/youtube-keyword-tool

Ahrefs : YouTube keyword Tool เป็นอีกเครื่องมือที่ยอดนิยมที่ใช้หาคีย์เวิร์ด จุดเด่นคือ ใช้งานฟรี ข้อมูลที่แสดงเป็นแบบ Full Feature ไม่มีกั๊ก อย่างไรก็ตาม เครื่องมือนี้ใช้หาได้แค่คีย์เวิร์ดเท่านั้น ไม่มีฟีเจอร์วิเคราะห์คู่แข่ง และอื่นๆ เหมือน Vidlq

ต่อไป เรามาลงรายละเอียด ขั้นตอนการทำ YouTube Keyword Research กันครับ 

ขั้นตอนการทำ YouTube Keyword Research

1.คิดคำหลัก

ขั้นตอนแรก คือ คิดคำหลัก ซึ่งคือคำที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของช่อง เป็นคำกว้างๆ แสดงภาพรวม 

ตัวอย่างเช่น หากผมอยากทำช่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีการตลาด และ ธุรกิจออนไลน์ คำหลักของช่องผมคือ

  • Martech 
  • การตลาดออนไลน์
  • ขายของออนไลน์

โดยหลักการสำคัญของการคิดคำหลักคือ คิดคำหลักออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะคิดออก แล้วจดลงกระดาษหรือโน๊ตไว้เพราะยิ่งเค้นได้มากเท่าไหร่ ยิ่งมีไอเดียทำคอนเทนต์มากเท่านั้น

2. ใช้ YouTube Keyword Tool

หลังจากคิดคำหลักได้ ขั้นต่อมา ให้นำคำหลักนั้นไปใช้งานร่วมกับ YouTtube Keyword Tool 

โดยเป้าหมายของขั้นตอนนี้คือ ต้องการได้ข้อมูล 2 เรื่อง ดังนี้

  1. หาคำรอง  

คำรอง คือ คำหรือวลีที่ “ขยายคำหลัก” โดยมักเป็นวลีที่มีคำหลักผสมอยู่ ตัวอย่างเช่น

คำหลัก

  • การตลาดออนไลน์

คำรอง 

  • การตลาดออนไลน์ คืออะไร 
  • การตลาดออนไลน์ ทำอะไรบ้าง
  • เทรน การตลาดออนไลน์
  • เรียน การตลาดออนไลน์ 

YouTube Keyword Tool จะทำให้เรารู้ว่า คำหลักที่เราคิดออกจากขั้นตอน 1 นั้น มีคำรองอะไร มีมากหรือมีน้อย  

โดยยิ่งคำหลักไหนมีคำรองจำนวนมาก ยิ่งเป็นสัญญาณที่ดี สะท้อนว่า ผู้คนสนใจเรื่องราวที่เกี่ยวกับคำหลักในหลากหลายประเด็น นั่นหมายถึง มีโอกาสสูงซึ่งวิดีิโอของเราจะมียอดเข้าชมจำนวนมาก 

  1. หาคำหลักเพิ่ม

YouTube Keyword Tool จะช่วยให้เราค้นพบคำหลักเพิ่มเติม เพราะบางครั้ง แม้เราจะคิดว่า นึกคำหลักที่เกี่ยวข้องกับช่องได้หมดครบถ้วนแล้ว แต่การใช้ Keyword Tool มักทำให้เจอคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาช่อง แต่เราคาดไม่ถึงอยู่เสมอ

วิธีใช้ YouTube Keyword Tool

ขั้นตอน 1

ล็อกอินเข้า VidlQ >> คลิกแถบ “Keyword” >> ใส่คำหลัก แล้วกด Enter  >> จะปรากฏข้อมูลคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับคำหลัก ตามรูปข้างล่าง

youtube-keyword

ขั้นตอน 2

คลิกแถบ Related Keywords เพื่อดูข้อมูล

Related Keyword คือ ข้อมูลคำที่ “เกี่ยวข้อง” กับคำหลักทั้งหมด ซึ่งอาจเป็นคำที่หมายถึงสิ่งเดียวกันแต่เรียกคนละคำ (เช่น คำว่า “การตลาดออนไลน์” กับ “Digital Marketing”)  หรือ เรื่องอื่นที่ใกล้เคียงกับคำหลัก ตัวอย่างตามรูปข้างล่าง

