โดยปกติแล้ว Google ใช้วิธีการเก็บข้อมูลผู้ใช้ด้วยการเก็บคุกกี้เพื่อนำข้อมูล User มาวิเคราะห์และปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานของเว็บไซต์และใช้ประโยชน์ในการทำการตลาดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำโฆษณาและ Ads Retargeting เพื่อช่วยให้นักการตลาดยิงโฆษณาไปหากลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น คุ้มค่ากับทุกเม็ดเงินที่จ่ายไปกับโฆษณา แต่วิธีการนี้อาจจะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป ถ้าผู้ใช้ไม่กดยินยอมให้ใช้คุกกี้

Google จึงได้พยายามหาวิธีที่จะรักษาความปลอดภัยข้อมูลของผู้ใช้แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้มั่นใจว่านักการตลาดจะได้ข้อมูลที่ดีที่สุดเพื่อนำไปพัฒนาและปรับปรุงแคมเปญโฆษณาต่อไป อย่างเมื่อปีที่ผ่านมา Google ก็ได้ประกาศ Google Analytics 4 ที่มี Conversion Model เข้ามาช่วยแก้ปัญหาการวัดผลและปรับปรุง insight ให้ดีขึ้นในการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า หากลูกค้าไม่ยินยอมให้ใช้คุกกี้

และล่าสุดนั้น Google ประกาศที่จะนำ Machine learning มาใช้ทำรายงานการวิเคราะห์ข้อมูลจากพฤติกรรมลูกค้าเข้าไปไว้ใน Google Analytics ตัวอย่างเช่น ใน User Acquisition reports ถ้าหากเกิดปัญหาในการนับจำนวนผู้ใช้งานใหม่ในแคมเปญ เราก็สามารถใช้โมเดลใหม่นี้มาแก้ปัญหานี้ได้ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้นักการตลาดทั้งหลายทำความเข้าใจ Customer Journey ระหว่างแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้นโดยที่จะใช้หรือไม่ใช้คุกกี้ก็ได้

รูปภาพจาก Unsplash

ปรับปรุง Consent mode ให้ผู้ใช้เป็นคนเลือก

Consent mode ช่วยให้นักโฆษณาสามารถเข้าไปปรับ Google tag ได้ โดยขึ้นอยู่กับความยินยอมของแต่ละบุคคล หากผู้ใช้ไม่ยินยอมให้ใช้คุกกี้ Consent mode ก็จะใช้ Coversion model แทนเพื่อช่วยให้นักการตลาดวัดผลของลูกค้าตาม Customer Journey ได้

Google บอกว่า เพื่อให้เว็บไซต์รวมเข้ากับ Consent Mode ง่ายขึ้น เร็วๆ นี้ เรากำลังจะอนุญาตให้เข้าถึงบัญชี Tag Manager โดยตรง เพื่อที่จะได้เข้าไปแก้ไขและปรับแต่งพฤติกรรมของ tag ผ่านการตั้งค่าความยินยอมของผู้ใช้

วิธีการใหม่นี้จะยิง Ads แม่นยำอยู่ไหม?

วิธีการใหม่นี้ Google มองว่าจะทำให้แม่นยำขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าผู้ใช้เองอาจจะไม่ยินยอมให้ใช้คุกกี้ แต่ Google ก็ยังทำให้โฆษณาแม่นยำขึ้นกว่าเดิมด้วยการใช้ข้อมูลจาก fisrt-party และข้อมูลบางส่วนที่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้งาน ล่าสุด Google ก็มีแผนที่จะปรับปรุง Conversion เพื่อช่วยให้ tag ใช้ข้อมูลจากบุคคลที่ยินยอมและให้มุมมองที่แม่นยำมากขึ้นว่าผู้ใช้ทำ Conversion อย่างไรหลังจากมีส่วนร่วมกับโฆษณา

นอกจากนี้นักการตลาดยังสามารถรับข้อมูลที่ต้องการเพื่อนำมาวิเคราะห์ประสิทธิภาพของโฆษณาในเชิงลึก อย่างเช่น Conversion Lift และปรับปรุงการวัดผลในกรณีที่โฆษณาแสดงที่อุปกรณ์หนึ่งแต่ผู้ใช้ทำ Conversion ในอุปกรณ์อื่น ซึ่งข้อมูลจะถูกแฮชเสมอเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และรักษาความปลอดภัย

สรุปใครโดนผลกระทบบ้าง?

ท่ามกลางการถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ทำให้การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ส่งผลดีกับผู้ใช้มากขึ้น เนื่องจากผู้ใช้สามารถเลือกที่จะยินยอมหรือไม่ยินยอมใช้คุกกี้ได้ด้วยตนเอง จึงทำให้ผู้ใช้งานทั้งหลายมั่นใจได้ว่าข้อมูลของพวกเขาจะปลอดภัย

ส่วนในมุมมองของนักการตลาดนั้นก็จะได้รับผลกระทบในเรื่องการรักษาความแม่นยำในการกำหนดเป้าหมายและการวัดผลของโฆษณา ถึงแม้ Google จะมีวิธีการใหม่ที่ดีกว่าเดิมเข้ามาแก้ไขปัญหา แต่ก็ต้องมาดูกันอีกทีว่าหลังจากใช้งานจริงแล้ว นักการตลาดนั้นจะสามารถนำข้อมูลมาใช้และยิงโฆษณาได้แม่นยำมากน้อยต่างไปจากเดิมแค่ไหน


อยากให้ทุกคนจับตาดูเรื่องนี้เอาไว้ เพราะว่าวิธีนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าวิธีการใหม่นี้จะเปิดให้ใช้เมื่อไร แล้วจะมาช่วยให้ผลลัพธ์ของโฆษณาดีขึ้นจริงหรือไม่

ข่าวจาก : https://martech.org/google-ads-announces-privacy-focused-changes-for-analytics-tag-manager-and-enhanced-conversions/