โดยข้อมูลข้างต้น มี Metric ที่ควรทราบดังนี้

  • Search Volume : ปริมาณคนค้นหาคีย์เวิร์ดโดยเฉลี่ยต่อเดือน
  • Competition : ความยากง่ายในการทำให้วิดีโอปรากฏในลำดับต้นๆ โดย High หมายถึง แข่งขันสูง (ยาก) , Medium หมายถึง แข่งขันปานกลาง, Low หมายถึง แข่งขันต่ำ (ง่าย) 
  • Overall : ความยากง่ายในการทำให้วิดิโดปรากฏในลำดับต้นๆ แสดงในรูปแบบตัวเลข มีค่าตั้งแต่ 0 – 100  ยิ่งตัวเลขสูง ยิ่งแข่งขันง่ายเท่านั้น

นอกจากจะให้ข้อมูลคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับคำหลักแล้ว อีกประโยชน์สำคัญของ แถบ Related Keyword คือ พบเจอ “คำหลัก” อื่นๆ ซึ่งนอกเหนือจากที่เราคิดออก 

โดยตัวอย่างนี้  เมื่อไล่ดู Related Keyword ของคำว่า “การตลาดออนไลน์” เราพบคำว่า “การทำ digital marketing” และ “การตลาด online” ซึ่งเหมาะเป็นคำหลัก เพราะเป็นคำที่สอดคล้องกับเนื้อหาของช่อง

ขั้นตอน 3

คลิกแถบ Matching terms เพื่อดูข้อมูล

Matching terms คือ แสดงคีย์เวิร์ดเฉพาะที่เป็น “คำรอง”  คือ คำหรือวลีที่มีคำหลักประกอบอยู่

โดยข้อมูล Related Keywords & Matching terms สามารถ Export ข้อมูลออกมาเป็น excel  โดยการกดปุ่ม “Export” มุมขวาบน

ขั้นตอน 4

นำคำหลักทั้งในส่วนที่คิดออกและพบใหม่จาก Related Keywords ไปทำในขั้นตอน 1-3 จนครบทุกคำ จากนั้น Export ข้อมูลทั้งหมดออกมา 

ขั้นตอน 5

จัดกลุ่มข้อมูลคีย์เวิร์ดจากขั้นตอน 4 ให้เป็นระเบียบ  โดยเรียงคำหลักและคำรองให้อยู่แถวเดียวกัน ตัวอย่างตามรูปข้างล่าง  เป็นอันเสร็จ

3 : สืบคีย์เวิร์ดจากคู่แข่ง

ขั้นตอนต่อมา คือ การวิเคราะห์คู่แข่ง อันเป็นการวิเคราะห์ช่องยูทูปซึ่งมีผู้เข้าชมเยอะ คนติดตามมาก และมีเรื่องราวเนื้อหาคล้ายคลึงกับช่องเรา เพื่อหาข้อมูลว่า วิดีโอของช่องเหล่านี้ เรื่องใดได้รับยอดวิวจำนวนมาก 

จากนั้นเจาะลึกต่อว่า การที่คนเห็นวิดีโอที่ยอดวิวสูงของคู่แข่งนั้น พวกเขาใช้คีย์เวิร์ดอะไรในการค้นหา เพื่อเราจะได้นำคีย์เวิร์ดดังกล่าว มาปรับใช้กับช่องเราบ้าง

วิธีสืบคีย์เวิร์ดจากคู่แข่ง

ขั้นตอน 1

ติดตั้งเครื่องมือ vidIQ Chrome Extension

ขั้นตอน 2

เปิด Chrome Browser  >> เข้า YouTube.com >>  พิมพ์ คำหลัก ในช่องค้นหา >> กด Enter

ตัวอย่างเช่น หากคำหลักของผมคือ “การตลาดออนไลน์”  ก็นำคำหลักดังกล่าว ไปใช้ค้นหาในยูทูป จากนั้นลิสต์รายชื่อช่องที่ปรากฏในลำดับต้นๆ ซึ่งช่องเหล่านั้นแหละ คือ คู่แข่งของเรา

โดยบทความนี้ ผมจะจำลองช่อง Content Shifu ว่าเป็นคู่แข่ง เพื่อแสดงวิธีสืบคีย์เวิร์ด

ขั้นตอน 3

ไปที่ช่องคู่แข่ง >> เลือกแถบ “videos” >> เลือกแถบ “Popular”  จะปรากฏวิดีโอที่มียอดชมสูงสุดของคู่แข่ง เรียงลำดับจากมากไปน้อย

ขั้นตอน 4

คลิกเข้าชมวิดีโอ >> เลื่อนเมาส์ลงมาจนเจอหน้าต่าง “Video Tags” ที่มุมขวาล่าง ซึ่งข้อมูลใน Video Tags คือคีย์เวิร์ดที่คู่แข่งใช้ในวิดีโอนี้

ขั้นตอน 5

พิจารณาคีย์เวิร์ดในช่อง Video Tags และจดคำที่น่าสนใจ  โดยเมื่อเราคลิกที่คีย์เวิร์ด จะปรากฏข้อมูล Search Volume และ Related Keyword ขึ้นบนหน้าจอ ช่วยให้เรารู้ข้อมูลได้ละเอียดขึ้นด้วย

ขั้นตอน 6

กลับไปพิจารณา “Popular Video” อื่นๆ ของคู่แข่งให้มากที่สุด เพื่อเก็บสะสมคีย์เวิร์ดที่เหมาะกับช่องของเรา ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลานานหลายวัน แต่ผมการันตีว่า จะให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า เพราะทำให้รู้ว่า กลุ่มเป้าหมายสนใจเรื่องอะไร ใช้คีย์เวิร์ดอะไรค้นหาวิดีโอ เพื่อนำมาสร้างสรรค์วิดีโอเจ๋งๆ เนื้อหาถูกใจผู้ชมต่อไป

4. ทำ Keyword Mapping 

หลังจากขั้นตอนการใช้ Keyword Tool และ สืบจากคู่แข่ง เราจะได้ชุดคียเวิร์ดที่เหมาะกับช่องเราเป็นจำนวนหนึ่ง ขั้นตอนสุดท้ายคือ นำคีย์เวิร์ดเหล่านั้นมาทำ Keyword Mapping 

Keyword Mapping คือการระบุคีย์เวิร์ดให้คอนเทนต์ เพื่อนำไปวางแผนทำคอนเทนต์ให้สอดคล้องกับคีย์เวิร์ดที่คนค้นหา มีวิธีการดังนี้

วิธีทำ Keyword Mapping

ขั้นตอน 1

พิจารณาที่คีย์หลักซึ่งมีคีย์รองขยายจำนวนมาก จากนั้นจัดกลุ่มคีย์รอง โดยแบ่งกลุ่มตามหัวข้อเรื่องเดียวกัน  

ตัวอย่างเช่น สมมติ คีย์หลักคือ “การตลาดออนไลน์”  โดยมีคีย์รองตามรูปข้างล่าง

ขั้นตอน 2

จัดกลุ่มคีย์รองใหม่ โดยหัวข้อเดียวกันให้อยู่กลุ่มเดียวกัน ดังนี้

กลุ่ม  ทฤษฎีการตลาดออนไลน์

  • การตลาดออนไลน์
  • การตลาดออนไลน์ คือ
  • การตลาดออนไลน์ ทำอะไรบ้าง

กลุ่ม   trend การตลาดออนไลน์

  • trend การตลาดออนไลน์ 2023 
  • เทรนด์ การตลาดออนไลน์
  • การตลาดออนไลน์ ล่าสุด

กลุ่ม  การตลาดออนไลน์ TikTok

  • การตลาดออนไลน์ TikTok
  • สอน การตลาดออนไลน์ TikTok
  • ทำ การตลาดออนไลน์ TikTok

ขั้นตอน 3

จากนั้นทำ Keyword Mapping  คือการระบุว่า คีย์เวิร์ดของคอนเทนต์คืออะไร โดยเนื้อหาของคอนเทนต์ต้องสอดคล้องกับคีย์เวิร์ด  ตัวอย่างตามรูป

ขั้นตอน 4

ทำข้้นตอน 1-3 กับคีย์หลักและคีย์รองชุดอื่นๆ จนครบ เป็นอันเสร็จขั้นตอนของการทำ YouTube Keyword Research

สรุป

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ช่อง YouTube ประสบความสำเร็จ มียอดวิวและผู้ติดตามจำนวนมาก คือ การทำ YouTube Keyword Reseach ซึ่งเป็นการค้นหาว่า กลุ่มเป้าหมายใช้คำอะไรในการค้นหาวิดีโอ และเนื้อหาแบบไหนที่ชอบดูและอยากแชร์ให้ผู้อื่น

ซึ่งวิธีการทั้ง 4 ขั้นตอน อันได้แก่ 1. คิดคำหลัก 2. ใช้ Keyword Tool 3. สืบคู่แข่ง 4. Keyword Mapping ก็ได้อธิบายอย่างครบถ้วนในบทความแล้ว ซึ่งผมเชื่อว่า หากผู้อ่านได้นำวิธีการข้างต้นไปปรับใช้ จะช่วยให้สร้างวิดีโอที่โดนใจผู้ชม เพิ่มโอกาสที่จะมียอดวิวและผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอนครับ